top of page
  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon

2013.05.13 Japan Trip #3 Day3 - Hirosaki,Takayama


วันสุดท้ายที่อาโอโมริและภูมิภาคโทโฮคุ สำหรับแพลนในวันนี้เราจะพาคุณแม่และน้องสาวไปปราสาทฮิโรซะกิเพื่อเดินชมซากุระในสวนฮิโรซะกิ ก่อนที่จะนั่งรถไฟ 3 ต่อกันยาวๆกว่า 8 ชั่วโมงจากอาโอโมริไปยังทะคะยะมะ ซึ่งคุณแฟนของเราจะมาร่วมทริปที่ทะคะยะมะด้วยกันหลังจากที่ไปหาเพื่อนที่โอซาก้ามาก่อนในช่วงที่เราพาที่บ้านมาเที่ยวญี่ปุ่นพอดี

สำหรับการเดินทางวันนี้ ไกลแค่ไหนคิดดู นี่คือการเดินทางจากเหนือสุดของเกาะฮอนชูลงมาตรงกลางของเกาะ ระยะทางหลายร้อยไมล์ก็ถือว่าโหดเอาการ

อรุณสวัสดิ์วันที่ 3 จากอาโอโมริอีกวัน.. วันนี้จะไปฮิโรซากิก่อนในช่วงเช้า แล้วหลังจากนั้นจะเป็นการนั่งรถไฟทรหดตั้งแต่เที่ยงยันค่ำ เพื่อเดินทางจากอาโอโมริไปทะคะยะมะ ง่ายๆคือเดินทางจากเหนือสุดของเกาะฮอนชูลงไปที่ตรงกลางของเกาะ โหดอยู่นะ..

นัดเวลากับคุณแม่และน้องตอน 7 โมงเช้าเช่นเดิม ให้เวลากับมื้อเช้าที่โรงแรม ก่อนจะ check out ออกจากโรงแรม พร้อมลากกระเป๋าสัมภาระไปฝากไว้ที่ตู้ Coin Locker ที่สถานี Aomori แทนที่จะฝากไว้กับโรงแรมเพราะว่าเราไม่มีเวลาเดินกลับมาเอาสัมภาระที่โรงแรม ไม่งั้นจะไม่ทันรถไฟชินคังเซ็นที่แพลนไว้น่ะ

ฝากกระเป๋าไว้ที่ Coin Locker ซึ่งก็ถือว่าสะดวกมากสำหรับนักเดินทาง ตู้ล๊อคเกอร์ตามสถานีรถไฟนอกเมืองท่องเที่ยวหลักส่วนใหญ่จะว่างตลอด นอกเสียจากเป็นช่วงเทศกาลที่อาจจะเต็มได้ ราคาแต่ละที่จะไม่เท่ากัน ที่อาโอโมรินี้ราคา 500 เยน วิธีการใช้คือ เอาของใส่ตู้แล้วปิดประตู จากนั้นก็หยอดเหรียญ 100 เยนให้ครบจำนวนราคา เสร็จแล้วบิดกุญแจล๊อค เท่านี้ก็เรียบร้อย แต่ว่าอย่าลืมของที่ต้องการติดตัวไปนะ เพราะไม่งั้นต้องไขออกมาแล้วเสียเงินใหม่สถานเดียว แล้วก็..อย่าทำกุญแจหายด้วยล่ะ!

เดินเข้ามาในสถานี Aomori (ใช้ JR Pass เดินฉลุยเช่นเคย) การเดินทางไปฮิโรซะกินั้น จะต้องนั่งรถไฟ JR สาย Ou Line ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาทีจากสถานี Aomori อย่างที่เราเดินทางนี่รถออกเวลา 7.37 น. ไปถึงสถานี Hirosaki เวลา 8.18 น.

มาถึงสถานี Hirosaki แล้ว มีป้ายบอกทางไปปราสาทฮิโรซะกิอยู่ ป้ายบอกว่าระยะทาง 2 กม. ซึ่งเราจะต้องเดินหรือนั่งแท็กซี่ไปเนื่องจากว่ารถบัสของที่เมืองนี้เริ่มดันเปิดบริการซะ 10 โมงโน่น ก็แปลกดี ไม่อยากรอก็ต้องเดินละแบบนี้ ขากลับค่อยนั่งแท็กซี่เอา

ก่อนจะออกเดินทางไปปราสาทฮิโรซะกิ เราแวะจองที่นั่งรถไฟสำหรับเดินทางไปทะคะยะมะซะก่อน จองทีรวดเดียว 3 ขบวนตลอดเส้นทางไปถึงทะคะยะมะเลย สะดวกสบายดีมาก

จากนั้นก็เดินออกมาข้างหน้าสถานี Hirosaki

หน้าสถานีก็ทำไว้สวยงามดีนะ มีรูปปั้นมีอะไรดูใหม่ดูเจริญตาดี

เปิดแผนที่ดูเส้นทางเดินไปด้วย จากสถานีเดินไปตามทางถนนหลักด้านขวา แล้วตรงไปเรื่อยๆชิวๆ เริ่มออกเดินตั้งแต่เวลา 8.30 น. เวลาปราสาทเปิดคือ 9.00 น. ก็คงเดินไปถึงราวๆเวลานั้น

บรรยากาศตามเส้นทางที่เราเดินผ่าน เดินๆไปนานๆจะมีรถแล่นผ่านมาซักคัน ที่ญี่ปุ่นตามเมืองเล็กๆนี่ยังกะเมืองร้างจริงๆ

เดินตรงมาเรื่อยๆจนสุดถนน ก็ถึงขอบรั้วของสวนฮิโรซะกิ เลี้ยวซ้ายแล้วเดินเลาะไปเรื่อยๆก็จะถึงทางเข้าปราสาท

เพิ่งผ่านหน้าซากุระไปราวๆสัปดาห์นึงได้ ช่วงนี้ซากุระก็เริ่มจะร่วงโรยกันไปพอสมควรและ ดูที่ผืนน้ำน่ะสิ! กลีบซากุระบนผืนน้ำในคูรอบสวนปราสาทฮิโรซะกินี้ถือเป็นอีกหนึ่งภาพไฮไลท์ของปราสาทแห่งนี้เลยล่ะ ถือว่าคุณแม่โชคดีมากที่ยังมาทันได้ดูซากุระที่ได้ชื่อว่ามีผู้คนมาเที่ยวมากที่สุดติด Top 3 ของประเทศญี่ปุ่นนี้

เดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าไปยังปราสาทฮิโรซะกิแล้ว

ซุ้มประตูซังโนะมะรุโอเตะมง ทางเข้าสวนปราสาทฮิโรซะกิ

พอเดินเข้ามาด้านในสวนปราสาทแล้ว ถ้าไม่มีแผนที่นี่จะหลงทางเอาง่ายๆเลยนะ เพราะสวนปราสาทนั้นกว้างใหญ่พอควรเลย ดีนะที่เราส่อง google map มาแล้ว ฮ่าๆ

เดินไปตามทางเรื่อยๆ วันธรรมดาแบบนี้ยิ่งมาเช้าแบบนี้ยิ่งโล่ง ราวกับเป็นปราสาทของเรา

เดินมาจนถึงสะพานสุงิโนะโอฮะชิ สะพานข้ามคูน้ำภายในสวนปราสาทฮิโรซะกิ ภายในมีคูน้ำโดยรอบอีกชั้นนึงล่ะ

ภายในสวนปราสาทมีซากุระพันธุ์ชิดะเระซากุระเยอะมากเลย

หลังจากข้ามสะพานมาแล้ว ก็จะต้องเดินต่อไปอีกหน่อย เส้นทางจะวนไปมาจนน่าเวียนหัว

มีคูน้ำล้อมรอบบริเวณที่ตั้งปราสาทอีกชั้นนึงด้วย

และเราก็เดินมาจนถึงสะพานเคะโจบะชิ ซึ่งเป็นสะพานที่ถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของที่นี่ เพราะ..

มีวิวข้างหลังเป็นปราสาทฮิโรซะกิยังไงล่ะ! สวยมากกกก

และแล้วก็ได้มาเยือนปราสาทฮิโรซะกิจนได้ ดีใจ

ซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทราคา 300 เยน

บริเวณลานหน้าปราสาทฮิโรซะกิ

ปราสาทหลังเล็กมากๆ แต่เดิมทีปราสาทมี 5 ชั้น แต่พอถูกทำลายโดยฟ้าผ่าแล้วไฟไหม้ ตอนสร้างขึ้นมาใหม่กลับเหลือแค่ 3 ชั้นเท่านั้นเอง

บริเวณลานหน้าปราสาทนั้นมีจุดชมวิวด้วยนะ

view point ตรงนี้สามารถมองเห็นไปได้ไกลทั่วเมืองเลยล่ะ

และที่เห็นไกลๆนั่นก็คือ "ภูเขาอิวะกิ" ล่ะ!

ภูเขาอิวะกินี้มีความสูง 1,625 เมตร ถือเป็นหนึ่งในภูเขาที่สูงที่สุดอันดับต้นๆในภูมิภาคโทโฮคุเลย

และก็อย่างที่บอกไปคือในสวนปราสาทแห่งนี้ ซากุระพันธุ์ชิดะเระซากุระเยอะมากๆ

ชิดะเระซากุระที่เป็นซากุระย้อยรวงนั้นสวยมากๆ เราชอบซากุระพันธุ์นี้จังแฮะ

พันธุ์ชิดะเระซากุระนี่กำลังบานพีคด้วย สวยมากๆ

เนื่องจากเวลาที่มีอยู่จำกัด เราเดินทางมาถึงปราสาทก็ 9.15 น. และก็ใช้เวลาชมความงามอยู่ที่นี่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ต้องรีบกลับแล้ว ตามกำหนดเวลาเราจะต้องกลับไปขึ้นรถไฟกลับอาโอโมริเวลา 10.21 น. กะเวลาออกจากปราสาทเอาไว้ตอนประมาณ 9.45 น. แต่เดินออกมาจริงๆก็ 10.00 น. เดินชมซากุระพร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ไปเรื่อยระหว่างเดินกลับออกไปถนนใหญ่ด้านนอก

ระหว่างทางเดินสวนกับเด็กนักเรียนม.ปลายที่มาทัศนศึกษา

ขึ้นแท็กซี่ที่จอดรอรับผู้โดยสารอยู่หน้าทางเข้าสวนฮิโรซะกิเลย บอกเค้าว่า "Hirosaki Eki Mae desu!" โชเฟอร์พร้อมออกรถทันที

แท็กซี่ขับย้อนไปตามทางที่เราเดินจากสถานีฮิโรซะกิมายังปราสาทนี่ล่ะ ใช้เวลา 5 นาทีมาถึงสถานีแล้ว แค่แท็กซี่ไม่ถึงพันเยนเลยด้วยซ้ำ

รีบเดิน

โมเดลของปราสาทฮิโรซะกิที่เราเพิ่งจะไปมาเมื่อกี้นี้

จริงๆแล้วตามทางไปยังสวนแอปเปิ้ลในฮิโรซะกิ จะเห็นวิวภูเขาอิวะกิได้สวยกว่าและใกล้กว่านะ แต่ว่าเราไม่มีเวลาแม้แต่จะไปสวนแอปเปิ้ลเลย ได้มาปราสาทฮิโรซะกิแถมดูซากุระแค่นี้ก็ปลื้มแล้วล่ะ

โมเดลรถไฟชินคังเซ็นของภูมิภาคโทโฮคุ คันสีเขียวนั่นคือ Hayabusa ที่เรานั่งจากโตเกียวมาอาโอโมริ เป็นชินคังเซ็นที่วิ่งในเส้นทางโตเกียว-ชินอาโอโมริ ส่วนคันสีแดงนั่นคือ Komachi เป็นรถไฟใหม่ที่วิ่งในเส้นทางโตเกียว-อะคิตะ เส้นทางใหม่ที่ใกล้จะเปิดให้บริการเร็วๆนี้

รถไฟจะจอดที่ชานชาลาที่1 จากในรูปนี่ ตัวหนังสือสีเขียวเขียนว่า "รถฟุทซือ(ธรรมดา) 10.21 น. ไปอาโอโมริ ชานชาลา 1" แถมตัวหนังสือสีแดงเขียนไว้ว่า "รถทกคีว(ด่วน) 10.51 น. ไปอาโอโมริ ชานชาลาที่ 1" คือ รถไฟธรรมดาที่ว่าก็คือ JR Ou Line Local ส่วนรถทกคีวก็คือ Limited Express Tsugaru

ขบวนที่เรานั่งกลับอาโอโมริเป็นรถไฟ JR สาย Ou Line ไปลงที่สถานี Aomori เพื่อเอากระเป๋าสัมภาระ ก่อนจะย้อนกลับมาขึ้นรถไฟชินคังเซ็นที่สถานี Shin-Aomori อีกที

รถไฟ JR สาย Ou Line จากสถานี Hirosaki เวลา 10.21 น. มาถึงสถานี Aomori เวลา 11.06 น.

มีเวลาในการเดินไปเอากระเป๋าที่ตู้ล๊อคเกอร์ รวมถึงไปซื้อข้าวกล่องเอาไว้ไปกินเป็นมื้อเที่ยงบนรถไฟชินคังเซ็นด้วย

จากนั้นก็เดินกลับเข้ามายังสถานีรถไฟอีกครั้ง เดินมาถึงชานชาลาก็เจอรถที่เราจะต้องนั่งจากสถานี Aomori นี้ไปยัง Shin-Aomori จอดรออยู่แล้ว ซึ่งก็คือรถไฟ Limited Express Tsugaru ที่เป็นรถด่วนวิ่งจากอาโอโมริไปยังอะคิตะ

ขึ้นรถไฟ Tsugaru มาแล้ว รถออกจากสถานี Aomori เวลา 11.26 น. ไปถึงสถานี Shin-Aomori เวลา 11.32 น.

ได้มีเวลาอยู่บนรถไฟขบวนนี้แค่ 6 นาทีเท่านั้นเอง..

มาถึงสถานี Shin-Aomori ก็รีบลากกระเป๋าอย่างสุดว่อง เพื่อที่จะไปต่อรถไฟชินคังเซ็นเพื่อเดินทางจากอาโอโมริไปโตเกียวก่อนต่อแรก

ขึ้นรถมาแล้วจ้า! รถไฟ Shinkansen Hayate 32 วิ่งจากสถานี ฆ้รืขฤนทนพร เวลา 11.43 น. จะไปถึงสถานี Tokyo เวลา 15.08 น.

ตั๋วที่นั่งรถไฟที่จองจากในสถานี Hirosaki รวดเดียว 3 ขบวนเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางคือเมืองทะคะยะมะ

ข้าวกล่องที่ซื้อจากห้างข้างๆสถานี Aomori เป็นข้าวเป็นข้าวหุงคลุกวะสะบิ มีไก่ย่างกับสึคุเนะ ข้าววะสะบินี่มีแค่รสของวะสะบิแต่ปราศจากกลิ่นฉุนโดยสิ้นเชิง เราไม่ชอบความฉุนของวะสะบินะแต่กินแบบนี้แล้วรู้สึกว่ามีรสมีชาติดีอ่ะ อร่อยดี

กินอิ่มแล้วก็นั่งๆนอนๆบนชินคังเซ็นไปตลอด 3 ชั่วโมงกว่าๆบนเส้นทาง Tohoku Shinkansen

และแล้วเราก็กลับมาถึงสถานี Tokyo กันอีกครั้ง ต่อไปก็ต้องไปขึ้นรถไฟชินคังเซ็น Tokaido Shinkansen เพื่อเดินทางจากโตเกียวไปยังนาโกย่าต่อ

นี่คือรถไฟ Shinkansen Hikari 519 ขบวนนี้จะพาเราออกเดินทางจากสถานี Tokyo เวลา 15.33 น. ไปถึงสถานี Nagoya เวลา 17.19 น.

ขึ้นรถไฟมาแล้วจ้า จากนี้ก็จะใช้เวลาเดินทางอีกเกือบๆ 2 ชั่วโมงนะ

มาถึงสถานี Nagoya แล้ว ยังไม่จบนะ! เดี๋ยวต้องต่อรถไฟขบวนสุดท้ายของวันนี้เพื่อเดินทางไปยังทะคะยะมะอีก

รถไฟที่จะพาเราจากสถานี Nagoya ไปยังสถานี Takayama ก็คือรถไฟ Limited Express Hida

เจ้ารถไฟ Limited Express Hida นี่เป็นรถไฟที่มีความพิเศษคือกระจกมองรอบข้างนั้นจะเป็นแบบพาโนราม่า เพื่อให้เราได้มองวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำฮิดะซึ่งทอดยาวไปตามเส้นทางซอกแซกผ่านภูเขาน้อยใหญ่มุ่งสู่ทะคะยะมะ ซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางที่มีทิวทัศน์สวยเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่นเลยนะ

นี้คือกระจกแบบพาโนราม่าที่เราบอกล่ะๆ

ขึ้นรถไฟมาแล้ว ในตู้รถไฟนี้มีผู้โดยสารอยู่ไม่ถึง 10 คนเลยอ่ะ โล่งมากๆ แอบสงสาร ฮ่าๆ

ตอนแรกรถไฟจะวิ่งเหมือนวิ่งถอยหลังไปจนถึงสถานี Gifu จากนั้นก็จะวิ่งออกไปในทิศทางปกติอีกครั้ง

รถไฟ Limited Express Hida 17 ออกจากสถานี Nagoya เวลา 17.43 น. เลาะไปตามแม่น้ำฮิดะและภูเขาน้อยใหญ่ จนไปถึงสถานี Takayama เวลา 20.18 น. เสียดายที่มืดเร็วมากจนไม่ทันได้เห็นวิวของแม่น้ำฮิดะ เอาไว้ขากลับค่อยดูค่อยถ่ายรูปละกัน

เดินออกมาข้างนอก ประทับใจทางออกที่สถานี Takayama มากๆ โบราณดีจัง เป็นไม้ทั้งดุ้นเลย

เดินออกมาถึงหน้าสถานี Takayama ที่แสนจะโบราณ เมืองเก่าก็งี้ล่ะนะ

จากนั้นก็เปิดแผนที่ขึ้นมาดู แล้วก็เดินไปยังที่พักกันเลยๆ

เราพักที่ J-Hoppers Takayama (ซึ่งมีหลายสาขาทั่วประเทศเลย ทั้งนาโกย่า,โอซาก้า,ฮิโรชิม่า เป็นต้น) ห้องที่พักก็มีทั้งสไตล์ตะวันตกและสไตล์เรียงคัง ค่าพักก็ตกคนละ 3,000 เยนต่อคืน ห้องคู่ราคาก็ห้องละ 6,000 เยน เราจองไว้ 2 ห้องสำหรับ 4 คนคือ คุณแม่,น้องสาว,เรา,คุณแฟน

ภายในห้องพักสไตล์เรียงคัง ห้องอาบน้ำจะแยกไปอยู่ชั้นล่าง

ฟูกนอนสำหรับสองที่ ปูนอนกันเอาเอง

หลังจาก check in เข้าที่พักตอน 3 ทุ่มนิดๆ ก็ได้เวลาออกไปหาข้าวเย็นกินกันและ ก็ถามกับสตาฟฟ์ที่โรงแรมว่ามีร้านอาหารอยู่ตรงไหนบ้างที่ยังเปิดอยู่ในตอนนี้ เค้าก็บอกให้เดินไปทางวัดโคคุบุนจิ ใกล้ๆกับสถานีทะคะยะมะนั่นล่ะ มีร้านพวกอุด้งและราเม็งอยู่หลายร้านเลย

เดินพาคุณแม่และน้องสาวออกไปหาข้าวเย็นกินกัน ระหว่างทางนี่เงียบมากๆราวกับเมืองร้างเลย

ดินมาถึงก็เลือกร้านราเม็งคุณป้าแบบบ้านๆชื่อร้านว่า "Omori Ramen" ประทับใจตรงที่ป้าแกเปิดร้านถึงตี 2 นี่ล่ะ

มีราเม็งหน้าตาน่ากินหลายเมนูเลย เราสั่ง "ทงโคทสึเนงิราเม็ง" มากิน อร่อยดี ซบหมดชามเลย

และที่ขาดไม่ได้ก็คือต้องสั่งเกี๊ยวซ่ามากินด้วย

หลังจากอิ่มแล้วก็เดินไปส่งแม่กับน้องที่ที่พัก ก่อนจะออกมาเดินเล่นเตรียมรอรับคุณแฟนที่จะนั่งรถบัสจากโอซาก้ามา ก็ถือโอกาสมาสำรวจสถานีรถบัส Nouhi Bus ไปในตัว

เวลาเปิดทำการก็ตามนี้เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เราต้องรีบตื่นแต่เช้ามาซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไปชิระคะวะโกะล่ะ

Nouhi Bus ที่เริ่มต้นสายจากทะคะยะมะมีไปได้ทั่วทุกทิศเลย มีรถบัสไปโตเกียวด้วยนะเออ

เดินเล่นรออยู่พักใหญ่ รถบัสก็มาส่งคุณแฟนที่หน้าสถานี จากนั้นก็เดินไปซื้อเสบียงด้วยกัน ก่อนจะกลับโรงแรมในสภาพพร้อมนอนเต็มที่ ฮ่าๆ

พรุ่งนี้เราจะพาไปเที่ยวหมู่บ้านชิระคะวะโกะ หมู่บ้านที่เป็นหนึ่งในมรดกโลกของญี่ปุ่นกันนะ!

ขากลับที่พัก แวะร้าน Family Mart ที่หน้าสถานีรถไฟ หยิบกาแฟคุณหนวดกลับมานั่งดื่มชิวๆที่ที่พัก หอมๆกลมกล่อมดีนะยี่ห้อนี้ แนะนำเลย

 
About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!

ชีวิตการท่องเที่ยวญี่ปุ่นและการเป็นติ่งรถไฟญี่ปุ่นของ Puttiano Rossi

  • Grey Facebook Icon
  • Grey Instagram Icon
  • Grey Twitter Icon

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

© 2023 by Extreme Blog. Proudly created with Wix.com

bottom of page