top of page
  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon

2015.04.11 Japan Trip #8 Day3 - Isumi Railway, Funabashi

  • Writer: Puttipong Niamsab
    Puttipong Niamsab
  • Mar 6, 2024
  • 3 min read

Updated: May 17, 2024

แพลนเที่ยววันนี้ไปแบบสนองนี้ดล้วนๆเลย ทั้งการไปออกตามหา Moomin Valley ที่เมืองอิสึมิที่อยู่ทางตะวันออกของจังหวัดจิบะ และการไปเยือนบ้านเกิดของฟุนัชชี่นั่นก็คือเมืองฟุนะบะชินั่นเอง


ree

การนั่งรถไฟออกไปทางจังหวัดจิบะนั้น จากที่พักที่มินะมิเซ็นจูก็ต้องไปเปลี่ยนสายรถไฟ JR สาย Keiyo Line/Musashino Line ที่สถานีโตเกียว เพราะมันเป็นชานชาลาของรถไฟที่ออกไปทางฝั่งจังหวัดจิบะ(ไปดิสนี่ย์แลนด์ก็เช่นกัน) ชานชาลาจะอยู่แยกห่างจากชานชาลาหลักของสถานีโตเกียวประมาณ 450-500 เมตร ซึ่งการที่จะจองตั๋วที่นั่งรถไฟ Limited Express นั้นควรเผื่อเวลาเดินเอาไว้ด้วย


ree

ใช่แล้ว..เรากำลังเตือนตัวเองที่ทำพลาดไป ทำให้เราเดินไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาของสาย Keiyo Line ไม่ทัน ทำให้ต้องเดินย้อนกลับมาจองที่นั่งรถไฟรอบถัดไป เสียเวลาเที่ยวไปเป็นชั่วโมง แทนที่จะได้ไปเที่ยวตั้งแต่ 9 โมงเช้า


ree

รถไฟที่เราจองไว้เป็นรถไฟ Limited Express Wakashio ที่วิ่งออกจากสถานี Tokyo ไปสุดสายที่สถานี Awa-Kamogawa ทางใต้ของแหลมโบโซในจังหวัดจิบะ แต่สถานีที่เราจะลงคือสถานี Ohara ที่อยู่ทางตะวันออกของแหลมโบโซ


ree

เดินมาถ่ายรูปหัวขบวนรถไฟกันสักหน่อย


ree

ได้ขึ้นแล้วนะ! Limited Express Wakashio


ree

ผู้โดยสารเยอะกว่าที่คิดแฮะ คิดว่ารถไฟด่วนออกจิบะจะมีคนใช้บริการน้อยเหมือนที่ฮิดะหรือไอสึซะอีก แต่ผิดถนัดเลย คงเพราะออกจากเมืองหลวง และราคาตั๋วก็ไม่ได้แพงมากนัก


ree

รถขบวนที่จะนั่งคือ Limited Express Wakashio 5 ออกจากสถานี Tokyo เวลา 10.00 น. ไปถึงสถานี Ohara เวลา 11.16 น.


ree

ระหว่างนั่งรถไฟก็ทานข้าวกล่องไปพลางๆ


ree

ใช้เวลาประมาณ 75 นาทีก็มาถึงสถานี Ohara แล้ว


ree

ป้ายสถานี JR ของ Ohara


ree

เดี๋ยวเราจะต้องต่อรถไฟท้องถิ่นคือ Isumi Railway กันต่อ สถานีกับชานชาลาอยู่ติดกันก็จริง แต่ต้องเดินออกไปเปลี่ยนสายรถไฟด้านนอก


ree

ออกจากเกทประตูมาที่หน้าสถานี เดินออกจากสถานี JR ไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าเลย ข้างๆกันจะเป็นสถานีของ Isumi Railway สังเกตตู้ขายน้ำจะเป็นสีของรถไฟที่วิ่งในเส้นทางของ Isumi Railway ล่ะ


ree

เข้าไปในสถานีรถไฟ Isumi Railway กันดีกว่า


ree

ยืนดูตารางรอบรถไฟอยู่พักนึง กว่ารถไฟจะมาก็อีกตั้ง 40 กว่านาที แต่ก็ไปกดตู้ซื้อตั๋วรถไฟไว้ก่อนก็แล้วกัน คุณพนักงานเดินมาถามว่าจะไปลงที่ไหน ก็บอกเค้าไปว่าจะลงสถานี Kuniyoshi เค้าก็บอกว่าตั๋วราคา 330 เยน กดซื้อจากที่ตู้นี้ได้เลย


ree

หน้าตาของตั๋วจะเป็นแบบนี้ เขียนว่าลงคุนิโยชิ ราคา 330 เยน


ree

รถไฟมาถึงก่อนเวลารถออกประมาณ 5 นาที รถจอดสนิทปุ๊บผู้โดยสารก็มามุงๆถ่ายรูปกันเกือบทุกคนเลยก่อนที่จะเดินขึ้นรถไฟกัน


ree

เราก็เช่นกัน ติ่งมูมินขอให้บอก ไม่งั้นไม่มาถึงที่หรอกนะ!


ree

ขึ้นมาบนรถไฟที่เป็นแบบ One Man แล้ว! รถไฟจะออกจากสถานี Ohara ซึ่งเป็นต้นสายเวลา 11.58 น. และจะไปถึงสถานี Kuniyoshi เวลา 12.13 น.


ree

รถไฟ Isumi Railway นี้ จะประดับประดาตกแต่งตู้โดยสารด้วยตัวละครจากเรื่องมูมินทั้งหมดเลย ทั้งมูมินเอย,สนัฟกิ้นเอย


ree

เมื่อรถไฟเริ่มออกเดินทางมาได้หน่อย เส้นทางที่ผ่านรอบๆก็จะยังเป็นไร่นาของชาวบ้านตามชนบทแบบนี้


ree

ชานชาลาของสถานีรถไฟ Isumi Railway มันก็ออกแนวเก่าๆโลค่อลๆแบบนี้ล่ะ


ree

ผ่านสถานีที่ 2 ไป คุณเจ้าหน้าที่จะประกาศว่าเดี๋ยวจะถึง Moomin Valley แล้วนะครับ เราก็งงทำไมมันถึงเร็วจัง จนได้เห็นข้างทางก็ร้องอ๋อ..


พนักงานขับรถเค้าหมายถึงจุดชมวิวที่จัดเป็นฉากเหมือนในการ์ตูนเรื่องมูมินนี่เอง!


ree

ใกล้จะถึงสถานี Kuniyoshi แล้ว มายืนส่องเส้นทางการเดินรถไฟซะหน่อย


ree

และรถไฟก็มาจอดที่สถานี Kuniyoshi เป็นที่เรียบร้อย


ree

ป้ายสถานี Kuniyoshi มีพี่มูมินสองตัวนั่งรอต้อนรับเราอยู่


ree

ช่วงที่ไปเที่ยวนั้นเป็นช่วงที่ซากุระบานเต็มที่พอดี ลมเย็นๆกับการเดินชมดอกไม้เป็นอะไรที่ฟินมากๆ


ree

ซากุระบานสวยงาม


ree

ขนาดกระถางต้นไม้ยังเป็นตู้รถไฟ Isumi Railway เลย ชอบความใส่ใจนี้


ree

ได้เวลาไปสำรวจ Moomin Valley กันแล้ว ทางลงไปสนามหญ้าจะสามารถลงได้สองทางหัวและท้ายชานชาลา เหมือนเป็นเส้นทางเดินเล่นขึ้นอยู่กับว่าจะลงฝั่งไหนขึ้นฝั่งไหนกัน


ree

สวนที่จัดทำเป็น Moomin Valley นี้จะเป็นสวนที่ชื่อว่า "Kaze Soyogu Hiroba"


ree

สนามหญ้าบริเวณนี้เค้าจัดเป็นคล้ายๆกับสนามในการ์ตูนเรื่องมูมิน


ree

เมื่อเช้าฝนเพิ่งจะตกไป สวนก็เลยดูชื้นๆเปียกๆไปบ้าง


ree

เจอพี่มูมินสลักไม้ มุมนี้สวยดี พี่มูมินกับซากุระด้านหลัง


ree

เดินกลับขึ้นมาก็เห็นว่ารถไฟขากลับกำลังมาจอดที่สถานี Kuniyoshi นี้พอดี


ree

ชอบรูปนี้จัง เหมือนรวมตัวละครทั้งหมดในเรื่อง


ree

เราเดินข้ามทางรถไฟมาฝั่งที่เป็นตัวสถานีและทางออกสถานีกันบ้าง


ree

ที่สถานี Kuniyoshi นี้มีร้านขายของ Moomin Shop -Valley Winds- อยู่ข้างในด้วยนะ


ree

เดินเข้าไปในตัวสถานีกัน


ree

ข้างๆประตูเป็นป้ายสำหรับถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าได้มาเยือนที่สถานีนี้แล้ว ลงวันเดือนปีเสร็จสรรพ


ree

ยินดีต้อนรับสู่สถานี Kuniyoshi อีกครั้ง


ree

ด้านในของสถานีจะมีจุดนั่งถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกเช่นเดียวกัน


ree

ได้มาเยือนแล้วนะ!


ree

จากนั้นก็เข้าไปเดินสำรวจภายใน Moomin Shop ซะหน่อย


ree

สินค้าหลากหลายมากๆ แบบว่าไม่เคยเห็นที่ไหนขายสินค้าของการ์ตูนเรื่องมูมินหลายประเภทแบบนี้มาก่อนเลย มีหมดทั้งเครื่องเขียน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้ง DVD การ์ตูนด้วย อยากได้ไปซะหมดเลย!


ree

สุดท้ายเราก็ได้เจ้าสน๊อคเมเด้นตัวโปรดกลับบ้านมาหนึ่งตัวล่ะ


ree

ก่อนรถไฟเที่ยวกลับจะมา ไปกดตู้ซื้อตั๋วรถไฟกลับไปลงที่สถานี Ohara ไว้ก่อน


ree

ระหว่างนั้นมีรถไฟแบบ Limited Express ผ่านมาจอดพอดี เลยเดินไปถ่ายรูปซะหน่อย


ree

ภายในนั้นเป็นเหมือนรถไฟคาเฟ่ล่ะ มีเค้กมีเครื่องดื่มเสิร์ฟ ที่นั่งด้านในรถไฟก็ทำเป็นแบบโต๊ะอาหารด้วยนะ แต่จำไม่ได้ว่าค่าตั๋วโดยสารรถไฟแบบนี้ราคาเท่าไหร่และต้องจองล่วงหน้ายังไง เท่าที่รู้คือรถไฟขบวนนี้จะวิ่งเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์เท่านั้น


ree

ยืนรับลมเย็นๆรอรถไฟมา อากาศดีมาก ลมเย็น แดดไม่มี


ree

รถไฟมาแล้วๆ รถเที่ยวกลับมาถึงสถานี Kuniyoshi เวลา 13.36 น. จะกลับไปถึงสถานี Ohara เวลา 13.52 น.


ree

มาถึงสถานี Ohara ก็ต้องแวะร้านขายของที่ระลึกที่ด้านในสถานีกันซะหน่อย


ree

จากนั้นก็เดินกลับไปที่สถานีของรถไฟ JR กันต่อ


ree

อีกเป็นชั่วโมงกว่ารถไฟจะมา เราก็เดินเล่นวนๆอยู่แถวสถานีรอ อากาศขมุกขมัวน่านอนยิ่งนัก


ree

ถึงเวลารถไฟมาก็รีบเดินขึ้นรถไฟทันที ตามแพลนเราจะเดินทางไปที่เมืองฟุนะบะชิกันต่อเพื่อตามหาสินค้าของเจ้าฟุนัชชี่ คาแรกเตอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้


ree

รถไฟที่จะนั่งนี้เราก็จองไว้พร้อมตั้งแต่ขามาก็คือรถไฟ Limited Express Wakashio 14 มาถึงสถานี Ohara เวลา 14.50 น. จะไปถึงสถานี Kaihimmakuhari ถึงเวลา 15.39 น.


ree

มาถึงสถานี Kaihimmakuhari แล้ว เดี๋ยวจะต้องต่อรถไฟ JR สาย Keiyo Line อีก 2 สถานีเพื่อไปลงที่สถานี Minami-Funabashi


ree

รถไฟ Keiyo Line จะมีหลายแบบทั้ง Local, Rapid, Special Rapid และอาจมี Limited ด้วยมั้งถ้าจำไม่ผิด ถ้าอยากรู้ว่ามันจอดสถานีที่เราจะนั่งไปลงมั้ย สามารถดูได้ที่ป้ายที่อยู่แถวชานชาลาเลย มันจะมีบอกอยู่ว่ารถแบบไหนจอดสถานีไหนบ้าง


ree

ขึ้นรถไฟนั่งมา 2 สถานีก็ถึงสถานี Minami-Funabashi แล้ว


ree

รีบเดินลงมาจากชานชาลาเพื่อออกด้านนอกกัน


ree

เดี๋ยวเราจะต้องเดินจากสถานีไปห้าง LaLaPort Tokyo Bay กับห้าง ViVit ที่อยู่ข้างๆกัน แล้วจากนั้นค่อยเดินไปขึ้นรถไฟ Keisei ที่สถานี Funabashikeibajo ต่อ วันชอปปิ้งนั้นชีพจรลงเท้าจัดๆ


ree

ระหว่างทางเดินมีป้ายธงโปรโมตห้าง LaLaPort อยู่ตลอดทาง เรียกว่าไม่ต้องกลัวว่าจะหลงเลย


ree

เดินไปประมาณ 15 นาทีก็มาถึงห้าง LaLaPort Tokyo Bay แล้ว ได้เวลาชอปปิ้งกันละ!


ree

จบจาก LaLaPort ก็เดินมาต่อที่ ViVit ที่นี่มี Book-off! Bazaar ด้วยนะ


ree

หลังจากชอปเพลินจนหิว เดี๋ยวหาข้าวกินก่อนจะไปชอปต่อที่ AEON Mall เห็นร้านมัทสึยะอยู่ข้างหน้า กินกันตายก่อนละกัน


ree

เราสั่งเซ็ตหมูผัดซอสกระเทียมต้นหอมมากิน อร่อยอยู่นะ


ree

หลังจากกินอิ่มแปล้แล้ว เราก็เดินไปที่สถานีรถไฟ Keisei ต่อ เพื่อที่จะเดินทางไปห้าง AEON Mall Funabashi ต้องต่อรถไฟอีกสองสาย เริ่มจากที่สถานี Funabashikeibajo ก่อน


ree

มาถึงสถานีแล้วก็ต้องกดตู้ซื้อตั๋วรถไฟกันก่อน


ree

ตั๋วรถไฟแบบนี้เราคุ้นเคยดีเพราะปกติก็นั่งรถไฟ Keisei ไปกลับสนามบินนาริตะอยู่บ่อยๆ ค่าโดยสาร 140 เยน


ree

จากนั้นก็เดินขึ้นมารอรถไฟที่ชานชาลา


ree

รอรถไฟ Keisei Main Line Local สักพักรถไฟก็มา ใช้เวลาเดินทางจากสถานี Funabashikeibajo ไปยังสถานี Keisei-Funabashi แค่ 3 นาทีเท่านั้น


ree

มาถึงสถานี Keisei-Funabashi แล้ว


ree

ต่อไปเราต้องไปต่อรถไฟ Tobu อีกที ซึ่งสถานีรถไฟ Tobu จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Keisei เดินไปตามป้ายบอกทางได้เลย


ree

จะเห็นว่าเราต้องเดินข้ามฝั่งซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีได้


ree

เดินฝ่าฝูงชนเข้ามาถึงสถานีรถไฟ Tobu แล้ว


ree

ก็ต้องกดซื้อตั๋วรถไฟเช่นเดียวกันเพราะไม่มีพาส จากสถานี Funabashi จะไปลงที่สถานี Shin-Funabashi ค่าโดยสาร 150 เยน


ree

ที่สถานี Funabashi นี้จะเป็นต้นสายของรถไฟ Tobu สาย Urban Park Line ที่เราจะนั่งไปห้าง AEON Mall Funabashi ล่ะ


ree

พอมันเป็นต้นสายที่มีรถไฟเข้าออกอยู่เรื่อยๆ ก็เลยทำให้ผู้โดยสารไม่แออัดเท่าไหร่


ree

นั่งรถไฟสถานีเดียว เราก็มาถึงสถานี Shin-Funabashi แล้ว


ree

เดินออกจากสถานีก็เจอกับห้าง AEON Mall Funabashi ใหญ่เบ้อเริ่มตั้งอยู่ตรงหน้าเลย!


ree

ด้านในห้างดูหรูหรากว่าที่คิดเยอะเลย ทีแรกนึกว่าจะเป็นประมาณ Community Mall ตามต่างจังหวัดซะอีก


ree

มีร้านเสื้อผ้าแบรนด์ GU ด้วยแฮะ


ree

และนี่คือแบรนด์เสื้อผ้าที่กำลังโคลาโบกับฟุนัชชี่อยู่ ชื่อแบรนด์ Doublefocus


ree

มีเสื้อผ้าลายฟุนัชชี่เพียบเลย


ree

ลายเสื้อน่ารักน่าใส่มากแต่ขออนุญาตไม่ซื้อ ฮ่าๆ


ree

ฮู้ดนี้ทำลังเลอยู่นานมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อมา


ree

ในส่วนของห้างก็มีผลิตภัณฑ์ของจุกจิกขายเหมือนๆกับห้างอื่นๆ


ree

ตรงซุปเปอร์นี่ประทับใจมาก เค้ามีเค้าน์เตอร์สำหรับจ่ายเงินเองแบบ Self Service ด้วย


ree

ห้าง AEON Mall ที่นี่เปิดถึงสี่ทุ่มล่ะ ประมาณสามทุ่มกว่าเราก็กลับละ ประเดี๋ยวจะถึงที่พักดึกเกินไป


ree

เดินจากห้างกลับมาที่สถานี Shin-Funabashi กันอีกครั้ง


ree

ซื้อตั๋วกลับไปลงสถานี Funabashi เหมือนตอนขามา


ree

จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่ชานชาลา ช่วงนี้ขาจะเริ่มเปลี้ยๆเพราะเดินมาทั้งวันแล้วซิ


ree

รอบรถไฟมาค่อนข้างถี่ ไม่เสียเวลารอนานนัก


ree

รถไฟมาละ แน่นอนว่าคนไม่ค่อยเยอะ เพราะจะสุดสายป้ายหน้าแล้ว


ree

กลับมาถึงสถานี Funabashi เราก็เปลี่ยนไปนั่งรถไฟ JR เข้าเมือง กลับมาใช้บัตร JR East Pass นั่งได้แล้ว


ree

เดินชูพาสผ่านเจ้าหน้าที่ไปรอรถไฟที่ชานชาลา


ree

มิชชั่นสำเร็จไปอีกหนึ่งก็คือได้มาเยือนบ้านเกิดของฟุนัชชี่แล้วนะ!


ree

เดี๋ยวเราจะต้องนั่งรถไฟ JR สาย Sobu Line จากสถานี Funabashi กลับไปลงที่สถานี Tokyo แต่ขึ้นชื่อว่าสาย Sobu Line แล้วมันก็ต้องมาเลทเป็นปกติสิน่า..


ree

สุดท้ายรถไฟก็เลทไป 10 นาทีได้ แต่ก็ใช้เวลาแค่ 25 นาทีก็มาถึงสถานี Tokyo แล้ว จากนั้นเราก็ต้องเดินกลับไปต่อรถไฟสาย Yamanote Line ไปลงที่สถานี Nippori แล้วก็ต้องต่อรถไฟสาย Joban Line ไปลงที่สถานี Minami-Senju เพื่อกลับที่พักอีกที


ree

ระหว่างเดินไปขึ้นรถไฟ JR สาย Joban Line กลับที่พัก เจอป้ายเทศกาล Zenkoji Gokaicho ของวัดเซ็นโคจิที่เรามีแพลนจะไปเที่ยวในทริปนี้พอดี มีพิธีที่จะจัดแค่ 6 ปี/ครั้ง จัดพอดีแบบนี้ต้องไม่พลาด!


ree

สรุปแพลนวันนี้ก็ลุล่วงด้วยดีแบบ 100% แถมฟินจากการเป็นติ่งอีกต่างหาก ฮ่าๆ


พรุ่งนี้ดูพยากรณ์อากาศแล้วเห็นว่ามีแดดดี เลยแพลนว่าจะสลับไปเที่ยวแถวเมืองเซ็นไดล่วงหน้า 2 วันเลยละกัน จะได้ไปเดินชมซากุระที่เซ็นไดแล้ว มันต้องเยี่ยมมากแน่ๆ!


เจอกันใหม่พรุ่งนี้ครับ.

Comments


About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!

ชีวิตการท่องเที่ยวญี่ปุ่นและการเป็นติ่งรถไฟญี่ปุ่นของ Puttiano Rossi

  • Grey Facebook Icon
  • Grey Instagram Icon
  • Grey Twitter Icon

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

© 2023 by Extreme Blog. Proudly created with Wix.com

bottom of page