2012.04.07 Japan Trip #1 Day9 - Asakusa, Ueno
เช้าวันที่ 9 ของทริปญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต เช้าวันนี้นั้นอากาศแจ่มใส ท้องฟ้าสีครามสวยมากๆ เป็นอะไรที่เหมาะแก่การเที่ยวเป็นที่สุด
ในวันนี้เรามีแพลนที่จะไปย่านอะสะคุสะในช่วงเช้า และไปอุเอโนะในช่วงบ่าย ทั้งสองที่นี่จัดเป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนั้นก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องคนเยอะกันไว้หน่อยเนอะ

การเดินทางไปอะสะคุสะ ถ้าเทียบว่าเริ่มเดินทางจากย่านโอคุโบะที่เราพักอยู่นี่ เรียกว่าเกือบครึ่งรอบของรถไฟยะมะโนเตะเลยล่ะ เริ่มจากต้องนั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line จากสถานี Shin-Okubo ไปลงที่สถานี Ueno ก่อน แล้วจึงต่อรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Ginza Line ไปลงที่สถานี Asakusa ที่เป็นสถานีสุดสายของรถไฟสายนี้อีกที (ค่าโดยสารรวม 190+160 = 350 เยน) พอถึงแล้วก็เดินออกมาจากสถานี ผ่านด้านหน้าทางเข้าสถานีรถไฟ Tobu ไป

แป๊บเดียวไม่นานนัก ก็จะเห็นซุ้มประตูทางเข้าสู่วัดเซ็นโซจิ

ประตูนี้คือ "คะมินะริมง" เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปกันมากที่สุด มากกว่าหน้าวัดซะอีก ฮ่าๆ

เดินผ่านประตูคะมินะริมงเข้ามา ก็จะเจอ "ถนนชอปปิ้งนะคะมิเสะ (Nakamise Shopping Street)"

ถนนชอปปิ้งนะคะมิเสะนี้เป็นหนึ่งในถนนชอปปิ้งที่คนเยอะที่สุดในโตเกียวเลยล่ะ คนเยอะแออัดกันแบบนี้ยาวไปตลอดเกือบๆ 300 เมตรของถนนชอปปิ้งเลยด้วย ตอนเราไปเดินนี่ก็ค่อยๆไหลไปตามๆเค้า ฮ่าๆ

สองฝั่งข้างทางของถนนชอปปิ้งก็จะมีร้านรวงน้อยใหญ่ขายสินค้าหลากหลาย

ส่วนมากก็จะเป็นของที่ระลึกที่บ่งบอกถึงความเป็นวัด บ้างก็บ่งบอกความเป็นญี่ปุ่น อย่างแมวกวักหรือตุ๊กตาดารุมะอะไรแบบนี้เป็นต้น

นอกจากนั้นก็ยังมีของฝากที่เป็นทั้งขนมและของกินอื่นๆขายอยู่เยอะแยะเลยด้วย

เดินผ่านมาจนถึงร้านขายขนมอะเกะมันจูที่เป็นแป้งทอดสอดใส้ถั่วแดงแล้วอดใจไม่ไหว เลยต้องซื้อมากิน..

ตอนแรกจะชิมแค่ชิ้นเดียว พออร่อยปุ๊บซัดไปสองเลย ฮา
มาเดินเล่นที่ถนนชอปปิ้งนะคะมิเสะไปพร้อมๆกันนะ!!

เดินไหลๆไปตามทางเรื่อยๆจนใกล้จะสุดถนนชอปปิ้งแล้ว ทางซ้ายมือด้านหน้าจะมีต้นซากุระใหญ่ๆอยู่ประมาณสิบต้นได้

ต้นซากุระเหล่านี้ถูกปลูกไว้เป็นแนวด้านหน้าถนนที่มุ่งหน้าสู่ซุ้มประตู "โฮโซมง" ที่เป็นประตูสู่บริเวณวัดเซ็นโซจิ

ตอนนี้ดอกซากุระบานสวยสะพรั่งเต็มต้นเลย เป็นอะไรที่ "ดีงาม" มากๆ

พอเดินผ่านประตูโฮโซมงเข้ามา ด้านหน้าที่เห็นนั่นก็คือ "วัดเซ็นโซจิ" ล่ะ วัดเซ็นโซจินี้เป็นวัดที่บูชาเจ้าแม่กวนอิม ถือเป็นหนึ่งใน Kannon Temple ของญี่ปุ่น มีอายุเกินพันปีแล้วด้วย ตัววัดที่เห็นนี้ถูกบูรณะขึ้นใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในทุกวันนี้

มาครั้งแรกก็ต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกล่ะนะ เสร็จแล้วก็ไปยืนกวักควันธูปเข้าตัวรับโชคดีซะหน่อย

เจดีย์ 5 ชั้น ที่อยู่เคียงค้างกับอาคารหลักของวัดมาอย่างยาวนาน

รอบๆบริเวณลานหน้าวัดก็จะมีการจัดโคมไฟประดับและมีร้านรวงขายอาหารอยู่มากมายโดยรอบ เดี๋ยวว่าจะหาอะไรกินแถวๆนี้สักหน่อย อาหารวัด ฮ่าๆ

และจากลานวัดตรงนี้ ก็สามารถมองเห็น Tokyo Skytree ว่าที่สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอนาคตของโตเกียวด้วยนะ เสียดายนิดๆที่ตอนนี้มันยังไม่เปิดให้เข้าชม

ที่ในบริเวณวัดจะมีซุ้มอาคารที่ขายเครื่องรางต่างๆหลากหลายประเภท แล้วแต่ว่าอยากจะได้โชคในด้านใด

ข้างๆกันก็จะเป็นการเสี่ยงเซียมซี ก็คล้ายๆกับวัดบ้านเรา เอากล่องมาเขย่าๆแล้วออกเซียมซีมาก็หยิบใบข้อความ ถ้าโชคดีก็ยินดีด้วย แต่ถ้าโชคร้ายก็เอากระดาษนั้นไปผูกไว้กับราวเหล็กเป็นการแก้เคล็ด อ้อ! เซียมซีที่ญี่ปุ่นเสียเงินนะเออ

นอกจากนั้นรอบๆบริเวณวัดก็ยังมีรูปปั้นต่างๆทั้งพระยูไล,เจ้าแม่กวนอิมและรูปหล่ออื่นๆให้สักการะด้วย

อย่างรูปปั้นนี้ เห็นคนที่อยากมีลูกมาสักการะกันเยอะนะ น่าจะอำนวยให้ลูก(และแม่)มีสุขภาพแข็งแรงมั้ง..

เอาล่ะๆ ได้เวลาหาอะไรกินละ ปล่อยให้ท้องหิวมาได้สักพัก ไปดูกันดีกว่าว่าของกินแถวนี้มีอะไรบ้าง.. ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของกินง่ายๆที่เรามักเห็นบ่อยๆที่ในทีวีรวมถึงที่ขายกันเกร่อในเมืองไทย เช่น ทะโกะยะกิ,ยะกิโซบะ,โอโคโนมิยะกิ,โอเด้ง,คะราเกะ,สายไหม,ขนมสอดไส้ เป็นต้น

ดังนั้นแล้วก็เลยซื้อยะกิโซบะมากิน

คอนยะคุราดซอสมิโสะอีกสักไม้สองไม้ซิ

และแน่นอน ต้องตบท้ายด้วย "รามุเนะ" มะนาวโซดาอันแสนชื่นใจ แต่ตอนเปิดนี่กระเด็นแทบเข้าตา ฮ่าๆ มื้อนี้หมดไป 800 เยน

จบการเดินเที่ยวที่วัดเซ็นโซจิแล้ว เดี๋ยวเราจะเดินไปริมแม่น้ำสึมิดะซะหน่อย

ตรงสวนสาธารณะเลียบแม่น้ำสึมิดะนี้ก็มีต้นซากุระที่ดอกกำลังงามอยู่เพียบ ซึ่งคนญี่ปุ่นก็มานั่งปูเสื่อดื่มกินชมซากุระบานกันเยอะแยะเลย

มองจากหัวสะพานอะสุมะบะชิลงไป ข้างล่างนั่นมีทางเดินและท่าเรือ เดี๋ยวลงไปเดินถ่ายรูปกันๆ

ตึกอะซะฮี นั่นฟองเบียร์นะไม่ใช่...

จากตรงนี้ล่ะที่เห็น Tokyo Skytree สวยเด่นชัดเจนแจ่มแจ๋ว

มาเยือนแล้วนะคร้าบบบบ (สังเกตแดดได้ แว่นดำเลย ฮ่า)

ถ่ายรูปเพลินจนเริ่มร้อนแดด เดินขึ้นไปตรงสวนด้านบนดีกว่า

พอเดินขึ้นมาเท่านั้นล่ะ ตกใจในความคนเยอะ.. ยาวไปตลอดจนสุดพื้นที่สวนเลย

มีการแสดงโชว์ในงานชมซากุระแรกในปีนี้ของที่นี่ด้วย
ยืนชมการแสดงไปพร้อมๆกันเลย!

แต่ดูน้องๆนักแสดงท่าทางจะหิวนะ ฮ่าๆ

คนญี่ปุ่นมาปูเสื่อนั่งดื่มกินกันเพียบเลยจริงๆ เห็นแล้วก็อยากจะไปแจมกะเค้าบ้าง..

ต้นซากุระที่ให้สุมทุมพุ่มไม้ช่วยบังแสดงแดด

ดอกซากุระบานที่ริมแม่น้ำสึมิดะ
เดินเล่นไปตามทางในสวนริมแม่น้ำสึมิดะกันๆ

รูปสุดท้ายของที่นี่ละ เดี๋ยวจะไปอุเอโนะต่อแล้วจ้า

เดินจากริมแม่น้ำสึมิดะกลับลงทางเข้ารถไฟฟ้าใต้ดินที่อยู่ตรงหัวมุมถนนใกล้ๆกันนั้นเอง แล้วก็กดตู้ซื้อตั๋วโดยสารอัตโนมัติ เดี๋ยวเราจะต้องขึ้นรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Ginza Line สีส้มนี้กลับจากสถานี Asakusa ไปลงที่สถานี Ueno (ค่าโดยสาร 160 เยน)

นั่งรถไฟ 3 สถานีก็มาถึงสถานี Ueno แล้วล่ะ จริงๆแล้วถ้าเราต้องการจะมาเดินชอปปิ้งที่ตลาดอาเมะโยโกะล่ะก็ ยังสามารถลงรถไฟที่สถานี Ueno-hirokoji ก็ได้เช่นเดียวกันนะ สถานีนั้นจะอยู่ทางฝั่งใกล้ๆกับย่านโอคะจิมะจิที่อยู่ฝั่งทางเข้าตลาดอาเมะโยโกะอีกทางนึงนั่นเอง

มาถึงย่านอุเอโนะในเวลาคล้อยบ่ายไปเล็กน้อย แต่เป็นวันธรรมดาคนเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นัก

ก่อนอื่นก็ต้องหาร้านข้าวกินมื้อเที่ยงกันซะก่อน คุณแฟนแนะนำร้านข้าวหน้าปลาไหลร้านนึงที่อยู่ในย่านอุเอโนะนี้ อยู่ในซอยที่เดินไปทางตลาดอาเมะโยโกะนั่นล่ะ แต่ว่าอยู่ถึงก่อนตลาด ชื่อร้านว่า "อุนะโตโต"

ร้านข้าวหน้าปลาไหลร้านนี้ราคามิตรภาพมากๆ คือกำเงินมาแค่ 500 เยนก็สามารถกินได้แล้วหนึ่งชามอ่ะ (อุนะด้งไซส์เล็กราคา 500 เยน)

บรรยากาศในร้านก็จะมีแยกโซนสูบบุหรี่กับไม่สูบบุหรี่ เราได้ขึ้นไปนั่งชั้นสอง

ที่เราสั่งมาคือ "อุนะด้งดับเบิ้ล" คือถ้วยข้าวจะไซส์เท่ากับอุนะด้งที่ราคา 500 เยน แต่ได้เนื้อปลาไหลสองชิ้น ถ้วยนี้ราคา 900 เยน อร่อยมากๆแบบติดใจเลยอ่ะ ย่างหอมและรสชาติกลมกล่อมมากทั้งเนื้อปลาทั้งซอส รักเลย สัญญาจะมากินบ่อยๆ มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลาน พูดจริง!

ท้องอิ่มเรียบร้อย เดินเล่นดูรอบๆไปพลางเพื่อรอไกด์กิตติมศักดิ์อย่างอาอู๋มาถึง พอดีว่านัดเจอกันที่อุเอโนะเอาไว้แต่ทางอู๋นั้นติดธุระนิดหน่อยพอดี ก็เลยมาถึงช้านิดนึง พออู๋มาถึงก็เดินไปที่สวนสาธารณะอุเอโนะกัน

ทางเข้าสวนอุเอโนะนั้น แค่เดินข้ามถนนมาจากฝั่งย่านอาเมะโยโกะก็ถึงแล้ว (ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ Keisei) แค่เดินมาถึงก็เจอต้นซากุระทั้งพันธุ์โซเมโยชิโนะและชิดะเระรอต้อนรับอยู่

พื้นที่ตรงสวนสาธารณะนี้จะอยู่สูงกว่าถนนสักหน่อย ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกนิดนึง ถึงตรงนี้ก็จะเริ่มเห็นความคนเยอะกันแล้วล่ะนะ

จากทางเข้าฝั่งทิศใต้ขึ้นมาถึงด้านบน จะต้องพบเจอกับรูปปั้นอนุสาวรีย์ของ "ทะคะโมริ ไซโก (Takamori Saigo)" หรือ The Last Samurai

ใกล้ๆกันนั้นก็จะเป็นอนุสรณ์สถานหลุมศพของเหล่าซามุไรที่เสียชีวิตระหว่างการสู้รบในศึกที่อุเอโนะกับฝ่ายรัฐบาลในช่วงยุคแห่งการกวาดล้างซามุไร (แต่เห็นว่าคุณไซโกไม่ได้ตายในศึกนะ บาดเจ็บแล้วไปทำอัตวินิบาตกรรมทีหลัง)

เดินมาถึงตรงนี้จะเห็นอาคารวัดเล็กๆหลังนึงคือวัดคิโยมิสึคันนง ฟังจากชื่อแล้วก็แน่นอนว่าได้รับอิทธิพลในการสร้างมาจากวัดคิโยมิสึเดระอันโด่งดังในจังหวัดเกียวโตนั่นเอง

ตรงวัดคิโยมิสึคันนงนี่จะอยู่ใกล้ๆกับบันไดทางเดินลงไปยังวัดเบ็นเท็นโด ซึ่งจะดูคล้ายกับเป็นเกาะอยู่กลางบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ชื่อว่าบึงชิโนคะสึ ทั้งวัดคิโยมิสึคันนงและวัดเบ็นเท็นโดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัดคะเนอิจิเหมือนกัน

เห็นจำนวนคนแล้วถามว่าจะเดินเข้าไปตรงนั้นมั้ย? คำตอบก็ชัดเจนในใจว่า "ไม่ละกัน" ฮ่าๆ

เดินลงบันไดมาก็จะพบตัวเองอยู่ระหว่างอุโมงค์ทางเดินชมซากุระ ซึ่งมีอยู่เป็นร้อยต้นในสวนอุเอโนะแห่งนี้

ฟ้าหลัวไปสักหน่อย เวลาถ่ายรูปมันเลยดูกลืนกันไปหมดทั้งท้องฟ้าและดอกซากุระ

แต่ขอบอกเลยว่าบรรยากาศดีมากๆ ถึงแม้คนจะเยอะไปสักหน่อย แต่ช่วงจังหวะที่คนเดินผ่านน้อยคน การถ่ายรูปเล่นก็จะเริ่มสนุกขึ้นมาเอง จริงๆนะ

ที่เห็นต้องพันผ้าพันคอแบบนี้คืออากาศมันค่อนข้างเย็นน่ะ พอพันแล้วก็รู้สึกอบอุ่นดี ก็ต้องเดินถ่ายรูปเล่นตั้งหลายชั่วโมงนี่นะ ฮ่าๆ

หลังจากเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปกับต้นซากุระที่สวนอุเอโนะกันนานพอสมควร ต่อไปก็ได้เวลากลับไปเดินเล่นที่ตลาดอาเมะโยโกะแล้ว บรรยากาศกำลังคึกคักเลย เพราะเป็นช่วงบ่ายแก่ๆที่คนจะเริ่มมาจับจ่ายซื้อของกัน

ใครที่เคยมาเดินตลาดอาเมะโยโกะแห่งนี้ก็คงจะคุ้นตากับพวกของสดที่วางขายอยู่ในย่านนี้กันดี แต่มันเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวอย่างเรามองข้ามๆไป จะไปสนใจของจำพวกของฝากซะมากกว่าเนอะ

ก่อนที่จะไปเดินชอปปิ้งกันต่อ เรารีเควสต์มื้อบ่ายแก่ๆก่อน เกรงว่าเดินชอปปิ้งนานแล้วจะหิวก่อนถึงช่วงเวลามื้อค่ำ ก็เลยแวะร้าน "โยชิโนยะ" ร้านข้าวหน้าเนื้อเบสิกชีวิตๆที่เราๆคงรู้จักกันดี(มีสาขาที่ไทยด้วย) สั่งไซส์ปกติมากินรองท้องสักชาม ข้าวหน้าเนื้อชามนี้ 370 เยนเองล่ะ

และต่อจากนี้ก็จะเป็นการชอปปิ้งที่ "ตึกม่วง" ร้านขายสินค้าที่เป็นร้านยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย ตึก Takeya นั้นมีหลายตึกกระจายอยู่ในย่านอุเอโนะแห่งนี้ โดยจะแยกเป็นแผนกๆกันไป

คุณแฟนเราใช้เวลาที่แผนกเครื่องสำอางอย่างเต็มที่ ส่วนเราก็มาเดินเล่นดูข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงของฝากกลับไปให้ที่บ้าน,ที่ทำงานและเพื่อนฝูงต่างๆด้วย

แน่นอนว่าก็ต้องมีการตุนเสบียงเอาไว้กินไว้ดื่มในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ด้วย สินค้าในตึกม่วงนี้จะราคาต่ำกว่าพวกที่ขายตามร้านสะดวกซื้อมากอยู่เหมือนกันนะ ถ้ามาอยู่ญี่ปุ่นหลายๆวัน แนะนำว่าควรซื้อเสบียงจากร้านลักษณะนี้(หรือเช่น อิอ้อนมอลล์ เป็นต้น)ไปตุนไว้ยาวๆนะ

เดินชอปปิ้งที่ตึกม่วงกันจนมืดค่ำก็เดินกลับมาเก็บตกที่แถวตลาดอาเมะโยโกะอีกสักหน่อย โดยเฉพาะรองเท้าที่ร้าน ABC-Mart นี่ถูกใจหลายคู่เลยล่ะ

ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ เริ่มหิวอีกครั้ง ลองถามอาอู๋ว่าพอจะมีร้านแถวนี้แนะนำมั้ย อู๋บอกว่ามีร้านซูชิที่ดีใช้ได้และราคาย่อมเยาอยู่แถวโอคะจิมะจินี้ ก็โอเค..นำทางไปเลยจ้า

ร้านนี้เป็นร้านซูชิสายพาน ของเค้าโอเคเลยนะถ้าเทียบคุณภาพกับราคา จำชื่อร้านไม่ได้จริงๆแต่จำได้แค่ว่าอยู่ติดถนนใหญ่ ไม่ห่างจากตรงที่เป็นร้านสตาร์บั๊คแถวโอคะจิมะจินี้เท่าไหร่ จานละ 136 เยนเองแต่ก็ซัดไปหลายจานเหมือนกัน นี่ขนาดไม่หิวเท่าไหร่นะ..
อิ่มแล้วก็แยกกับอาอู๋ โดยเราและคุณแฟนไปขึ้นรถไฟ JR สาย Yamanote Line จากสถานี Okachimachi กลับไปที่สถานี Shin-Okubo เพื่อกลับที่พัก ส่วนอาอู๋เห็นบอกว่าจะเดินกลับ เพราะเขาบอกว่าบ้านเขาอยู่ตรงย่านนิปโปริ จากอุเอโนะนี่เดินไปกลับสบายๆเลย
กลับถึงที่พักแล้วก็รู้สึกว่า ทำไมวันที่ไปชอปปิ้งนี่มันรู้สึกเหนื่อยกว่าวันที่ออกเที่ยวจังวะ ฮ่าๆ