2012.04.02 Japan Trip #1 Day4 - Nakamekuro, Daikanyama, Roppongi, Ikebukuro
วันที่ 4 วันนี้ก็ได้รับเกียรติจากพี่บิ๊กมาเป็นคนพาเที่ยวเช่นเคย โดยที่วันนี้จะได้ไปตะลอนกินของหวานที่ย่านไดคังยะมะด้วยล่ะ! โดยที่จะไปนัดเจอพี่บิ๊กที่สถานี Naka-Meguro แล้วจะเดินเที่ยวไปพร้อมๆกันหลังจากนั้น ซึ่งเราก็จะต้องนั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line จากสถานี Shin-Okubo ไปลงที่สถานี Ebisu ก่อนจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Tokyo Metro สาย Hibiya Line อีกหนึ่งสถานีเพื่อไปลงที่สถานี Naka-Meguro จุดหมายที่นัดพี่บิ๊กเอาไว้

มาถึงสถานี Naka-Meguro ซึ่งเป็นสถานีสุดสายของรถไฟ Tokyo Metro สาย Hibiya Line แต่พอเดินลงจากขบวนรถไฟแล้วเรานี่งงหนักเลยตอนนั้น.. คือมันมีรถไฟขบวนฝั่งตรงข้ามของชานชาลาที่มันวิ่งไปต่อ ก็แบบ..เฮ้ย! มันไม่ได้สุดสายที่สถานีนี้หรอ? มารู้เอาทีหลังว่าที่สถานีนี้จะมีรถไฟ Tokyu สาย Toyoko Line มาใช้ชานชาลาร่วมด้วยกันนี่เอง เล่นเอาตอนนั้นมีแต่คำถามในหัวเต็มไปหมดเลย ฮ่าๆ

พอเจอพี่บิ๊กแล้วก็จะเริ่มลุยวันนี้กันเลย! จากสถานี Naka-Meguro นั้น ใช้เวลาเดินสักหน่อยไม่ถึงกันนานมาก ก็จะไปถึงย่านไดคังยะมะได้ ไม่จำเป็นจะต้องนั่งรถไฟเลยสักนิด (เปลืองเงิน)

เดินออกมาด้านหน้าสถานีและข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามก็จะต้องเดินผ่านแม่น้ำเมกุโระ ที่ช่วงนี้ของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาที่ต้นซากุระริมแม่น้ำนั้นออกดอกบานสวยตลอดแนว

ก็เลยต้องขอใช้เวลาแวะสักนิดเพื่อที่จะถ่ายรูปเล่น เพราะนี่คือ "ซากุระแรก" ที่เราได้ชมในประเทศญี่ปุ่นเลยล่ะ

ซากุระพันธุ์ "โซเมโยชิโนะ" ที่เป็นพันธุ์ที่พบเจอได้มากที่สุดในญี่ปุ่น สีขาวสวยงาม

นี่คือรูปที่ถ่ายกับต้นซากุระรูปแรกในชีวิต

บริเวณถนนริมแม่น้ำนั้นเอง จะมีพ่อค้านำไวน์ซากุระมาขาย เผื่อใครที่มาเดินชมซากุระแล้วอยากได้บรรยากาศจิบไวน์ชมดอกไม้บาน ขวดนี้ราคา 600 เยนเท่านั้นเอง ซึ่งเราก็จัดมาขวดนึงล่ะ

ใกล้ๆกับสะพานข้ามแม่น้ำเมกุโระ จะมีร้านเสื้อผ้าแบรนด์ของ EXILE ทั้ง 24k นี้และ EXILE TRIBE STATION ที่อยู่ใกล้กันด้วย เท่าที่สังเกตดูจะเห็นว่าลูกค้าส่วนมากเป็นสาวๆวัยรุ่นทั้งนั้นเลยล่ะ ในบางวันก็จะมีอีเว้นท์ที่หนุ่มๆ EXILE รวมถึง Generation แวะมาเยี่ยมเยียนที่ร้านด้วย วันนั้นก็จะเป็นวันที่คึกคักมากๆไม่แพ้อีเว้นท์ไอด้อลเลยนะเออ

หลังจากชื่นชมกับดอกซากุระสวยๆกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ได้เวลาเดินมุ่งหน้าสู่ย่านไดคังยะมะกันแล้วละนะ วันนี้แดดแรงไปนิด แต่ก็ไม่ได้ร้อนจนเกินไป เลยเดินได้สบายๆ

เดินตรงไปข้างหน้าอีกนิดนึง ไม่นานนักก็มาถึงย่านไดคังยะมะ ย่านที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องขนมหวานแล้ว

เดินมาถึงด้านหน้าสถานี Daikanyama พี่บิ๊กถามว่าหิวรึยัง จะได้หาร้านข้าวกินกันเลย เราไม่ได้กินข้าวเช้ามา จะกินข้าวกันตั้งแต่เกือบๆเที่ยงแบบนี้เลยก็ดีเหมือนกัน ก็เลยกินเลยแล้วกัน มีร้านที่ขาย Soup Curry อยู่แถวๆหน้าสถานีรถไฟ ก็เลยลองไปกินกันดู พี่บิ๊กบอกว่าหายากนะที่จะเจอร้านขาย Soup Curry ที่เป็นของขึ้นชื่อของเกาะฮอกไกโด

หน้าตาของ Soup Curry ที่เราสั่งมากิน ก็จะคล้ายๆแกงกะหรี่ที่มีส่วนผสมของน้ำเยอะหน่อย ทานพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยและสบายท้องดีมาก ให้เต็มสิบคะแนนเลย

หลังจากนั้น แน่นอนว่ามาถึงไดคังยะมะแล้ว ก็ต้องกินขนมหวานและกาแฟกันต่อ ก็เลยเดินดูร้านรวงที่มีตัวเลือกให้เลือกอยู่มากมายตามทาง เลือกไปเลือกมาก็มาหยุดอยู่ตรงที่หน้าร้านนี้..

ร้าน Drole นี้เป็นร้านเค้กที่คุณแฟนของเราหาข้อมูลมาแล้วก็ recommend ว่าร้านนี้น่าลอง เดินเจอร้านพอดีแบบนี้ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสการได้กินของอร่อยหลุดลอยไปอย่างแน่นอน เดินขึ้นชั้นสองเข้าร้านกันทันทีเลย! คุณพนักงานสาวสองคนเฝ้าร้านอยู่

สั่ง Banana Tart มากิน ชิ้นนี้ 600 เยนล่ะ รสชาติดีงามมากๆ จากเป็นคนไม่ค่อยกินของหวาน เรากลายเป็นคนชอบกินของหวานไปเลยอ่ะ ฮ่าๆ

นั่งแช่แอร์อยู่ที่ร้านเค้กจนรากเกือบงอก ก็ออกมาเดินเล่นชมรอบๆย่านไดคังยะมะอีกซักหน่อย ก่อนจะไปรปปงงิกันต่อ ดูๆแล้วย่านนี้มันก็เงียบสงบดีนะ ไม่ได้มีคนเยอะเท่าไหร่

เดินมาขึ้นรถไฟที่สถานี Daikanyama ซึ่งเป็นสถานีในเส้นทางรถไฟ Tokyu สาย Toyoko Line ซึ่งเราจะนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Naka-Meguro อีกครั้ง แล้วต่อรถไฟ Tokyo Metro สาย Hibiya Line ไปลงที่สถานี Roppongi

ออกจากสถานี ขึ้นบันไดเลื่อนสูงๆขึ้นมาเรื่อยๆ เราก็จะมายืนอยู่ที่ Roppongi Hills แล้ว ซึ่งเราก็จะได้เห็น landmark สำคัญของที่นี่ก็คือ "แมงมุมยักษ์" ตัวนี้

จากบน Roppongi Hills นี้ สามารถมองเห็น Tokyo Tower ที่อยู่ไม่ห่างกันนักได้อย่างชัดเจนเลย


เดินเข้าไปด้านในของอาคาร Mori Tower ช่วงนี้จะมีจัดเป็นคล้ายๆ exhibition ของ ONE PIECE อยู่พอดี

ในระหว่างทางเดินลงไปด้านล่างที่เรากำลังเดินไป TV Asahi ก็ไปเจอร้านขายขนมไทยะกิร้านนึง พี่บิ๊กเห็นแล้วอยากกิน เราก็เลยซื้อมากินด้วยคน

มีหลายไส้อยู่นะ เราสั่งไส้ช็อกโกแลตมากิน อร่อยดี (กินทั้งวัน ฮ่าๆ)

และก่อนจะเดินเข้าไปชมด้านในของ TV Asahi เราเห็นสวนหย่อมด้านหน้าดูร่มรื่นดี ที่สำคัญมีต้นซากุระด้วย ก็เลยไปเดินถ่ายรูปเล่นก่อนสักครู่ท่าจะดี

มาเที่ยวในช่วงซากุระบาน มันก็จะดีแบบนี้ล่ะ มีซากุระให้ดูกันบ่อยๆแต่ก็ดูได้ไม่มีเบื่อเลย

ยังบานสวยอยู่เลยเนอะ ^^

ทีนี้เราก็จะเดินเข้าไปชมภายใน TV Asahi กันต่อล่ะ

มีตารางถ่ายรายการสดแจ้งไว้ที่บอร์ดด้านหน้าเลย แบบว่าใครอยากมายืนรอต้อนรับศิลปินดาราก็สามารถมาส่องกันได้

รายการ M-Sta หรือ Music Station รายการเพลงชื่อดังก็ถ่ายรายการกันที่นี่ล่ะ ด้านหน้าสตูดิโอก็มีป้ายคัตเอ๊าท์ของคุณทะโมริและโด มาริโกะให้ไปยืนถ่ายรูปคู่ด้วย

นอกจากนี้ก็ยังจะมีกิฟท์ชอปที่ขายของที่ระลึกอยู่ด้วย พอเดินเข้าไปก็ตกใจนิดๆเพราะมันมีสินค้าของวง Momoiro Clover วางขายอยู่ด้วยอ่ะ ฮ่าๆ

ก่อนจะไปที่อื่นต่อ ขอเป็น "โนบิตะ" เคียงคู่กับโดราเอม่อนสักครั้ง ฮ่าๆ

จาก Roppongi Hills เดี๋ยวเราจะเดินไปหาอะไรดื่มกินกันต่อที่แถวๆ Tokyo Midtown ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึงกิโล

แต่ดันเดินเจอร้านทะโกะยะกิ "Gindaco" ซะก่อน ความผิดแผนจึงบังเกิด..

นั่นคือการเดินดุ่ยๆเข้าร้านไปสั่งมากินกันสามคนซะอย่างงั้น ฮ่าๆ

กว่าจะเดินมาถึง Tokyo Midtown ก็เกือบๆ 6 โมงเย็น ด้านในก็จะมืดๆเงียบๆเสียหน่อย ซึ่งเดี๋ยวเราจะเดินลงไปชั้นใต้ดินเพื่อหาร้านนั่งดื่มซะหน่อย

ร้านนี้ชื่อว่าร้าน "KOOTS" เป็นร้านขายชาเขียว พี่บิ๊กแนะนำมา

ชาเขียวของร้านนี้ recommend ทุกเมนูเลย ไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น ต้องลองฮะ

กินดื่มมาตลอดทาง มาเดินย่อยกันต่อดีกว่า เนื่องด้วยความที่ช่วงนี้มีวงไอด้อลชื่อดังอย่าง Nogizaka46 กำลังดัง ก็เลยอยากจะเดินไปเหยียบสถานีรถไฟโนกิซะกะสักครั้งหน่อย ซึ่งสถานี Nogizaka นั้นก็อยู่ไม่ไกลไปจากย่านรปปงงิเท่าไหร่ เดินจาก Tokyo Midtown ไปก็แป๊บเดียวถึง

มาเจิมแล้วนะครับ ฮ่าๆ

แต่ก็ใช่ว่าเราจะมาติ่งซะอย่างเดียว จริงๆเราก็จะมาขึ้นรถไฟเพื่อไปปิดท้ายวันนี้กันที่ย่านอิเคะบุคุโระต่อ ซึ่งเราจะต้องนั่งรถไฟ Tokyo Metro สาย Chiyoda Line จากสถานี Nogizaka ไปลงที่สถานี Hibiya แล้วเดินต่ออีกนิดไปขึ้นรถไฟ Tokyo Metro สาย Yurakucho Line ที่สถานี Yurakucho ไปลงที่สถานี Higashi-Ikebukuro ซึ่งจะเป็นสถานีรถไฟที่อยู่ใต้ห้าง Sunshine Plaza ที่เป็นห้างชื่อดังของอิเคะบุคุโระ

ขึ้นจากสถานีรถไฟมา เราก็ได้เดินผ่านลานน้ำพุที่หลายๆคนคงรู้จักดีเพราะคงเคยได้ดูได้เห็นอีเว้นท์ของไอด้อลญี่ปุ่นที่มาจัดกันที่ลานน้ำพุแห่งนี้บ่อยๆนั่นเอง

เดินออกจากห้าง Sunshine Plaza จะเห็นร้าน animate และร้าน K-BOOKS อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งโซนนี้จะเรียกว่าเป็นสวรรค์ของฟุโจฉิหรือสาววาย ร้านค้าแถวนี้จะขายสินค้า BL ประมาณ 70% ของทั้งหมด

เดินเลาะไปตามถนนอีกหน่อยจะเจอถนน Sunshine Dori 60 ซึ่งเป็นถนนชอปปิ้งและเป็นย่านที่มีความเจริญมากที่สุดของอิเคะบุคุโระ เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆรวมถึงร้านอาหารมากมาย

พวกเกมเซ็นเตอร์ก็เยอะมาก ซึ่งเป็นของชอบของพี่บิ๊กเลยโดยเฉพาะเจ้าตู้ UFO Catcher

ซึ่งเราก็ได้ไปลองกะเค้ามาบ้างเหมือนกัน แต่ดูท่าว่าจะไม่รุ่ง เหมือนเอาเงินไปละลายน้ำทิ้ง ฮ่าๆ ไม่เอาดีกว่า ยอมแพ้

เดินมาจนเกือบจะสุดถนน เจอร้าน Sanrio Gift Gate ที่ขายสินค้าแบรนด์ซานริโอ้ ก็ดูจะเป็นตัวเลือกในการซื้อของฝากให้กับน้องสาวเราได้ดี

น้องเราชอบชินนาม่อนโรลล่ะ เลยซื้อกลับไปฝากซักตัวละกันเนอะ

เรียบร้อย! ห่อของขวัญให้ฟรีด้วย ดีจริงๆ

เดินเที่ยวกันมาทั้งวันยัน 4 ทุ่มกว่าละ พอแค่นี้แล้วแยกย้ายกันกลับดีกว่า เดินเลยต่อไปที่สถานีรถไฟ Ikebukuro

จากสถานี Ikebukuro ก็นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line เจ้าเก่ากลับไปที่สถานี Shin-Okubo

ก่อนจะเดินเข้าที่พัก แวะเซเว่นหาอะไรกินเผื่อกลางคืนจะหิว ไปเจอกราแต็งกุ้งที่หน้าตาน่ากินมากๆ ก็เลยซื้อกลับมากินที่ห้องพัก และมันก็อร่อยถูกใจมากจริงๆ หลังจากนี้จะซื้อกินบ่อยๆเลย สัญญา

เอ้อ! ลืมบอกไปว่าไปเจอร้าน Book-Off! ที่ขายของมือสอง ได้แผ่นซีดีสองแผ่นนี้ติดมือกลับออกมาด้วยล่ะ อัลบั้มของ EXILE กับ Limp Bizkit งงใจที่มันหาได้ง่ายจังนี่ล่ะ ฮ่าๆ
จบวันที่ 4 ที่เดินกันชนิดที่ว่าเกิน 20 กม. แน่ๆไปละ หมดเงินไปกับการกินซะเป็นส่วนมากด้วย เดี๋ยวคงพักกินหนึ่งวัน แล้วไปเที่ยวเล่นบ้างดีกว่า.. เจอกันพรุ่งนี้ครับ!