top of page
  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon

2013.05.12 Japan Trip #3 Day2 - Hakodate,Aomori


วันที่ 2 ของทริปเหนือลงใต้ วันนี้พาคุณแม่ไปดูซากุระที่ฮะโกะดะเตะ ลงทุนข้ามเกาะจากฮอนชูไปฮอกไกโดเลยนะ!

ตอนแรกพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกด้วยซ้ำ แต่โชคดีที่มันตกถึงแค่เมื่อคืน ถึงเช้าฝนไม่ตกแล้วแต่ฟ้าก็ไม่เปิด เวลาถ่ายรูปออกมาก็คงจะไม่ได้สวยมากเท่าไหร่ แต่ทริปของเราก็ต้องดำเนินต่อไปเนอะ

สำหรับแพลนในวันนี้ก็คือจะพาคุณแม่ไปชมซากุระบานที่โกะเรียวคะคุในเมืองฮะโกะดะเตะ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮอกไกโด เดินทางจากอาโอโมริประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วช่วงเย็นค่อยกลับมาเดินเล่นในเมืองอาโอโมริต่อ

ตื่นแต่เช้าขึ้นมาอรุณสวัสดิ์เมืองอาโอโมริที่คล้ายเป็นเมืองร้างในช่วงเช้า จะเดินทางข้ามจากเกาะฮอนชูไปยังเกาะฮอกไกโดทั้งทีก็ต้องตื่นเช้ากันหน่อย

นัดกับคุณแม่และน้องสาวตั้งแต่ 7 โมงเช้า พร้อมแล้วก็ลงไปทานมื้อเช้าของโรงแรมที่ชั้นล็อบบี้ อาหารเช้าจะมีแกงกะหรี่และแซนด์วิชรวมทั้งสลัดผักและซุปต่างๆให้ทาน ถือว่าโอเคเลย เราชอบมากๆ

ออกจากโรงแรมเวลา 07.45 น. เพื่อเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี Aomori อุณหภูมิราวๆ 8-10 องศาเซลเซียสถือว่าเป็นอากาศที่ดีมากสำหรับเรานะ

ไม่ลืมที่จะซื้อเสบียงพวกน้ำและขนมปังไว้กินระหว่างนั่งรถไฟไปฮะโกะดะเตะ มี Daily Yamazaki อยู่ใต้โรงแรมเลย

เดินไปยังสถานี Aomori คนร้างมากๆ รถราเอย คนเดินถนนเอย แทบจะไม่มี ตามเมืองชนบทมันก็ร้างแบบนี้

มาถึงสถานีรถไฟแล้วก็ต้องไปจองตั๋วที่นั่งรถไฟก่อน วันนี้เราจะนั่งรถไฟ Limited Express Hakucho ซึ่งเป็นรถไฟขบวนเดียวที่วิ่งข้ามจากเกาะฮอนชูไปยังเกาะฮอกไกโด ซึ่งก็จองมันทั้งขาไปและขากลับพร้อมกันเลย เหตุที่จะไปฮะโกะดะเตะก็เนื่องด้วยคุณแม่อยากจะดูซากุระให้ได้ ซึ่งส่วนตัวไม่แน่ใจว่าซากุระที่ฮิโรซะกิที่จะไปพรุ่งนี้จะยังบานอยู่มั้ย เลยขอข้ามไปดูที่ฮะโกะดะเตะเพื่อความชัวร์ว่าได้ดูซากุระแน่ๆนี่ล่ะ

รถไฟ Limited Express Hakucho 93 ออกจากสถานี Aomori เวลา 8.24 น. จะไปถึงสถานี Hakodate เวลา 10.26 น.

เมื่อจองที่นั่งรถไฟเสร็จก็รีบเดินเข้าสู่สถานีทันที รถไฟจอดอยู่ที่ชานชาลาที่ 6

เดินลงมาถึงชานชาลา รถไฟมารอเราอยู่ก่อนแล้ว

นี่ล่ะโฉมหน้าของเจ้า Hakucho 93 ที่จะพาเราไปยังเมืองฮะโกะดะเตะ

ขึ้นรถไฟเรียบร้อยแล้ว นั่งรอรถไฟออกจากสถานี

แม้เน็ตจะเล่นไม่ค่อยได้เนื่องจากเป็นเขตอับสัญญาณของญี่ปุ่น แต่เราก็เอนจอยกับสองฝั่งข้างทางนะ

ระหว่างทางก็แน่นอนว่าต้องผ่านริมทะเลก่อนจะแล่นผ่านอุโมงค์เซคังที่เป็นอุโมงค์รอดใต้ช่องแคบสึกะรุที่อยู่คั่นระหว่างเกาะฮอนชูกับเกาะฮอกไกโด

ระหว่างที่รถไฟแล่นอยู่ในอุโมงค์เซคังนี่คือมืดมากยังกับข้างนอกเป็นเวลากลางคืนเลยทีเดียว

ข้ามมายังฝั่งฮอกไกโดแล้ว ใกล้ถึงละ อีกนิดเดียวๆ

และเราก็เดินทางมาถึงสถานี Hakodate เป็นที่เรียบร้อย

ใกล้กับสถานี Hakodate ตลาด Hakodate Morning Market ซึ่งมีของทะเลสดๆมาขายกันมากมาย

เดินจากสถานีรถไฟมาแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว

เข้ามาในตลาดก็ตามคาด คือมีคนมาเดินตลาดกันเยอะแยะมากมาย

นี่ถ้าบ้านอยู่แถวนี้ จะซื้อมาทำหม้อไฟใหญ่ๆเลี้ยงเลย

ที่นี่เป็นตลาดของทะเลสดๆที่มีชื่อเสียงมากๆ

ปูขนฮอกไกโดนี่ตัวใหญ่มากๆอ้ะ!

ไข่หอยเม่นสดๆก็น่ากินมากจริงๆ แต่ราคาน่าจะสูงเอาการอยู่

โซนตลาดสดจริงๆก็ดูคล้ายๆกับตลาดสึคิจิที่โตเกียวเลย มีของกินขายเพียบเลย

ร้านขายข้าวหน้าของทะเลสดๆต่างๆขายในราคาที่ถูกกว่ากินที่เมืองใหญ่ๆที่อื่น

หลังจากไปดูสิ่งยั่วตายั่วใจ ก็ได้เลยไปดูซากุระแล้ว! ว่าแล้วก็ออกเดินตามหาสถานีรถราง

ป้ายรถรางสถานี Hakodate-Eki-mae อยู่ข้างหน้านี่เอง สถานีรถรางตั้งอยู่กลางถนนตรงสี่แยกหน้าสถานีรถไฟเลย

ยืนรอขึ้นรถราง ดูเหมือนว่าจะมีรถรางอยู่ 2 สายนะตามที่เช็คมา

มาแล้วๆ รถรางคันนี้จะนำเราไปยังป้อมปราการโกะเรียวคะคุ

อันนี้เป็นตั๋วรถรางที่เราจะหยิบตอนที่เราขึ้นรถมา ตั๋วนี้มันจะบอกหมายเลขของป้ายรถที่เราขึ้นมา อัตราค่าโดยสารรถรางที่นี่จะเหมือนกับอัตราค่าโดยสารรถปอ.ที่เมืองไทยคือจะแพงขึ้นตามระยะทาง เริ่มต้นไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ อาจจะ 200 เยนมั้ง แต่ป้ายที่เราจะลงคือ Goryokaku Koen Mae นั้น ค่าโดยสาร 220 เยน

และเมื่อมาถึงป้าย Goryokaku Koen Mae ตามแผนที่แล้วเราจะต้องข้ามถนนแล้วเดินไปตามลูกศร มุ่งหน้าสู่โกะเรียวคะคุ

เดินไปแค่นิดเดียวก็เห็น Goryokaku Tower อยู่ไกลๆ ถนนตรงนี้เป็นช่องลมด้วยล่ะ ลมพัดผ่านแรงมาก เล่นเอาแม่กับน้องหนาวเลยทีเดียว แต่สำหรับเราสบายๆ ชอบจริงๆ ฮ่าๆ

ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ เสียดายท้องฟ้าไม่สวยอย่างที่คิด

ไม่แน่ใจว่ารูปปั้นใครนะ ไม่ได้หาข้อมูล แต่มันอยู่ตรงทางแยกระหว่างทางเดิน

มาถึงด้านหน้าของ Fort Goryokaku แล้ว

ถ้าเงยหน้ามองด้านบนก็จะเห็นหอคอย Goryokaku Tower ใหญ่เบ้อเริ่มอยู่เบื้องหน้า

ตอนนี้เรายืนอยู่ตรงที่จุดดาวสีส้มในแผนที่นี้และ เดี๋ยวจะเดินเข้าไปข้างในโกะเรียวคะคุ แต่ไม่ได้ไปตามลูกศรสีแดงนะ เดินอ้อมเข้าไปข้างหลัง Fort Goryokaku เพราะเห็นผู้คนมากมายมาปิกนิกชมซากุระกันเต็มเลย

พอเป็นเทศกาลชมซากุระด้วยนี่คนยิ่งเยอะเป็นพิเศษ แต่เยอะของที่นี่มันเทียบไม่ได้กับที่อุเอโนะเลย อันนั้นไม่เรียกเยอะ อันนั้นเรียกหาพื้นที่ว่างในการยืนไม่ได้ ฮ่าๆ

ขนาดฝนเพิ่งหยุดตกหมาดๆ คนยังมากันเยอะขนาดนี้แน่ะ ถ้าเรามีเวลาสักหน่อยก็คงหาเสื่อหาผ้ามาปูนั่งกินอะไรสบายๆกับครอบครัวเหมือนกันนะ

อุโมงค์ทางเดินซากุระที่นี่สวยมากๆ ฟินมากเลย

ได้เห็นซากุระเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้วนะ ชื่นใจดีจัง

เดินทะลุโซนที่เขานั่งปิกนิกกันมาจนถึงทางเดินในสวนโกะเรียวคะคุ

ซากุระบานพีคในช่วงเวลาที่มาเยือนพอดีแบบนี้มันรู้สึกดีจนบอกไม่ถูกเลยล่ะ

มาเยือนโกะเรียวคะคุแล้วนะ!

เพิ่งสังเกตว่าติดโคมไฟประดับประดาด้วย งี้ตอนกลางคืนก็แจ่มเลยสิ! อยากอยู่ดูจังแต่เวลาไม่อำนวย มีเวลาอยู่ที่ฮะโกะดะเตะเพียง 3 ชั่วโมงเศษๆก็กลับไปอาโอโมริแล้ว

เงยหน้ามอง Goryokaku Tower ผ่านดงซากุระ

อยากขึ้นไปชมวิวที่ข้างบนหอคอยจังแฮะ

เดินมาถึงหน้าสะพานทางเข้าสวนแล้ว ชอบแผนผังปูนอันนี้มากๆ

เดินข้ามสะพานเข้าไปเรื่อยๆ

ข้ามฝั่งมาแล้วๆ มุ่งหน้าสู่ตัวอาคารข้างใน

กำแพงของฐานทัพเก่าดูแข็งแรงดีมาก เหมือนกับปราสาทที่อื่นๆทั่วประเทศญี่ปุ่น

มาเหยียบแผ่นดินเกาะฮอกไกโดครั้งแรกทั้งที ก็ต้องมีถ่ายวีดีโอเก็บไว้กันซะหน่อย

เดินมาเรื่อยๆเกือบจะถึงใจกลางของสวนจะพบลานกว้างๆ

เบื้องหน้านี้เป็นอาคารที่ทำการของโกะเรียวคะคุ เปิดให้คนเข้าไปชมข้างในด้วยนะ

ต้นซากุระที่อยู่ข้างหน้าที่ทำการ

มีเด็กๆมาวิ่งเล่นแถวๆลานกว้างๆในโกะเรียวคะคุนี้กันเพียบเลย กลายเป็นกิจกรรมสันทนาการไปแล้ว

เด็กสองคนนี้ก็วิ่งเล่นกันสนุกสนานเลย

มีมุมสำหรับถ่ายรูปที่ระลึกกันด้วย

หลังจากนั้นก็เดินกลับออกมาจากในสวน ได้เวลาเข้ามาใน Goryokaku Tower แล้ว มาดูกันซิว่าหอคอยที่ไหนจะสูงสุดในญี่ปุ่น

ตอนที่ซื้อของฝากของที่ระลึก เจอมาสคอตของ Fort Goryokaku ชื่อว่า "โกะเรียวคุง"

หลังซื้อเสบียงจากคมบินิใกล้ๆแล้ว ก็รีบกลับมาขึ้นรถรางเพื่อไปลงที่หน้าสถานีรถไฟ Hakodate เตรียมตัวกลับอาโอโมริแล้ว ขณะนั้นเวลา 13.20 น. น่าจะกลับไปทันรอบรถไฟสบายๆ

ตั๋วรถรางขากลับไปหน้าสถานี

ขออธิบายวิธีการจ่ายเงินบนรถรางนิดนึง รวมถึงรถบัสด้วยเพราะเป็นเครื่องแบบเดียวกัน คือถ้าขึ้นแบบรอบต่อรอบ เวลาจ่ายเงินเราจะเอาตั๋วและเงินหยอดลงไปตรงช่องที่อยู่ด้านบนสุดของรูปนะ หรือถ้ามีธนบัตรก็เสียบในช่องที่เป็นรูปธนบัตรด้านขวา มันจะมีระบบนับเงินอยู่แล้ว ถ้าต้องทอนมันจะทอนออกมาตรงช่องสีดำที่อยู่ด้านล่างของรูปนี้ ส่วนถ้ามีการ์ดก็เสียบที่ช่องสีเขียวได้เลย รับคืนทางช่องสีแดงในรูป

กลับมาถึงสถานี Hakodate แล้ว รีบเดินเข้าสถานีกันดีกว่า

ถ่ายรูปศิลปะฝาผนังที่สถานีซะหน่อย มาให้รู้ว่ามา

หน้าตาของเจ้า Super Hakucho 34 เราจองตั๋วที่นั่งรถไฟ Limited Express ขากลับจากฮะโกะดะเตะไปที่อาโอโมริไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว(พร้อมขามา) แต่ตอนขึ้นนี่ปรากฏว่าดราม่าเกิดขึ้นอีกครั้ง.. คือเราดันเอาตั๋วที่ใช้แล้วเมื่อวานนี้ไปแจกให้แม่กับน้องน่ะสิ! แน่นอนว่ามันอยู่คนละขบวนเลย ไอ้เราก็หาโบกี้ของตัวเองไม่เจอ เพราะรถไฟนี้มี 8 โบกี้ แต่ตั๋วเก่ามันระบุว่าโบกี้ที่ 10 เลยอึ้งแดก.. เอาไงดีวะ รถก็ใกล้จะออกแล้ว เลยวิ่งออกไปถามนายสถานี เค้าบอกว่าตั๋วมันไม่ใช่ เราเลยรู้ตัว ชิบหายและ! แม่กับน้องอยู่ไหนวะเนี่ย?? ทันใดนั้นแม่ก็วิ่งตะโกนเสียงดังมาเลยว่าตั๋วผิด แต่รถจะออกแล้ว เรากะแม่เลยรีบวิ่งขึ้นรถ แล้วประตูก็ปิด.. เอาล่ะสิ น้องอยู่ไหน?? เรากะแม่เลยรีบวิ่งไปที่โบกี้ที่บอกให้น้องไปนั่ง ปรากฏว่า.. เดชะบุญที่มันเป็นโบกี้ Non-Reserve Seat ใครมานั่งก็ได้ และน้องมันก็นั่งอยู่ตามนั้นเพราะว่างพอดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น.. เราเลยบอกแม่ว่า "เอาเถอะ ไหนๆก็ว่างเยอะอยู่ นั่งมันโบกี้นี้ละกัน เหนื่อย" สุดท้ายก็เลยได้นั่ง Non-Reserved Seat ล่ะ

รถไฟ Limited Express Super-Hakucho 34 ออกจากสถานี Hakodate เวลา 13.56 น. ไปถึงสถานี Shin-Aomori เวลา 15.59 น.

ระหว่างอยู่บนรถไฟ ก็ได้เวลากินมื้อเที่ยงของวันนี้ มันคือ "มาโบด้ง" ที่ซื้อมาจากเซเว่นระหว่างทางเดิน

แผนที่อันนี้แสดงอุโมงค์ว่าอยู่ใต้ก้นช่องแคบสึกะรุลงไปถึง 100 เมตร ซึ่งมีแค่ Limited Express สาย Hakucho และ Super Hakucho เท่านั้นที่มีสิทธิ์วิ่งผ่าน

กลับมาถึงสถานี Aomori เวลา 4 โมงเย็นพอดีเลย

แผนที่เมืองอาโอโมริ เดี่ยวเราจะไปตามจุดต่างๆในแผนที่นี้

เลี้ยวซ้ายออกจากสถานีอาโอโมรินิดเดียว ก็เจอ Nebuta House เลย ที่นี่เป็นโรงละครยักษ์ซึ่งโด่งดังมากเวลามีเทศกาลของเมืองนี้

คุณยักษ์หน้าตาราวๆเนี้ย

เดินตรงเลย Nebuta House ไปเรื่อยๆ ก็เจอสะพานพระรามเก้า.. ไม่ใช่แล้ว!

สะพานสูงดีจัง ขึ้นไปเดินเล่นได้ด้วยนะ แต่ขี้เกียจง่ะ

เดินตรงไปอีกนิด เกือบจะถึงจุดหมายต่อไปแล้วๆ

มาถึงแล้วจ้า เรือ Hakkoda-maru เรือที่เคยเป็นเรือขนส่งรถไฟจากอาโอโมริไปยังฮาโกดาเตะ ปัจจุบันแก่แล้วเลยผันตัวมาเป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำแทน

เรือ Hakkoda-maru ถือเป็นเรือที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่เมืองอาโอโมริมากนานมาก

ด้านข้างของเรือลำนี้ สัญลักษณ์มันคือสีเหลืองใช่มั้ย?

ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปด้วย

ท้องทะเลกว้างใหญ่ที่อาโอโมริ

เดินเลาะริมอ่าวมาหน่อยก็เจอกับ ASPAM ที่เป็นศูนย์ท่องเที่ยวของอาโอโมริ ข้างในมีของฝากและของที่ระลึกขายเพียบเลย

ภูมิภาคโทโฮคุนี้ ช่วงเดือน 5 สิ่งที่โด่งดังก็คือ "แอปเปิ้ล" นั่นเอง เพราะงั้นช่วงนี้ product จากแอปเปิ้ลจะขายดีเป็นพิเศษ เราก็ซื้อมาเหมือนกัน เอาไปฝากคุณพ่อ

เดินออกจาก ASPAM ก็ข้ามถนนตรงมาตามทาง

ข้างหน้าเป็นย่านการค้าของอาโอโมริ แต่วันนี้มันเงียบมากๆจนผิดปกติอ่ะ ฮ่าๆ

ใจจริงอยากจะเดินไปศาลเจ้า Utou แต่ว่าหาไม่เจอ เจอแต่วัดเล็กๆวัดเนี้ย แถมปิดอีกต่างหาก

ไปมากี่วัดกี่วัดก็เจอรูปปั้นจิโชใส่แอพพร่อน+หมวกอนามัยหมดเลย

เดินมาเรื่อยๆก็เจอแนวต้นไม้ ต้นอะไรหนอ ดอกสวยจัง

ทิวลิปตัวเป็นๆ เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะ!

สถานีที่สุดท้ายที่มาเดินเล่นในเมืองอาโอโมริก็คือที่นี่

เดินมาจนถึงสวนสาธารณะ Aoimori Park

ขนาดสวนสาธารณะเล็กๆมันยังมี guide map ให้ดู

แต่อย่างที่บอกไปว่าวันนี้ร้างมาก อาจจะร้างทุกวันรึเปล่า? ทั้งสวนมีตาแก่สองคนนั่งคุยกันอยู่ด้านใน

สนามเด็กเล่นอันสุดแสนจะว่าง

ไม่อายมั่งหรอมาเล่นของเล่นเด็ก อ๋อ..ไม่อายเพราะไม่มีคน ฮ่าๆ

ดอกซากุระที่ยังหาชมได้ที่อาโอโมริ

เดินเล่นรอบเมืองกันหอมปากหอมคอก็กลับไปที่โรงแรมที่พัก ชาร์จแบตมือถือกันเสียหน่อยก่อนจะเดินท่องเที่ยวยามค่ำคืนต่อในเมือง หาข้าวเย็นกินด้วย

ถึงหน้าสถานีอาโอโมริยามค่ำคืน ตอนแรกว่าจะชวนแม่กับน้องนั่งรถไฟไปเดินเล่นที่ชินอาโอโมริ แต่ก็เปลี่ยนใจหาอะไรกินที่อาโอโมรินี่ล่ะ

ก่อนอื่นขอเดินผ่านห้าง AUGA หน่อย เนื่องจากว่าห้างที่อาโอโมรินี่แค่ 2 ทุ่มก็ปิดกันเกลี้ยงละ

สะดุดกึกที่หน้าร้านอาหารบ้านๆของลุงกับป้า ดูน่ากินมาก ก็เลยเข้าไปกินซะหน่อย เห็นเมนูเซ็ตหอยโฮตาเตะแล้วอยาก.. เพราะที่อาโอโมรินั้นดังเรื่อง "หอย" อยู่แล้ว จัดไปครับ! เซ็ตหอยๆนี้ สนนราคา 2,200 เยน

ซาซิมิหอยโฮตาเตะ

หอยโฮตาเตะย่างร้อนๆ

กินอิ่มกันเรียบร้อยทั้งแม่ทั้งลูกแล้วก็เดินกลับโรงแรมพร้อมกัน แต่ก่อนจะเข้าโรงแรม ขอตุนเสบียงรอบดึกหน่อย

วันนี้ได้ชมความงามของซากุระที่เพิ่งจะบานสมใจคุณแม่ แล้วก็เดินเล่นในเมืองจนทั่ว มื้อเย็นก็จัดโฮตะเตะมากินให้หายอยาก มันคือความสุขของชีวิตจริงๆ

ก่อนนอนคืนนี้.. "นมกาแฟกล่อง" นี้ปิดท้ายค่ำคืนที่วิเศษที่อาโอโมริได้เป็นอย่างดี พรุ่งนี้จะไปฮิโรซะกิ ก่อนจะนั่งรถไฟกันยาวๆเพื่อไปทะคะยะมะล่ะนะ!

พบกันใหม่พรุ่งนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ!

 
About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!

ชีวิตการท่องเที่ยวญี่ปุ่นและการเป็นติ่งรถไฟญี่ปุ่นของ Puttiano Rossi

  • Grey Facebook Icon
  • Grey Instagram Icon
  • Grey Twitter Icon

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

© 2023 by Extreme Blog. Proudly created with Wix.com

bottom of page