top of page

2015.04.11 Japan Trip #8 Day3 - Isumi Railway, Funabashi

แพลนเที่ยววันนี้ไปแบบสนองนี้ดล้วนๆเลย ทั้งการไปออกตามหา Moomin Valley ที่เมืองอิสึมิที่อยู่ทางตะวันออกของจังหวัดจิบะ และการไปเยือนบ้านเกิดของฟุนัชชี่นั่นก็คือเมืองฟุนะบะชินั่นเอง


การนั่งรถไฟออกไปทางจังหวัดจิบะนั้น จากที่พักที่มินะมิเซ็นจูก็ต้องไปเปลี่ยนสายรถไฟ JR สาย Keiyo Line/Musashino Line ที่สถานีโตเกียว เพราะมันเป็นชานชาลาของรถไฟที่ออกไปทางฝั่งจังหวัดจิบะ(ไปดิสนี่ย์แลนด์ก็เช่นกัน) ชานชาลาจะอยู่แยกห่างจากชานชาลาหลักของสถานีโตเกียวประมาณ 450-500 เมตร ซึ่งการที่จะจองตั๋วที่นั่งรถไฟ Limited Express นั้นควรเผื่อเวลาเดินเอาไว้ด้วย


ใช่แล้ว..เรากำลังเตือนตัวเองที่ทำพลาดไป ทำให้เราเดินไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาของสาย Keiyo Line ไม่ทัน ทำให้ต้องเดินย้อนกลับมาจองที่นั่งรถไฟรอบถัดไป เสียเวลาเที่ยวไปเป็นชั่วโมง แทนที่จะได้ไปเที่ยวตั้งแต่ 9 โมงเช้า


รถไฟที่เราจองไว้เป็นรถไฟ Limited Express Wakashio ที่วิ่งออกจากสถานี Tokyo ไปสุดสายที่สถานี Awa-Kamogawa ทางใต้ของแหลมโบโซในจังหวัดจิบะ แต่สถานีที่เราจะลงคือสถานี Ohara ที่อยู่ทางตะวันออกของแหลมโบโซ


เดินมาถ่ายรูปหัวขบวนรถไฟกันสักหน่อย


ได้ขึ้นแล้วนะ! Limited Express Wakashio


ผู้โดยสารเยอะกว่าที่คิดแฮะ คิดว่ารถไฟด่วนออกจิบะจะมีคนใช้บริการน้อยเหมือนที่ฮิดะหรือไอสึซะอีก แต่ผิดถนัดเลย คงเพราะออกจากเมืองหลวง และราคาตั๋วก็ไม่ได้แพงมากนัก


รถขบวนที่จะนั่งคือ Limited Express Wakashio 5 ออกจากสถานี Tokyo เวลา 10.00 น. ไปถึงสถานี Ohara เวลา 11.16 น.


ระหว่างนั่งรถไฟก็ทานข้าวกล่องไปพลางๆ


ใช้เวลาประมาณ 75 นาทีก็มาถึงสถานี Ohara แล้ว


ป้ายสถานี JR ของ Ohara


เดี๋ยวเราจะต้องต่อรถไฟท้องถิ่นคือ Isumi Railway กันต่อ สถานีกับชานชาลาอยู่ติดกันก็จริง แต่ต้องเดินออกไปเปลี่ยนสายรถไฟด้านนอก


ออกจากเกทประตูมาที่หน้าสถานี เดินออกจากสถานี JR ไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าเลย ข้างๆกันจะเป็นสถานีของ Isumi Railway สังเกตตู้ขายน้ำจะเป็นสีของรถไฟที่วิ่งในเส้นทางของ Isumi Railway ล่ะ


เข้าไปในสถานีรถไฟ Isumi Railway กันดีกว่า


ยืนดูตารางรอบรถไฟอยู่พักนึง กว่ารถไฟจะมาก็อีกตั้ง 40 กว่านาที แต่ก็ไปกดตู้ซื้อตั๋วรถไฟไว้ก่อนก็แล้วกัน คุณพนักงานเดินมาถามว่าจะไปลงที่ไหน ก็บอกเค้าไปว่าจะลงสถานี Kuniyoshi เค้าก็บอกว่าตั๋วราคา 330 เยน กดซื้อจากที่ตู้นี้ได้เลย


หน้าตาของตั๋วจะเป็นแบบนี้ เขียนว่าลงคุนิโยชิ ราคา 330 เยน


รถไฟมาถึงก่อนเวลารถออกประมาณ 5 นาที รถจอดสนิทปุ๊บผู้โดยสารก็มามุงๆถ่ายรูปกันเกือบทุกคนเลยก่อนที่จะเดินขึ้นรถไฟกัน


เราก็เช่นกัน ติ่งมูมินขอให้บอก ไม่งั้นไม่มาถึงที่หรอกนะ!


ขึ้นมาบนรถไฟที่เป็นแบบ One Man แล้ว! รถไฟจะออกจากสถานี Ohara ซึ่งเป็นต้นสายเวลา 11.58 น. และจะไปถึงสถานี Kuniyoshi เวลา 12.13 น.


รถไฟ Isumi Railway นี้ จะประดับประดาตกแต่งตู้โดยสารด้วยตัวละครจากเรื่องมูมินทั้งหมดเลย ทั้งมูมินเอย,สนัฟกิ้นเอย


เมื่อรถไฟเริ่มออกเดินทางมาได้หน่อย เส้นทางที่ผ่านรอบๆก็จะยังเป็นไร่นาของชาวบ้านตามชนบทแบบนี้


ชานชาลาของสถานีรถไฟ Isumi Railway มันก็ออกแนวเก่าๆโลค่อลๆแบบนี้ล่ะ


ผ่านสถานีที่ 2 ไป คุณเจ้าหน้าที่จะประกาศว่าเดี๋ยวจะถึง Moomin Valley แล้วนะครับ เราก็งงทำไมมันถึงเร็วจัง จนได้เห็นข้างทางก็ร้องอ๋อ..


พนักงานขับรถเค้าหมายถึงจุดชมวิวที่จัดเป็นฉากเหมือนในการ์ตูนเรื่องมูมินนี่เอง!


ใกล้จะถึงสถานี Kuniyoshi แล้ว มายืนส่องเส้นทางการเดินรถไฟซะหน่อย


และรถไฟก็มาจอดที่สถานี Kuniyoshi เป็นที่เรียบร้อย


ป้ายสถานี Kuniyoshi มีพี่มูมินสองตัวนั่งรอต้อนรับเราอยู่


ช่วงที่ไปเที่ยวนั้นเป็นช่วงที่ซากุระบานเต็มที่พอดี ลมเย็นๆกับการเดินชมดอกไม้เป็นอะไรที่ฟินมากๆ


ซากุระบานสวยงาม


ขนาดกระถางต้นไม้ยังเป็นตู้รถไฟ Isumi Railway เลย ชอบความใส่ใจนี้


ได้เวลาไปสำรวจ Moomin Valley กันแล้ว ทางลงไปสนามหญ้าจะสามารถลงได้สองทางหัวและท้ายชานชาลา เหมือนเป็นเส้นทางเดินเล่นขึ้นอยู่กับว่าจะลงฝั่งไหนขึ้นฝั่งไหนกัน


สวนที่จัดทำเป็น Moomin Valley นี้จะเป็นสวนที่ชื่อว่า "Kaze Soyogu Hiroba"


สนามหญ้าบริเวณนี้เค้าจัดเป็นคล้ายๆกับสนามในการ์ตูนเรื่องมูมิน


เมื่อเช้าฝนเพิ่งจะตกไป สวนก็เลยดูชื้นๆเปียกๆไปบ้าง


เจอพี่มูมินสลักไม้ มุมนี้สวยดี พี่มูมินกับซากุระด้านหลัง


เดินกลับขึ้นมาก็เห็นว่ารถไฟขากลับกำลังมาจอดที่สถานี Kuniyoshi นี้พอดี


ชอบรูปนี้จัง เหมือนรวมตัวละครทั้งหมดในเรื่อง


เราเดินข้ามทางรถไฟมาฝั่งที่เป็นตัวสถานีและทางออกสถานีกันบ้าง


ที่สถานี Kuniyoshi นี้มีร้านขายของ Moomin Shop -Valley Winds- อยู่ข้างในด้วยนะ


เดินเข้าไปในตัวสถานีกัน


ข้างๆประตูเป็นป้ายสำหรับถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าได้มาเยือนที่สถานีนี้แล้ว ลงวันเดือนปีเสร็จสรรพ


ยินดีต้อนรับสู่สถานี Kuniyoshi อีกครั้ง


ด้านในของสถานีจะมีจุดนั่งถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกเช่นเดียวกัน


ได้มาเยือนแล้วนะ!


จากนั้นก็เข้าไปเดินสำรวจภายใน Moomin Shop ซะหน่อย


สินค้าหลากหลายมากๆ แบบว่าไม่เคยเห็นที่ไหนขายสินค้าของการ์ตูนเรื่องมูมินหลายประเภทแบบนี้มาก่อนเลย มีหมดทั้งเครื่องเขียน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้ง DVD การ์ตูนด้วย อยากได้ไปซะหมดเลย!


สุดท้ายเราก็ได้เจ้าสน๊อคเมเด้นตัวโปรดกลับบ้านมาหนึ่งตัวล่ะ


ก่อนรถไฟเที่ยวกลับจะมา ไปกดตู้ซื้อตั๋วรถไฟกลับไปลงที่สถานี Ohara ไว้ก่อน


ระหว่างนั้นมีรถไฟแบบ Limited Express ผ่านมาจอดพอดี เลยเดินไปถ่ายรูปซะหน่อย


ภายในนั้นเป็นเหมือนรถไฟคาเฟ่ล่ะ มีเค้กมีเครื่องดื่มเสิร์ฟ ที่นั่งด้านในรถไฟก็ทำเป็นแบบโต๊ะอาหารด้วยนะ แต่จำไม่ได้ว่าค่าตั๋วโดยสารรถไฟแบบนี้ราคาเท่าไหร่และต้องจองล่วงหน้ายังไง เท่าที่รู้คือรถไฟขบวนนี้จะวิ่งเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์เท่านั้น


ยืนรับลมเย็นๆรอรถไฟมา อากาศดีมาก ลมเย็น แดดไม่มี


รถไฟมาแล้วๆ รถเที่ยวกลับมาถึงสถานี Kuniyoshi เวลา 13.36 น. จะกลับไปถึงสถานี Ohara เวลา 13.52 น.


มาถึงสถานี Ohara ก็ต้องแวะร้านขายของที่ระลึกที่ด้านในสถานีกันซะหน่อย


จากนั้นก็เดินกลับไปที่สถานีของรถไฟ JR กันต่อ


อีกเป็นชั่วโมงกว่ารถไฟจะมา เราก็เดินเล่นวนๆอยู่แถวสถานีรอ อากาศขมุกขมัวน่านอนยิ่งนัก


ถึงเวลารถไฟมาก็รีบเดินขึ้นรถไฟทันที ตามแพลนเราจะเดินทางไปที่เมืองฟุนะบะชิกันต่อเพื่อตามหาสินค้าของเจ้าฟุนัชชี่ คาแรกเตอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้


รถไฟที่จะนั่งนี้เราก็จองไว้พร้อมตั้งแต่ขามาก็คือรถไฟ Limited Express Wakashio 14 มาถึงสถานี Ohara เวลา 14.50 น. จะไปถึงสถานี Kaihimmakuhari ถึงเวลา 15.39 น.


มาถึงสถานี Kaihimmakuhari แล้ว เดี๋ยวจะต้องต่อรถไฟ JR สาย Keiyo Line อีก 2 สถานีเพื่อไปลงที่สถานี Minami-Funabashi


รถไฟ Keiyo Line จะมีหลายแบบทั้ง Local, Rapid, Special Rapid และอาจมี Limited ด้วยมั้งถ้าจำไม่ผิด ถ้าอยากรู้ว่ามันจอดสถานีที่เราจะนั่งไปลงมั้ย สามารถดูได้ที่ป้ายที่อยู่แถวชานชาลาเลย มันจะมีบอกอยู่ว่ารถแบบไหนจอดสถานีไหนบ้าง


ขึ้นรถไฟนั่งมา 2 สถานีก็ถึงสถานี Minami-Funabashi แล้ว


รีบเดินลงมาจากชานชาลาเพื่อออกด้านนอกกัน


เดี๋ยวเราจะต้องเดินจากสถานีไปห้าง LaLaPort Tokyo Bay กับห้าง ViVit ที่อยู่ข้างๆกัน แล้วจากนั้นค่อยเดินไปขึ้นรถไฟ Keisei ที่สถานี Funabashikeibajo ต่อ วันชอปปิ้งนั้นชีพจรลงเท้าจัดๆ


ระหว่างทางเดินมีป้ายธงโปรโมตห้าง LaLaPort อยู่ตลอดทาง เรียกว่าไม่ต้องกลัวว่าจะหลงเลย


เดินไปประมาณ 15 นาทีก็มาถึงห้าง LaLaPort Tokyo Bay แล้ว ได้เวลาชอปปิ้งกันละ!


จบจาก LaLaPort ก็เดินมาต่อที่ ViVit ที่นี่มี Book-off! Bazaar ด้วยนะ


หลังจากชอปเพลินจนหิว เดี๋ยวหาข้าวกินก่อนจะไปชอปต่อที่ AEON Mall เห็นร้านมัทสึยะอยู่ข้างหน้า กินกันตายก่อนละกัน


เราสั่งเซ็ตหมูผัดซอสกระเทียมต้นหอมมากิน อร่อยอยู่นะ


หลังจากกินอิ่มแปล้แล้ว เราก็เดินไปที่สถานีรถไฟ Keisei ต่อ เพื่อที่จะเดินทางไปห้าง AEON Mall Funabashi ต้องต่อรถไฟอีกสองสาย เริ่มจากที่สถานี Funabashikeibajo ก่อน


มาถึงสถานีแล้วก็ต้องกดตู้ซื้อตั๋วรถไฟกันก่อน


ตั๋วรถไฟแบบนี้เราคุ้นเคยดีเพราะปกติก็นั่งรถไฟ Keisei ไปกลับสนามบินนาริตะอยู่บ่อยๆ ค่าโดยสาร 140 เยน


จากนั้นก็เดินขึ้นมารอรถไฟที่ชานชาลา


รอรถไฟ Keisei Main Line Local สักพักรถไฟก็มา ใช้เวลาเดินทางจากสถานี Funabashikeibajo ไปยังสถานี Keisei-Funabashi แค่ 3 นาทีเท่านั้น


มาถึงสถานี Keisei-Funabashi แล้ว


ต่อไปเราต้องไปต่อรถไฟ Tobu อีกที ซึ่งสถานีรถไฟ Tobu จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Keisei เดินไปตามป้ายบอกทางได้เลย


จะเห็นว่าเราต้องเดินข้ามฝั่งซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีได้


เดินฝ่าฝูงชนเข้ามาถึงสถานีรถไฟ Tobu แล้ว


ก็ต้องกดซื้อตั๋วรถไฟเช่นเดียวกันเพราะไม่มีพาส จากสถานี Funabashi จะไปลงที่สถานี Shin-Funabashi ค่าโดยสาร 150 เยน


ที่สถานี Funabashi นี้จะเป็นต้นสายของรถไฟ Tobu สาย Urban Park Line ที่เราจะนั่งไปห้าง AEON Mall Funabashi ล่ะ


พอมันเป็นต้นสายที่มีรถไฟเข้าออกอยู่เรื่อยๆ ก็เลยทำให้ผู้โดยสารไม่แออัดเท่าไหร่


นั่งรถไฟสถานีเดียว เราก็มาถึงสถานี Shin-Funabashi แล้ว


เดินออกจากสถานีก็เจอกับห้าง AEON Mall Funabashi ใหญ่เบ้อเริ่มตั้งอยู่ตรงหน้าเลย!


ด้านในห้างดูหรูหรากว่าที่คิดเยอะเลย ทีแรกนึกว่าจะเป็นประมาณ Community Mall ตามต่างจังหวัดซะอีก


มีร้านเสื้อผ้าแบรนด์ GU ด้วยแฮะ


และนี่คือแบรนด์เสื้อผ้าที่กำลังโคลาโบกับฟุนัชชี่อยู่ ชื่อแบรนด์ Doublefocus


มีเสื้อผ้าลายฟุนัชชี่เพียบเลย


ลายเสื้อน่ารักน่าใส่มากแต่ขออนุญาตไม่ซื้อ ฮ่าๆ


ฮู้ดนี้ทำลังเลอยู่นานมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อมา


ในส่วนของห้างก็มีผลิตภัณฑ์ของจุกจิกขายเหมือนๆกับห้างอื่นๆ


ตรงซุปเปอร์นี่ประทับใจมาก เค้ามีเค้าน์เตอร์สำหรับจ่ายเงินเองแบบ Self Service ด้วย


ห้าง AEON Mall ที่นี่เปิดถึงสี่ทุ่มล่ะ ประมาณสามทุ่มกว่าเราก็กลับละ ประเดี๋ยวจะถึงที่พักดึกเกินไป


เดินจากห้างกลับมาที่สถานี Shin-Funabashi กันอีกครั้ง


ซื้อตั๋วกลับไปลงสถานี Funabashi เหมือนตอนขามา


จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่ชานชาลา ช่วงนี้ขาจะเริ่มเปลี้ยๆเพราะเดินมาทั้งวันแล้วซิ


รอบรถไฟมาค่อนข้างถี่ ไม่เสียเวลารอนานนัก


รถไฟมาละ แน่นอนว่าคนไม่ค่อยเยอะ เพราะจะสุดสายป้ายหน้าแล้ว


กลับมาถึงสถานี Funabashi เราก็เปลี่ยนไปนั่งรถไฟ JR เข้าเมือง กลับมาใช้บัตร JR East Pass นั่งได้แล้ว


เดินชูพาสผ่านเจ้าหน้าที่ไปรอรถไฟที่ชานชาลา


มิชชั่นสำเร็จไปอีกหนึ่งก็คือได้มาเยือนบ้านเกิดของฟุนัชชี่แล้วนะ!


เดี๋ยวเราจะต้องนั่งรถไฟ JR สาย Sobu Line จากสถานี Funabashi กลับไปลงที่สถานี Tokyo แต่ขึ้นชื่อว่าสาย Sobu Line แล้วมันก็ต้องมาเลทเป็นปกติสิน่า..


สุดท้ายรถไฟก็เลทไป 10 นาทีได้ แต่ก็ใช้เวลาแค่ 25 นาทีก็มาถึงสถานี Tokyo แล้ว จากนั้นเราก็ต้องเดินกลับไปต่อรถไฟสาย Yamanote Line ไปลงที่สถานี Nippori แล้วก็ต้องต่อรถไฟสาย Joban Line ไปลงที่สถานี Minami-Senju เพื่อกลับที่พักอีกที


ระหว่างเดินไปขึ้นรถไฟ JR สาย Joban Line กลับที่พัก เจอป้ายเทศกาล Zenkoji Gokaicho ของวัดเซ็นโคจิที่เรามีแพลนจะไปเที่ยวในทริปนี้พอดี มีพิธีที่จะจัดแค่ 6 ปี/ครั้ง จัดพอดีแบบนี้ต้องไม่พลาด!


สรุปแพลนวันนี้ก็ลุล่วงด้วยดีแบบ 100% แถมฟินจากการเป็นติ่งอีกต่างหาก ฮ่าๆ


พรุ่งนี้ดูพยากรณ์อากาศแล้วเห็นว่ามีแดดดี เลยแพลนว่าจะสลับไปเที่ยวแถวเมืองเซ็นไดล่วงหน้า 2 วันเลยละกัน จะได้ไปเดินชมซากุระที่เซ็นไดแล้ว มันต้องเยี่ยมมากแน่ๆ!


เจอกันใหม่พรุ่งนี้ครับ.

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page