2012.08.13 Japan Trip #2 Day12 - Asakusa,Narita Airport
และแล้ววันสุดท้ายของทริปก็มาถึง วันนี้จะต้องเดินทางกลับเมืองไทยแล้วนะ จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าอยู่ที่นี่นานก็นาน วันเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันมันสนุกมากจริงๆ มากจนไม่อยากจะกลับ แต่ก็คิดถึงบ้าน เก็ทมะ? ฮ่าๆ

ตื่นนอน 8.30 น. ในตอนที่ลงมาอาบน้ำที่ชั้นล็อบบี้ก็พบว่าคนโล่งมากๆผิดกับยามค่ำคืนที่ทุกคนจะมารวมตัวกันนั่งคุยแลกเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างกันจนดึกดื่น เช้าๆมาออกจรลีไปข้างนอกกันหมดเกลี้ยงเลย

แม้แต่โซนบริการอินเตอร์เน็ตก็เหลือลุงแก่ๆคนนึงนั่งเล่นเน็ต เรียกว่าร้างคนจริงๆในตอนเช้าของที่ Khaosan Asakusa Annex แห่งนี้

กำลังมีถ่ายทอดสดพิธีปิดกีฬาโอลิมปิคที่สหราชอาณาจักรพอดีเลย ระหว่างรอเช็คเอ๊าท์ก็นั่งดูรอชาวคณะพร้อม

เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว บ๊ายบาย Khaosan Asakusa Annex หวังว่าจะมีโอกาสได้มาพักที่นี่อีกนะ!

เดินจากที่พักไปทางสะพาน Azumabashi ต้องเดินผ่านตึกขี้หรือก็คือตึกอะสะฮีนั่นเอง

รูปสุดท้ายก่อนจะต้องลาจากย่านอะสะคุสะที่ใช้ชีวิตอยู่มาร่วมๆสองสัปดาห์ "AIS สัญญาณแรงทั่วไทยไปไกลทั่วโลก"

ขากลับไปสนามบินนาริตะนั้น เราต้องไปขึ้นรถไฟ Keisei ที่อุเอโนะ ก็เลยต้องนั่งรถไฟ Tokyo Metro สาย Ginza Line จากสถานี Asakusa นี้ไปลงที่สถานี Ueno

แค่เดินไปเดินมาก็ร้อนจนเหงื่อมท่วมขนาดนี้แล้ว.. หน้าร้อนของญี่ปุ่นนี่มันช่างน่ากลัวจริงๆ..

มาถึงอุเอโนะแล้ว ก็ไม่ได้ไปแวะซื้ออะไรที่ไหนเพราะว่าต้องรีบไปสนามบินด้วยความที่ไฟลท์บินกลับบินเวลา 17.45 น. แล้วชาวคณะเราจะนั่งรถไฟหวานเย็นของ Keisei คือสาย Main Line Rapid Service ที่ใช้เวลาเดินทางถือ 85 นาที ก็เลยต้องรีบไป (ค่าโดยสาร 1,000 เยน)

ซื้อตั๋วกันแล้วก็ไปแวะซื้อเสบียงที่คมบินิในสถานีก่อน จากนั้นก็เดินเข้าสู่ชานชาลาไปยืนรอรถไฟมาจอดเทียบท่า

เดินขึ้นรถไฟแบบคนบ้าหอบฟาง พอดีว่ากระเป๋าใส่ของที่ซื้อมาทั้งหมดไม่พออ่ะ ฮ่าๆ

อยู่บนรถไฟก็นั่งหลับสลับกับนั่งดูรูปทริปที่กำลังจะผ่านพ้นไป บนรถไฟคนค่อนข้างโล่งด้วยเพราะเป็นช่วงบ่ายของวันธรรมดา

และสุดท้ายพวกเราก็มาถึงสนามบินนาริตะแล้วจ้า ลงที่เทอมิน่อล1 เพราะเราบินสายการบิน United Airlines ล่ะ

ต่อคิวเข้าเช็คอินที่เค้าน์เตอร์ของ United Airlines เรียบร้อย ได้บอร์ดดิ้งพาสมาแล้ว

หลังจากได้บอร์ดดิ้งพาส พวกเราก็เดินเข้าเกทและผ่านตม.กันทันที เพื่อที่จะไปดูของฝากใน Duty Free ของสนามบินกัน

ใกล้ถึงเวลา boarding time พวกเราก็เดินไปรอขึ้นเครื่องที่หน้าเกทหมายเลข 46 ที่เป็นเกทขึ้นเครื่องไฟลท์นี้ พอดีเดินผ่านแล้วเห็นเครื่องบินของ United Airlines ซึ่งก็คงจะเป็นลำนี้ล่ะที่เราจะนั่งกลับไทย

ยืนรอเรียกขึ้นเครื่อง รู้สึกจะดีเลย์ไปประมาณ 15 นาทีได้ ทำไมไม่ตรงเวลาเหมือนการบินไทยล่ะ? ฮ่าๆ

ขึ้นเครื่องบินมาและ ตอนก่อนขึ้นเครื่องมีเรื่องน่าหงุดหงิดนิดหน่อยตรงที่เราโดนริบเอากระเป๋าที่ถือ carry on ขึ้นเครื่องไปโหลด เพราะเค้านับสัมภาระที่เราถือว่าเกิน 2 ใบ จริงๆมันก็เพราะเรามีถุงของฝากใบเล็กๆมาอีกใบเท่านั้นเอง ให้เราเอาใส่กระเป๋าถืออีกทีก็ยังได้ แต่พนักงานสายการบินเลือกที่จะดึงกระเป๋าไปจากมือเราเลย ที่มันน่าหงุดหงิดใจก็เพราะกระเป๋าที่เราถือขึ้นเครื่องนั้นมีซีดีเป็นสิบๆแผ่นเลยนะ เรากลัวแตกน่ะ ถ้าแผ่นของเราเองคนเดียวจะไม่ว่าเลย แต่นี่มันมีแผ่นที่คนอื่นฝากซื้อด้วยน่ะ ฮึ่ยย..

ระหว่างทางขากลับ พอดีว่าได้นั่งข้างๆฝรั่งชาวอเมริกันที่จะเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศไทย เค้าก็เลยชวนคุยนู่นนี่ ถามคำภาษาไทยบ้างถามเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวบ้าง ก็สนุกดี เหมือนได้รื้อฟื้นภาษาอังกฤษที่นานๆจะได้ใช้ซะทีนึง พอเครื่องแลนดิ้งปุ๊บก็รีบเดินไปผ่านตม.และรับกระเป๋าเดินทาง แล้วจึงต่างคนต่างแยกย้ายกันขึ้นแท็กซี่กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
เป็นทริปแรกที่เดินทางไปด้วยเป้าหมายการไปติดตามดูไอด้อลเป็นหลักจริงๆ ทริปนี้ทำให้เราได้รู้ว่าทริปในการไปดูไอด้อลนั้นสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากกว่าทริปที่ไปท่องเที่ยวเมืองต่างๆซะอีก! ต่อไปจะพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายให้ดีกว่านี้ล่ะ ฮ่าๆ