2015.04.17 Japan Trip #8 Day9 Part2 - Nagano
หลังจาก Part ที่แล้วทิ้งท้ายกันไว้ว่าเราเดินทางมาถึงสถานี Nagano แล้ว ต่อไปก็จะเดินทางไปเที่ยวที่วัดเซ็นโคจิ หนึ่งในวัดที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนะงะโนะ ไม่ไกลจากย่านกลางเมืองเท่าไหร่นัก

มาถึงสถานี Nagano แล้ว ก็มองหาทางออกฝั่ง Zenkoji Exit แล้วเดินออกไปทางนี้กันได้เลย

จะเดินทางไปวัดเซ็นโคจินั้นต้องไปขึ้นรถบัสที่ป้ายรถบัสหมายเลข 1 หน้าสถานี Nagano รถบัสทุกคันที่จอดที่ป้ายนี้จะผ่านวัดเซ็นโคจิทั้งหมดเลย ทั้งสุดสายที่หน้าวัดก็ดีหรือเลยไปที่อื่นไกลๆต่อก็ดี ค่าโดยสารต่อเที่ยว 150 เยน

รถบัสมาถี่มาก ไม่ต้องกลัวว่ารถบัสจะหมดหรือช้า กลัวไปไม่ทันวัดปิดซะมากกว่า.. ปกติวัดเซ็นโคจิจะปิดเวลา 17.00 น. แต่ช่วงที่มีงานพิธีกรรมทางศาสนาคือพิธีกรรม "Zenkoji Gokaicho" นั้น จะเปิดให้เข้าชมถึงช่วงค่ำๆมืดๆเลย แถมตอนเช้าก็เปิดเร็วขึ้นอีกด้วยนะ

ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึงหน้าทางเข้าวัดเซ็นโคจิแล้ว

ป้ายที่รถบัสจอดหน้าทางเข้าวัดคือป้าย Zenkoji daimon

แผนที่บริเวณวัดเซ็นโคจิ บริเวณวัดก็กว้างขวางพอควรเลยนะ จากตรงป้ายรถบัสข้างหน้า เราก็เดินตรงไปตามทางอย่างเดียวเลย

เดินเข้าไปตามทางเข้าจากถนนไปเลยๆ

มาถึงประตูแรกก็คือประตูนิโอมง ซึ่งเป็นประตูหน้าด่านก่อนเข้าวัด

หลังเดินผ่านประตูนิโอมงเข้ามาแล้ว ก็จะเป็นถนนที่มีร้านรวงต่างๆอยู่เต็มสองข้างทาง

เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอประตูซัมมง

ประตูซัมมงเป็นประตูทางเข้าออกหลักของวัด ก็ถือเป็นอีกอาคารที่สำคัญของวัดเซ็นโคจิ ข้างบนนั้นจะมีพระพุทธรูปไม้สลักอยู่ 5 องค์ ปกติจะไม่เปิดให้ขึ้นไปชมนอกจากถึงพิธีกรรม "Zenkoji Gokaicho" (ค่าเข้าชม 500 เยน) ถ้าได้ขึ้นไปด้านบนก็จะได้ชมวิวไปในตัวด้วย

หลบมาข้างๆทางเพื่อไหว้พระจิโซหินทั้งหกเสียก่อน

เดินเข้ามาอีกหน่อยก็มาถึงอาคารหลัก (Hondo) ซึ่งตอนนี้มีเสาไม้ศักดิ์สิทธิ์ในพิธี Zenkoji Gokaicho ตั้งอยู่ที่หน้าอาคารหลักในตอนนี้ด้วย

ถ่ายรูปพอเป็นพิธีก่อนเข้าไปไหว้สักการะ

ในทุกๆ 6 ปีช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม พิธีกรรมดังกล่าวนี้จะมีการตั้งเสาไม้ที่หน้าอาคารหลัก แล้วจะโยงเชือกสีขาวๆทองๆจากพระพุทธรูปในโบสถ์ที่ชื่อว่า "Maedachi-Honzon" มาผูกไว้กับเสาไม้นั้น ผู้ที่ได้สัมผัสเชือกนี้จะเหมือนได้สัมผัสพระพุทธรูปโดยตรง ถือว่าจะได้บุญมากๆเลยด้วยนะ!

จะเห็นชัดเจนว่ามีเชือกพันกับเสาไม้โยงกันอยู่

แล้วเชือกโยงเข้าสู่อาคารหลักของวัดไปผูกเข้ากับพระพุทธรูปด้านใน (ข้างในเค้าไม่ให้ถ่ายรูป) ในส่วนตัวอาคารหลักหรือฮนโดนั้นจะเสียค่าเข้าชม 500 เยน ซึ่งจะได้เข้าไปสักการะพระพุทธรูป และได้เดินชมเส้นทางสู่สวรรค์ (Key to Paradise) ซึ่งเป็นเส้นทางเดินใต้ดินมืดๆเสมือนฝึกให้เราทำใจให้สงบและมีสติในการเดิน(สื่อถึงการใช้ชีวิตด้วย)จนกระทั่งสุดทางออก ส่วนด้านหน้าฮนโดนั้นก็จะมีกระถางธูปขนาดใหญ่ที่ผู้มาเยี่ยมชมวัดมักจะไปกวักควันธูปเข้าตัวด้วยความเชื่อในเรื่องของการดลให้มีสุขภาพดีและมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า

ไปแตะเสาไม้รับบุญกันหน่อยๆ

หลังเดินเข้าไปในวัดเสร็จแล้ว ก็ขอถ่ายรูปหน้าอาคารหลักของวัดเป็นที่ระลึกว่าได้มาเยือนแล้ว ในช่วงสำคัญซะด้วย

ใกล้ๆกับอาคารหลักของวัดก็จะมีร้านขายของที่ระลึกของวัด เช่นพวกเครื่องรางต่างๆ

มีจุดบริการนักท่องเที่ยวด้วยนะ คนเดินเข้าเดินออกไม่ขาดสายเลยล่ะ

ยืนจากหน้าประตูซัมมง มองย้อนกลับไปทางประตูนิโอมง

ข้างทางใกล้ๆกับประตูนิโอมง มีศาลเจ้าและวัดเล็กๆให้ไหว้ขอพรและเสี่ยงโอมิกุจิด้วย นี่ก็มาผูกเซียมซีแก้เคล็ดกันเต็ม

ขากลับเดินผ่านถนนร้านค้าหน้าทางเข้าวัดอีกรอบ

หิวนิดๆ เลยไปซื้อขนมไส้ถั่วแดงสดๆมากิน ไม่มีความหวานเลย ได้รสชาติถั่วแดงเต็มๆ

เดินแวะนู่นแวะนี่ตามทางไปพลางๆ ขายกินมากมายเต็มไปหมดเลย

เดินกลับออกมาเรื่อยๆจนถึงถนนหน้าวัด

แล้วก็มารอเข้าแถวที่ป้ายรถบัสในฝั่งขากลับ

ระหว่างนี้ก็เช็ครูปไป ถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆไปพลางๆ รอรถบัสอีกประมาณ 10 นาที

ไม่นานนัก รถบัสก็มาจอดรับผู้โดยสารกลับสถานี

ใช้เวลา 10 นาทีเหมือนเดิม กลับมาถึงหน้าสถานี Nagano แล้ว

พอเดินเข้าสถานีก็รีบแจ้นไปจองที่นั่งรถไฟชินคังเซ็นกลับโตเกียวก่อนเลย แล้วค่อยไปหาซื้อข้าวไปกินแก้หิวบนรถไฟในห้างที่สถานี

รถไฟขบวนที่เราจะกลับคือ Shinkansen Kagayaki 510 เป็นรถไฟชินคังเซ็นรุ่น E7 อีกเช่นกัน สรุปทริปนี้เราได้นั่งรถไฟรุ่น E7 ทั้ง Kagayaki และ Hakutaka เลย (ไปและกลับ)

จากนั้นก็เดินไปเข้าซุปเปอร์เพื่อหาซื้อเสบียงเอาไว้กินตอนนั่งรถไฟกลับโตเกียว ใกล้ได้เวลารถไฟมาก็ลงมารอรถที่ชานชาลา

ไม่นานนักรถไฟก็เข้ามาจอดที่ชานชาลา

ขึ้นรถไฟมาแล้วๆ ที่นั่งกว้างขวางนั่งสบายดีจริงๆ

รถไฟ Shinkansen Kagayaki 510 ขบวนนี้ จะออกจากสถานี Nagano เวลา 17.46 น. ไปถึงสถานี Ueno เวลา 19.06 น.

ซื้อข้าวหน้าหมูสามชั้นมากิน คล้ายๆพะโล้เลย แต่เราลืมเอาเข้าไมโครเวฟก่อนออกจากซุปเปอร์มา ก็เลยต้องกินแบบเย็นๆตามสภาพ..

ใช้เวลา 80 นาทีก็กลับมาถึงสถานี Ueno แล้ว รีบเดินออกไปเพื่อไปเปลี่ยนสายเป็นรถไฟธรรมดา เดี๋ยวเราจะไปหาเพื่อนๆชาวคณะที่รอกันอยู่ที่อะคิบะต่อ

เรานั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line จากสถานี Ueno มาลงที่สถานี Akihabara แล้วเดินออกมาตามถนนจูโอโดริ

นัดเจอกับเพื่อนๆตรงข้างหน้า AKB48 Cafe & Shop สถานที่ที่คุ้นเคยของชาวคณะเรา

เดินเล่นกันอีกนิดหน่อย สุดท้ายก็มาจบที่ร้านราเม็งที่อยู่ถนนด้านหลังใกล้ๆกับร้านเสื้อสูท Aoki น่าจะหิวเพราะเราซัดหมดชามเลย

พออิ่มหนำสำราญก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวเองกัน เราก็เดินกลับไปขึ้นรถไฟ JR สาย Yamanote Line จากสถานี Akihabara ไปลงที่สถานี Ueno แล้วไปต่อรถไฟสาย Joban Line จากสถานี Ueno ไปลงที่สถานี Minami-senju แล้วก็เดินกลับถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ (พร้อมกับความเหนื่อยล้า)

สรุปแพลนวันนี้ก็ราบรื่นไปได้ด้วยดี ครบถ้วน 100% ล่ะ
พรุ่งนี้จะเป็นวันที่เป็นแพลนหลักของทริปนี้แล้ว เรากับชาวคณะทุกคนจะไปร่วมงานอีเว้นท์ถ่ายรูปของไอด้อลวง AKB48G ต้องไปถึงสถานที่จัดงานคือที่ Makuhari Messe ตอน 10 โมงเช้า
เพราะงั้นก็รีบเข้านอนพักผ่อนกันดีกว่า
Comentarios