2015.04.18 Japan Trip #8 Day10 - Makuhari & Back Home
และแล้ววันที่จะได้ใกล้ชิดคามิโอชิในวง AKB48 ที่สุดในชีวิตก็มาถึง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยเจอโอชิเบอร์รองมาหมดแล้ว ทั้งเลิฟตัน,ฮารุเกี้ยน หรือแม้แต่คามิโอชิฝั่งซะคะเอะอย่างไอรินและมิเอจินก็เจอมาแล้ว(แต่ว่ารอบนี้อดเจอเพราะสองคนนี้ชิงแกรดออกไปก่อนถึงวันอีเว้นท์) วันนี้จะเป็นครั้งแรก(และอาจจะครั้งสุดท้าย)ที่เราจะได้พบกับอากิจ้ะล่ะ! ตื่นเต้นมากกกกกกกก

บัตรถ่ายรูปที่สั่งซื้อทางออนไลน์ผ่านเว็บของ chara-ani ไปตั้งแต่ 2-3 เดือนก่อน แล้วไปนัดรับมาจากแก๊ปปี้เมื่อตอนต้นทริป จริงๆเราสั่งไปทั้งหมด 8 แผ่น แต่ว่าดันมีโอชิแกรดไปก่อน 2 คน เลยต้องลำบากแก๊ปช่วยทำเรื่อง refund ให้ 2 แผ่น เหลือจริงๆ 6 แผ่น

หลังจากที่เห็นรถไฟ JR เปิดสายใหม่คือสาย Ueno-Tokyo Line ขึ้นมาวิ่งในเส้นทางสาย Joban Line มาได้ 2-3 เดือนเพื่อให้ไปถึงชินากาว่า เราก็ได้ใช้บริการในวันนี้นี่เอง เพราะจะต้องนั่งรถไฟสายนี้จากสถานี Minami-senju ไปลงสถานี Tokyo โดยไม่ต้องแวะต่อสายรถไฟที่อุเอโนะอีกแล้ว

รถไฟก็เป็นสีเดียวกับ Joban Line ที่วิ่งออกนอกเมืองไปไกลๆนั่นล่ะ ตื่นเต้นเหมือนกันนะ! ในบรรดาโอชิ 4 คนที่จองบุถ่ายรูปไว้ รอบนี้ตื่นเต้นทั้งหมดเลย แต่อากิจ้ะที่เป็นคามิโอชิจะตื่นเต้นมากที่สุด

พอมาถึงสถานี Tokyo เราก็ต้องค่อยๆเดินผ่านไปต่อรถไฟสาย Keiyo Line Rapid ที่ชานชาลาอยู่อันแสนไกลโพ้น เพื่อไปลงที่สถานี Kaihimmakuhari ค่ารถไฟ 640 เยนถือว่าค่อนข้างแพงเลย

ลงมาถึงชานชาลา ยืนรอรถสักหน่อยเดี๋ยวก็มา

ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงจากสถานี Tokyo เราก็มาถึงสถานี Kaihimmakuhari แล้ว

สถานที่จับอีเว้นท์ของ AKB48G ส่วนมากจะจัดกันที่ Makuhari Messe เป็นประจำ (เทียบกับที่ไทยก็คือศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั่นเอง) ซึ่งจากสถานีรถไฟ เดินไปประมาณ 1 กม. ตามแผนที่นี้เลย

เดินออกจากสถานีทางฝั่ง South Exit ไปตามทางเดิน

เอาเป็นว่าเดินตามๆผู้คนไหลๆกันไปนี่ล่ะ

เดินตรงไปเรื่อยๆ ขึ้นสะพานลอยแล้วมุ่งหน้าไปตามทาง Makuhari Messe อยู่ไกลๆข้างหน้าแล้ว

ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีก็เดินมาถึงหน้าทางเข้าแล้ว

บรรยากาศภายนอกฮอลล์ มีแฟนๆทยอยเดินเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลาก็เดินเข้าไปในฮอลล์กันเลย

พอเข้ามาถึงก็เห็นคนเยอะแยะมากมาย พวกนี้น่าจะมากันตั้งแต่เริ่มบุ1 แต่เราไม่ได้จองบุ1ไว้ เลยสตาร์ทที่บุ2ไปเลย

ก่อนจะเข้าไปต่อแถวถ่ายรูปจับมือได้ ต้องผ่านการตรวจจาก Security Officer เหล่านี้เสียก่อน มีอยู่ทั้งหมด 37 ช่องด้วยกัน

หลังจากที่เค้าตรวจกระเป๋าและสแกนตามร่างกาย(ถ้ามีน้ำเค้าจะให้เราดื่มโชว์ให้ดู) โอเคแล้วก็เดินผ่านมาได้
มีเวลาว่างเหลือเฟือ ก็เลยเดินดูบรรยากาศภายในรอบๆซะหน่อย เพิ่งมาครั้งแรก ตื่นเต้นชะมัด

ได้เวลาเริ่มภารกิจ once in a life time แล้วจ้า บัตรถ่ายรูปของเราที่จองไว้ผ่านการซื้อแผ่นอัลบั้มที่ 6 ของ AKB48 นั้นมีอยู่ 6 ใบด้วยกัน (แคนเซิ่ลขอเงินคืนไป 2 ใบเพราะไอรินกับมิเอจินแกรดก่อนกำหนด) โดยบุ2จะเป็นมิโอริน บุ3-4จะเป็นอากิจ้ะ บุ5-6จะเป็นยุริอะ บุ7จะเป็นฮารุปปี้ มาเต็มทั้ง AKB48,SKE48,NMB48 เลย ในบรรดา 4 คนนี้มีแค่ยุริอะที่เคยเจอแล้ว นอกนั้นครั้งแรกที่จะได้เจอล่ะ

ขั้นตอนแรกสุดเลยคือ ไปไล่ดูรายชื่อว่าคนที่เราจะมาถ่ายรูปด้วยนั้น อยู่เลนช่องที่เท่าไหร่ เค้าจะลงแยกไว้เป็นทีมๆเลย ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เค้าจะเอาประกาศมาติดที่บอร์ดข้างๆอีกทีรวมทั้งประกาศให้เราได้ทราบด้วย

เริ่มกันเลยกับบุ2คือมิโอริน ดูรายชื่อที่ NMB48 Team B II มิโอรินอยู่เลนที่ 12 ล่ะ

เดินด้อมๆมองๆเพื่อหาเลนที่ 12 นั่นไงเจอแล้ว!

พอเจอปุ๊บก็เข้าไปต่อแถวเลย มิโอรินมีคนมาต่อแถวไม่ขาดสายเลย แสดงว่าเป็นที่นิยมอยู่เหมือนกันนะ ไม่โล่งเหมือนเลนข้างๆ

เวลาต่อแถว พอมาถึงคิวแสดงบัตรจับมือให้เจ้าหน้าที่เค้ายิงบาร์โค้ด ก็ยื่นบัตรไปพร้อมกับพาสปอร์ต มีกี่ใบก็ให้เค้าไป ถ้าจอง 2 ใบ จะยื่นทีเดียว 2 ใบหรือจะวนทีละใบก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ให้ระลึกไว้เสมอว่าแถวจะปิดก่อนหมดเวลาแต่ละบุประมาณ 30 นาทีนะ เสร็จแล้วก็ต่อแถวต่อไปเรื่อยๆจนถึงคิวถ่ายรูปของเรา

บัตรถ่ายรูป อิจิคะวะ มิโอริ บุที่ 2 จำนวน 1 ใบ (บุที่ 2 เวลา 10.30 - 12.00 น.)

มิโอรินน่ารักมากกกกก เอาใจใส่แฟนๆดีมาก เริ่มจากมิโอรินจะลุกขึ้นมาทักทายและจับมือกับแฟนๆที่มาถ่ายรูปก่อนทุกคน เราก็ทักทายตามปกติไม่ได้เวิ่นอะไรเพราะคนที่คิวแน่นๆเจ้าหน้าที่จะเคร่งเรื่องเวลามากกว่าเลนที่คนโล่งๆ จากนั้นก็ไปถ่ายรูป ถ้าเรายังไม่พูดอะไร น้องจะถามมาก่อนเลยว่าท่าไหนดีคะ เช่นมิโอรินก็ถามมาก่อนเหมือนกัน เราก็บอกว่าท่าหัวใจละกัน ไม่ได้เวิ่นอะไรมากเดี๋ยวเจ้าหน้าที่กวนตีนใส่ด้วยการถ่ายแม่งหมดเวลา(ฮา) ส่งมือถือให้เจ้าหน้าที่ถ่าย บางคนถ่ายดีก็ดีไป บางคนถ่ายห่วย เช่น ซุมเยอะไป ถ่ายไปอยู่กลางรูป ถ่ายเอียง อันนี้แม่งช่วยไม่ได้ ถ่ายแล้วถ่ายเลย แต่ถ้าถ่ายแล้วเบลออันนี้ยังพอให้เค้าอะลุ้มอล่วยขอถ่ายใหม่ได้นะ พอถ่ายเสร็จก็ร่ำลามิโอริน บอกน้องไปว่ามาจากไทยนะ ไว้เจอกันใหม่ๆ น้องยิ้มหวานให้!!! ครับ..ชอบมิโอรินเพราะสายโลลิแคระแกร็นเนี่ยล่ะ!

จากนั้นก็มีเวลาว่างราวๆครึ่งชั่วโมงเลย ก็เดินเล่นดูเลนอื่นๆว่ามีความเป็นไปอย่างไรบ้าง บางเลนคนเยอะมาก บางเลนคนน้อยแบบตั้งโกล์เตะบอลได้ คนที่ไม่ได้ต่อแถวก็ยืนกระจัดกระจายรอเวลาเริ่มบุต่อไปกันอยู่ภายในฮอลล์ก็เพียบ

ใกล้ๆได้เวลาบุที่3จะเริ่มแล้ว ขอไปเช็คก่อนว่าอากิจ้ะอยู่บุไหน ดูจากลิสต์ขิง Team B อากิจ้ะอยู่เลนที่ 46

ไปยืนรอต่อคิวของอากิจ้ะแต่เนิ่นๆ เพราะคิวยาวเหยียดเลย สมกับเป็นคามิโอชิของเรา!

บัตรถ่ายรูป ทะคะโจ อากิ บุที่3 จำนวน 1 ใบ (บุที่ 3 เวลา 12.00 - 13.30 น.)

เมื่อถึงคิวเรา ส่งมือถือให้เจ้าหน้าที่เสร็จก็ทักทายอากิจ้ะก่อน อากิจ้ะไม่ได้ลุกขึ้นมาจากที่นั่งล่ะ นางทักเรื่องเสื้ออากิมัทสึริ2010 แบบ "โห.. ใส่เสื้ออากิมัทสึริด้วย เสื้อเก่ามากเลยนะเนี่ย เจ๋งอ่ะ" คุณนายบอกชูสองนิ้วนะ แม่งรวบรัดตัดตอนมาก.. เอา สองนิ้วก็เอา!

เป็นความโชคดีที่เจ้าหน้าที่กดถ่ายแล้วเหมือนจะนึกว่าไม่ติด เลยนับแล้วถ่ายอีกครั้ง สรุปได้มาสองรูป 555+ หลังถ่ายเสร็จก็จับมือขอบคุณ เราก็บอกอากิจ้ะว่าเนี่ย อากิจ้ะโอชิจากไทยเลยนะ ได้เจอกันซะที อากิจ้ะก็ตอบว่าจริงดิ้ thank you โดนเจ้าหน้าที่ไล่ละ เลยบอกว่าเดี๋ยวมาใหม่บุหน้า เชื่อว่านางจำได้เพราะเสื้อแหล่ะ

เสร็จตรงนี้ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง เลยลองออกไปเดินเล่นด้านนอกดูบ้าง ก็เห็นแฟนคลับของเมมเบอร์หลายๆคนมาตั้งโต๊ะแฟนโซนกัน แบบล่าเขียนข้อความเซ็นลงการ์ดอวยพรวันเกิดบ้าง แนะนำเมมเบอร์บ้าง ปะปนกันไป

ส่วนที่มานั่งเทรดรูปเซ็ตกันก็มีเยอะ สนุกสนานเฮฮา

พอกลับเข้าไปในฮอลล์อีกครั้งก็ต้องผ่านด่านตรวจความปลอดภัยอีกรอบด้วย

ตอนนี้บุที่4ก็เริ่มแล้ว อากิจ้ะยังอยู่เลนเดิม ก็เดินไปต่อแถวที่เลนที่ 46 อีกครั้ง

บัตรถ่ายรูป ทะคะโจ อากิ บุที่4 จำนวน 1 ใบ (บุที่ 4 เวลา 13.30 - 15.00 น.)

ถึงคิวปุ๊บ อากิจ้ะทักมาก่อนเลยจ้า อ๊ะ! คนที่ใส่เสื้ออากิมัทสึรินี่ เจอกันอีกแล้วนะๆ เราก็ตอบว่าใช่แล้ว เจอกันอีกรอบ รอบนี้เลยชิงบอกไปก่อนเลยว่าขอท่าหัวใจ นางก็โอเคยกมือขึ้นประกบตาม mission completed ละชีวิต 555+ รอบนี้บ๊ายบาย ถ้ามีบุญพอจะมาใหม่นะคุณนายที่รัก

ต่อไปเป็นคิวของยุริอะบ้างและ ต้องไปดูลิสต์ของ Team 4 ซึ่งยุริอะอยู่บุที่ 55

ไปยืนรอตั้งแต่บุก่อนหน้ายังไม่จบ พอถึงเวลาบุที่5ปุ๊บ พุ่งตามคนอื่นเข้าไปปั๊บ จะได้ได้ถ่ายเป็นคนแรกๆเลย

ได้เป็น 20 คนแรกแน่นอน อันนี้ก่อนจะเป็นบุที่5แป๊บนึง

วันนี้ยุริอะแต่งตัวน่ารักมากกกกกกก น้องน่ารักอยู่แล้ว แต่วันนี้ยิ้มน้อยไปหน่อยนะ ดูหน้านิ่งๆมึนๆ เอาเหอะน่ารักให้อภัย(ฮา) น้องไม่ได้ลุกขึ้นมาต้อนรับแฟนๆ แต่จับมือขอบคุณและทักทายตั้งแต่ก่อนถ่ายเลย เราบอกไปว่าวันนี้แต่งตัวน่ารักนะ เอาท่าหัวใจก่อน(อีกรอบกะจะให้วิ้ง) แล้วเจอกันใหม่อีกรอบจ้า

ใช้เวลาราวๆ 15 นาทีเสร็จ!!! ข้าวเที่ยงยังไม่ได้กิน หิวมาก หาแนวร่วมสมาชิกชาวคณะที่ไปด้วยกันที่หิว มาเดินไปห้าง Aeon Mall ด้วยกันดีกว่า ห้างอยู่ห่างไปสองช่วงตึกได้

เจอร้านอาการที่เมนูส่วนใหญ่คือลิ้นวัว ทุกคนกินเนื้อได้ก็เข้าเลย! อันนี้เป็น "แกงกะหรี่ลิ้นวัว" อร่อยมากๆ

หลังจากกินมื้อเที่ยงแล้ว ได้เวลากลับมาลุยต่ออีก2บุที่เหลือละ เดินกลับมาถึงฮอลล์ก็ดูจำนวนคนก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด..

ตอนกลับมาถึงนี่เริ่มบุที่6ไปเกือบๆครึ่งชั่วโมงละ เลยต้องมายืนต่อแถวยาวเหยียดเลย.. ยุริอะยังอยู่บุเดิมคือบุที่55

บัตรถ่ายรูป คิซะคิ ยุริอะ บุที่6 จำนวน 1 ใบ (บุที่ 6 เวลา 16.30 - 18.00 น.)

มารอบนี้เจอเจ้าหน้าที่ถ่ายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหลือข้างบนเยอะ เท้ายุริอะขาด รอบนี้ยุริอะหน้าแบบเรียบเฉยมาก.. ยิ้มนิดๆตอนจับมือขอบคุณแค่นั้นเอง รอบนี้เราบอกน้องว่าขอท่าวิ้ง นางก็โอเค แต่ดูตอนถ่ายดิ.. คือไม่ได้แย่ขนาดพารุหรือเรนะหรอก แต่เหมือนน้องอึนๆบอกไม่ถูกแฮะ..

ผ่านไป 3 คนแล้วก็มาถึงคิวของคนสุดท้าย ซึ่งก็คือฮารุปปี้ ไปดูในลิสต์ของ HKT48 Team H ก่อน ซึ่งฮารุปปี้อยู่บุที่ 64

เพิ่งสังเกตว่ามีประกาศย้ายเลนและประกาศเมมเบอร์ขอถอนตัวอยู่ประปราย ใครมาถ่ายรูปเมมเบอร์ที่ป่วยกระทันหันนี่ซวยจริงๆนะ

ระหว่างเดินเล่นรอบุที่7เปิด(เนื่องจากมีพัก 30 นาทีหลังบุที่6จบ) ไปเจอคุณ ยุอะสะ ฮิโรชิ เมเนเจอร์คนเก่งของ SKE48 คือมีคนขอถ่ายรูปพอดี ลุงแกยืนอยู่ใกล้ๆทางเข้า staff zone ไง พอมีคนถ่ายหนึ่งคน สองสามสี่ก็ตามมา จนสุดท้ายหลังจากเราขอถ่ายรูปคู่ด้วย แถวยาวยังกะแถวถ่ายรูปเมมเบอร์ 555+ มีคนมาทักด้านหลังลุงว่าขอถ่ายรูปด้วย ลุงแกชี้ให้ไปต่อแถวซึ่งโคตรยาว 555+ เจ้าหน้าที่ก็คงจะงงเลย ลุงคนนี้นี่ใครวะ แถวคิวถ่ายรูปยาวยังกะเมมเบอร์

ถึงเวลาบุสุดท้ายของเราสำหรับทริปนี้แล้ว มายืนรอก่อนเวลาบุที่7จะเปิดเหมือนเดิม กะปิดรอบให้เร็วที่สุด จะได้ฟรีแล้วเดินเล่นห้างรอชาวคณะคนอื่นๆที่มีรอบยาวจนถึงบุสุดท้ายคือบุที่8กัน

รอบนี้น่าจะได้ราวๆคนที่ 15 ได้มั้ง แต่ฮารุปปี้มาลงบุเลทไปประมาณ 5 นาที

บัตรถ่ายรูป โคดะมะ ฮะรุกะ บุที่7 จำนวน 1 ใบ (บุที่ 7 เวลา 18.30 - 20.00 น.)

ฮารุปปี้น่ารักมาก มากจริงๆ มากจนมองแล้วเขินเอง 555+ น้องดูนิ่งๆเรียบร้อยและยิ้มหวานเหมือนอิมเมจที่เห็นมาเลย เคยดูไลฟ์ของฮะคะตะมาแล้ว 2 รอบได้เห็นแต่จากระยะไกล วันนี้เจอแบบตาจ้องตา โอย ประหม่า 555+ น้องยิ้มทักทายและกล่าวขอบคุณตามปกติ ตอนถ่ายเรารีเควสต์ท่ากับน้องว่าขอ่ทาหัวใจมือนึง อีกมือทำท่าเมล่อนจุ๊ยส์ น้องก็พยักหน้ายิ้มรับ มือนึงประกบหัวใจ อีกมือทำท่าเมล่อนจุ๊ยส์ เสร็จ แชะ!!! จากนั้นก็จับมือขอบคุณแบบเขินๆ คือน้องน่ารักมากจริงๆ

จบแล้วจ้า!! จบคนแรกเลย คณะโต๊ะจับมืออีก 9 ชีวิตเค้ามีบุที่8ที่เป็นบุสุดท้ายกันต่อ แต่ของเราจบแล้ว เลยบอกคนอื่นว่างั้นขอไปเดินเล่นห้างแถวๆนี้รอ แล้วเดี๋ยวมาเจอกันหลังจบบุที่8อีกทีที่นี่

เราว่าจะไปเดินเล่นที่ห้างแถวๆสถานีรถไฟ ที่เดินขึ้นไปออกทางฝั่ง North Exit ดู ตรงนั้นก็มีห้าง Aeon Mall อีกอัน

เดินย้อนกลับไปที่สถานีแล้วเลยไปอีกฝั่ง เจอห้างชุมชนแรกก่อนเลย Messe Amuse Mall ดูห้างจะใหญ่อยู่ มีทั้งโรงหนังและโรงแรมด้วย

เดินเข้าไปดูเล่นๆ ผ่านเกมเซ็นเตอร์เพลินๆ

ออกจากห้างมาก็เดินตรงผ่านไปอีกสองบล๊อก ก็เจอห้าง Aeon Mall แล้ว

ตั้งใจมาเดินหาซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณพ่อซะหน่อย ที่ผ่านมาซื้อเสื้อโปโลไปพ่อใส่ไม่ค่อยจะได้ รอบนี้ขอลองเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ๆละกัน

พ่อน่าจะใส่ได้แหล่ะ เพราะเราลองใส่เสื้อสามชั้นพองๆแล้วค่อยลองใส่เชิ้ตทับเลยด้วยนะ

หลังจากได้ของขวัญให้คุณพ่อแล้ว ก็มานั่งเล่นอยู่ม้านั่งข้างนอกหน้าร้าน Starbucks เพราะมันมี free wifi ซึ่งชื่อเดียวกับสาขาที่สถานี Matsumoto เลย คือแค่เดินผ่านมันก็เชื่อมต่อให้เองอัตโนมัติ เสร็จโจร มีเน็ตใช้นั่งพักเหนื่อยรอคณะจับมือจนเสร็จละกัน

หลังจากทุกคนเสร็จภารกิจเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางกลับโตเกียวกันละ

เดินกลับมาที่สถานี Kaihimmakuhari กันอีกครั้ง

หยอดตู้ซื้อตั๋วรถไฟขากลับ ซึ่งพวกเราจะไปหาอะไรกินที่อุเอโนะกันก่อนแยกย้าย ค่ารถไฟ 550 เยน

แล้วก็เดินขึ้นบันไดมารอรถไฟที่ชานชาลา

ก่อนกลับ ขอซักหนึ่งรูปเป็นที่ระลึก ชาวคณะโต๊ะถ่ายรูป

ขากลับรถไฟ JR สาย Keiyo Line จากตรงนี้มันจะผ่านสถานี Maihama ที่เป็นสถานีเชื่อมต่อกับดิสนี่ย์รีสอร์ท ก็จะเจอหนุ่มๆสาวๆพร้อมสินค้าดิสนี่ย์พะรุงพะรัง แต่อย่างของน้องนางนี้เป็นอิตะแบกก็เว่อร์เกิ๊น..

ถึงสถานี Tokyo ต่อรถไฟมาลงสถานี Ueno และพากันเดินเข้าสู่ตลาดอะเมะโยโกในช่วงเวลาที่ตลาดวายแล้ว..

เจอร้านอุด้งหนึ่งอิ่มอยู่ร้านนึง เข้าไปกินกันตายเถิด.. อิ่มแล้วจะได้กลับไปเก็บกระเป๋า พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไปสนามบินนาริตะแต่เช้า

จากสถานี Ueno เรานั่งรถไฟ JR สาย Joban Line มาลงที่สถานี Minami-senju และเดินกลับถึงที่พัก ก็ต้องรีบเตรียมแพ็คกระเป๋าให้เรียบร้อย ทริปนี้ซื้อพวกตุ๊กตามาเยอะมาก แบบว่ายัดลงกระเป๋าไม่พอจนต้องหยิบเสื้อผ้าทิ้งกองไว้ในห้องพักเป็นสิบตัวเลย

กว่าจะได้นอนก็ตี1ครึ่งได้ ตี4ก็ต้องตื่นละ ง่วงมากๆ.. ตอนเช้าอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็เตรียมตั๋วรถไฟที่ซื้อไว้ก่อน เป็นรถไฟ Keisei Skyliner ขากลับสนามบิน (จริงๆแล้วระยะเวลาที่จะใช้ได้นานถึง 6 เดือนเลยนะ)

ประตูด้านหน้ายังไม่เปิด เลยต้องออกประตูหลังแทน บ๊ายบาย Hotel Palace Japan ถ้ามีโอกาสจะใช้บริการใหม่นะ

ออกจากที่พักตั้งแต่ตี5เลยทีเดียว แต่ฟ้าก็สว่างพอที่จะไม่ต้องพึ่งแสงไฟแล้วนะ เช้ามืดนี่คนไม่มีเลย เพราะเป็นวันอาทิตย์ด้วยล่ะมั้ง

ซื้อตั๋วรถไฟ JR ไปลงสถานี Nippori แล้วก็ขึ้นมารอรถไฟที่ชานชาลา

เรานั่งรถไฟ JR สาย Joban Line จากสถานี Minami-senju มาลงที่สถานี Nippori ใช้เวลาแค่ 5 นาทีถึง

เดินขึ้นบันไดที่เขียนว่าไปต่อรถไฟ Keisei ได้

มาถึงหน้าสถานีรถไฟ Keisei แล้ว

ก่อนอื่นจะต้องเอาตั๋วขากลับที่ซื้อไว้นั้น ไปยื่นให้คุณเจ้าหน้าที่ที่ช่องจำหน่ายตั๋ว เพื่อให้เค้าจองที่นั่งรถไฟให้ก่อน

ก็จะได้ตั๋วรถไฟจริงๆในการนั่งรถไฟ Skyliner ขบวนแรกของวันมาแบบนี้

จากนั้นก็เข้าสู่สถานีกันเลย! โดยเวลาเข้าสถานีนั้น จะต้องเอาตั๋วรถไฟ JR ที่เรานั่งมา ประกบกับตั๋วรถไฟ Skyliner ที่เราจองไว้ แล้วสอดเข้าไปที่ช่องเกทพร้อมกันนะ (แต่ถ้าเป็นรถไฟ Keisei Main Line ธรรมดา ไปเสียบ adjust fare เอาก็ได้ หรือไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วก็ได้)

รอรถอยู่ในห้องรอไม่นาน รถไฟก็มา ตรงเวลามาก 6.06 น.

ใช้เวลาแค่ 34 นาทีก็มาถึงสนามบินนาริตะเทอมิน่อล2 ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าสายการบินโลว์คอสต้องไปขึ้นเครื่องที่เทอมิน่อล3 ก็เลยเดินออกมาตามทางที่จะไปเทอมิน่อล3 เจอจุดรับส่งของรถบัสสำหรับนั่งเข้าโตเกียวด้วย หมายเลข 6 นี้ไปชินจุกุ,ชิบุย่า,ทะจิคะวะ

พอไปถึงเทอมิน่อลที่3 ถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันต้องขึ้นเครื่องที่เทอมิน่อลที่2นั่นล่ะ ทีนี้ก็เสียเวลาโดยใช่เหตุละ ต้องรีบกลับมาเช็คอินรับบอร์ดดิ้งพาสที่เทอมิน่อลที่2โดยด่วน เลยต้องนั่งรถ shuttle bus กลับมาวิ่งเข้าไปเช็คอินทันเวลา

แล้วกว่าจะผ่านตม.มาได้ คนเยอะเสียเวลาอีก.. มีเวลาในบริเวณ duty free แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ดีนะซื้ออะไรไม่ค่อยได้เพราะกระเป๋าเต็มแล้ว

เดินพาสไปรอขึ้นเครื่องที่หน้าเกทเลยก็แล้วกัน

จะกลับแล้วนะ เอาไว้มาใหม่

ถึงเวลาบอร์ดดิ้ง ก็เพิ่งรู้ว่า Thai Air Asia X นี่ต้องนั่งรถบัสออกไปขึ้นเครื่องล่ะ

รถบัสก็ขับวนไปวนมาจนงง.. ใช้เวลา 15 นาทีกว่าจะถึงเครื่อง..

ขึ้นเครื่องแล้วนะ อีก 6 ชั่วโมงเจอกันที่กรุงเทพฯ

และเราก็กลับมาถึงสนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ เป็นทริปที่สนุกสนานเพลิดเพลินมากๆ ทริปต่อไปจะเป็นที่ไหนนั้น เอาไว้ใกล้ๆแล้วจะบอกนะทุกคน

ขอเล่าเหตุการณ์ว้าวุ่นสักหน่อย ด้วยความที่ข้าวของเยอะแถมยังงัวเงียอีก สุดท้ายก็ได้ประสบการณ์เพิ่มคือ "ลืมกระเป๋ากล้องถ่ายรูปไว้ใต้เบาะที่นั่งโดยสารบนเครื่องบิน" มานึกออกเอาตอนถึงบ้านแล้วด้วย.. เครียดเลยตอนนั้น ไล่โทรหา lost & found ของสนามบินแบบร้อนรนมากๆ เจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่มีแจ้งเข้ามาแต่จะลองประสานกับเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบเครื่องบินให้ เค้าบอกว่าต้องรอเจ้าหน้าที่มาเพราะเครื่องบินได้ออกไปโอซาก้าแล้ว! ใจคอยิ่งไม่ดีใหญ่ แต่สุดท้ายโทรไปรอบสอง เจ้าหน้าที่มาถึงพอดีพร้อมกับกระเป๋ากล้องของเรา แงงงงงงง ดีใจมากกกกก รู้สึกรักสายการบิน Thai Air Asia X ขึ้นมาทันทีทันใด555+ เราเลยบอกเค้าว่าเดี่ยวค่ำๆจะเข้าไปรับ ก็ขอชื่อและเบอร์ของเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องไว้ แม่บอกให้หอบมะม่วงถุงใหญ่ที่เพิ่งสอยกันหน้าบ้านสดๆร้อนๆไปฝากเค้าด้วยเลย รู้สึกเป็นบุญคุณมาก ขอบคุณมากครับ
จบแล้วจ้า ทริปนี้ ว้าวุ่นตั้งแต่ขาไปยันขากลับเลยเนอะ!
Commentaires