2013.05.14 Japan Trip #3 Day4 - Shirakawago,Takayama
วันที่ 4 ของทริป หลังจากที่นั่งรถไฟกันยาวๆจนก้นด้านจากอะโอโมริสู่ทะคะยะมะ เมืองเก่าแก่ที่อยู่ท่ามกลางภูเขาและป่าไม้ วันนี้เรามีแพลนที่จะไปเที่ยวทั้งที่เมืองทะคะยะมะเองแล้วก็ที่หมู่บ้านชิระคะวะโกะด้วย

วันนี้ตื่นแต่เช้าเพราะต้องเดินจากที่พักที่ J-Hoppers ไปซื้อตั๋วรถบัสไปชิระคะวะโกะแต่เช้าตรู่ ไม่ใช่อะไร..กลัวรถเต็ม

เดินออกจากที่พักตั้งแต่ 7 โมงเช้า เราทำหน้าที่ม้าเร็วไปคนเดียวเพื่อซื้อตั๋วรถบัสเอาไว้ก่อน จากที่พักเดินมาประมาณ 10 นาทีก็มาถึงหน้าสถานีรถไฟแล้ว

เดินผ่านเลยสถานีรถไฟมุ่งหน้าไปยัง Takayama Nohi Bus Center

ที่ Takayama Nohi Bus Center มีตั๋วรถบัสเดินทางไปหลายๆที่ เราซื้อตั๋วรถบัสไปกลับหมู่บ้านชิระคะวะโกะราคา 4,300 เยน แล้วก็ซื้อตั๋วรถบัสไปโตเกียวให้กับคุณแฟนด้วยในคราวเดียว

หลังจากซื้อตั๋วรถบัสเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับไปที่ที่พักเพื่อเตรียมสัมภาระในการออกเที่ยว นัดหมายทุกคนพร้อมกันตอน 8 โมงเช้า แล้วเดินออกมาซื้อเสบียงก่อนจะไปนั่งรอรอบรถบัสเพื่อไปหมู่บ้านชิระคะวะโกะกัน

จองรถบัสรอบเวลา 8.50 น. เอาไว้ จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาทีก็ถึงชิระคะวะโกะ

ระหว่างนี้ก็นั่งกินมื้อเช้า ขนมปังไส้คร๊อกเกะและไข่ที่ซื้อมาจากคมบินิหน้าสถานีรถไฟ

เวลา 9.40 น. รถบัสก็มาส่งถึงชิระคะวะโกะแล้วจ้า

รถบัสมาจอดตรงหน้า Tourists Information Center เลย

บริเวณ Tourists Information Center นั้นก็มีบ้านสไตล์กัชโชที่ทำเป็นร้านค้าและที่พักอยู่หลายหลังเลย

เริ่มต้นการเดินเที่ยวที่หมู่บ้านชิระคะวะโกะกันได้! ก่อนอื่นก็จะต้องเดินข้ามสะพานเดะอะอิจากฝั่ง Tourists Information Center ไปยังฝั่งของหมู่บ้านซะก่อน

แค่จะเริ่มข้ามสะพานก็ตื่นเต้นแล้วนะ ฮ่าๆ

ช่วงซีซั่นนี้แม่น้ำจะมีน้ำไม่เยอะเท่าไหร่ สามารถลงไปเดินเล่นได้เลยด้วยซ้ำ

ข้ามสะพานมายังฝั่งหมู่บ้านแล้ว

ภายในหมู่บ้านจะมีทางระบายน้ำมาจากน้ำตกบนภูเขา สร้างความชุ่มชื้นให้กับหมู่บ้านอยู่ตลอดเวลา

บ้านนี้ตกแต่งหน้าบ้านเป็นสระน้ำสวยๆเก๋ๆ

บ้านโบราณสไตล์กัชโชที่เป็นเอกลักษณ์จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหมู่บ้านมรดกโลก

ในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว

บ้างก็เป็นร้านขายของฝากและของที่ระลึก รวมถึงร้านอาหารก็มีอยู่พอสมควร

เดินผ่านมายังถนนเส้นหลักของหมู่บ้านชิระคะวะโกะ เพื่อที่จะไปชมวิวของหมู่บ้านจากบนเขา ซึ่งต้องเดินตรงออกไปทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน

พอเดินออกมารอบนอกหน่อยก็เริ่มมองเห็นภูเขารอบข้างชัดเจนขึ้น

ในหมู่บ้านชิระคะวะโกะนี้มีบ้านสไตล์กัชโชอยู่ร่วมๆ 70-80 หลังเลยนะ!

บ้านสไตล์กัชโชหรือสไตล์หลังคาแปะเข้าหากัน หาดูชมได้ไม่ง่ายนะทุกคน

ถ่ายรูปคู่กับบ้านสไตล์กัชโชใกล้ๆซะหน่อยซิ

ขนาดฝาท่อในหมู่บ้านชิระคะวะโกะยังเป็นรูปบ้านสไตล์กัชโชเลย

เดินตรงไปตามที่ป้ายบอกทางเขียนว่า Shiroyama Viewpoint นั่นคือจุดขึ้นไปชมวิวบนเขา

ทางขึ้นเขานั้นมีคนเดินสัญจรไปมาอยู่ตลอด ไม่ต้องกลัวเหงาหรือวังเวงเลย

จากข้างล่างใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ขึ้นมาถึงจุดชมวิวหมู่บ้านชิระคะวะโกะจากบนเขากันแล้ว และก็แน่นอนว่ามีนักท่องเที่ยวมากมาย

วิวหมู่บ้านชิระคะวะโกะที่แสนคลาสสิกที่เห็นตามหนังสือและในเน็ต ในที่สุดเราก็ได้มาถ่ายรูปนี้ถึงที่ด้วยตัวเองแล้ว

วิวสวยมาก! ประทับใจสุดๆ นี่ถ้าเป็นช่วงที่มีหิมะขาวโพลนคงจะสวยกว่านี้เป็นสิบเท่าแน่ๆ

ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเก็บไว้ "ผู้พิชิตหมู่บ้านชิระคะวะโกะ"

หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศของหมู่บ้านเต็มสองตาอยู่นาน ก็ได้เวลาเดินฝ่าแสงแดดกลับลงมาข้างล่าง

พอจะมีเวลาเหลือให้แวะดูร้านค้าในหมู่บ้านก่อนจะไปขึ้นรถบัสกลับอยู่หน่อย

เห็นมีร้านไอศกรีมน่ากินอยู่ งั้นก็ขอแวะไปซื้อกินซะหน่อยละกัน

อันนี้ที่เรากินคือรสซากุระ+ฟุรุซะโตะมิลค์ อร่อยมากๆ

จากนั้นเราก็เดินจากหมู่บ้านข้ามสะพานกลับไปยังจุดขึ้นรถบัสตรง Tourists Information Center

รถบัสสำหรับนั่งกลับเมืองทะคะยะมะจอดรอพร้อมอยู่แล้ว

เวลา 12.00 น. รถบัสก็ออกจากชิระคะวะโกะ

กลับมาถึงทะคะยะมะเวลา 12.50 น. ซึ่งก็ได้เวลากินข้าวเที่ยงพอดี

ต่อไปจะเป็นการเดินท่องเที่ยวภายในเมืองทะคะยะมะ เราวางแผนการเดินเล่นในเมืองเอาไว้แล้ว ว่าจะเดินจากด้านบนของแผนที่นี้ลงมาด้านล่าง

แต่ก่อนอื่น ขอแวะกินข้าวเที่ยงก่อนนะ เดินผ่านร้านนี้แล้วสนใจกันทั้งบ้าน

ร้านนี้ชื่อร้าน "Tenaga Ashinaga" อยู่ใกล้ๆกับสะพานคะจิบะชิ เลยมีรูปตัวประหลาดๆ Tenaga และ Ashinaga ที่อยู่ตรงสะพานนี้อยู่ในร้าน

เราสั่งข้าวหน้าหมูย่างคะรุบี้มากิน ราคา 980 เยน อร่อยมาก!

หลังจากอิ่มกันถ้วนหน้าแล้ว ก็ได้เวลาเดินเล่นรอบเมืองทะคะยะมะกันต่อ

บนพื้นยังมีป้ายบอกทางด้วย เป็นอะไรที่เจ๋งดี

เดินมาจนถึงสะพานคะจิบะชิ สะพานปูนสีเทาข้ามแม่น้ำมิยะกะวะ ข้ามสะพานนี้ไปจะเป็นการเดินมุ่งสู่ย่านเมืองเก่า

ตรงกลางสะพานแต่ละฝั่งจะมีรูปปั้นประหลาดๆ ฝั่งนี้เป็น Tenaga หรือยักษ์แขนยาว

อีกฝั่งหนึ่งจะเป็น Ashinaga หรือยักษ์ขายาว

เราพาเดินวกไปทางพิพิธภัณฑ์ต่างๆก่อนที่จะไปย่านถนนชอปปิ้งเก่าแก่ แวะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ Hida Takayama Town Museum

พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้เข้าชมฟรี ซึ่งจะมีโซนให้ดูตามลำดับห้อง เล่าที่มาและประวัติของเมืองนี้รวมถึงระแวกใกล้เคียง,วิถีชีวิต,พัฒนาการของเมืองตลอดจนประเพณีและข้าวของเครื่องใช้โบราณก็มีจัดแสดงให้ชม

อันนี้เป็นเกี้ยวที่จะแห่กันในช่วงวันประเพณี ซึ่งปกติจะมีประมาณต้นเดือนพ.ค.ของทุกปี

ร้านอาหารหลายๆร้านในระแวกนี้เป็นบ้านไม้เก่าแก่ซึ่งก็คงรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี

มาหยุดอยู่หน้า Hirata Museum แต่ไม่ได้เข้าไปดู เพราะมันเสียค่าเข้าชม 300 เยน แค่ยืนชมข้างนอกก็พอ เพราะข้างในเป็นข้าวของเครื่องใช้โบราณสมัยเอโดะจัดแสดงให้ชม

ชุดเกราะนักรบโบราณ.. ตอนกลางคืนมันจะออกมาเดินตรวจตราเมือง (ล้อเล่นนะ..)

บ้านไม้เก่าแก่ยาวเรียงรายไปตลอดสองฝั่งข้างทาง เป็นอะไรที่มีมนตร์ขลังมากๆเลย

ได้มาเที่ยวเมืองทะคะยะมะครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจในความเก่าแก่ของมันจริงๆ

และเราก็เดินมาถึงถนนซังมะจิสึจิที่เป็นย่านร้านค้าเก่าแก่ของเมืองทะคะยะมะแล้ว

ที่สองฝั่งข้างทางของถนนซังมะจิสึจินี้ มีร้านค้าทั้งอาหารและของที่ระลึกมากมาย บริเวณนี้ก็เลยมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่หนาตากว่าที่อื่นๆในเมือง

เดินมาจนสุดถนนซังมะจิสึจิแล้ว ถ้าไปทางซ้ายมือจะเป็นทางขึ้นไปบนเขาเพื่อชมวิวเมืองทะคะยะมะได้ และก็ยังมีวัดโชเร็นจิกับซากปราสาททะคะยะมะที่เหลือเพียงชั้นฐานหินให้ชมด้วย แต่เราไม่ได้เดินไป

พอเลี้ยวมาทางขวามือ ก็จะเจอสะพานนะกะฮะชิ เป็นสะพานสีแดงซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองทะคะยะมะเลย

แม่น้ำมิยะกะวะใสปิ๊งเลย มีปลาคาร์ฟแหวกว่ายไปมาอยู่ใต้สะพานด้วยล่ะ

รู้สึกเหมือนมีโชคดีเกิดขึ้นเมื่อได้เจอปลาคาร์ฟ เราอาจจะได้พบรักก็ได้นะ ฮ่าๆ

สะพานสีแดงนี้เป็นเส้นที่เห็นในรีวิวของคนอื่นๆบ่อยมาก มันเป็นทางข้ามแม่น้ำมิยะกะวะผ่านไปมาจากถนนซังมะจิสึจิกับศาลเจ้าทะคะยะมะนั่นเอง

ถ่ายรูปครอบครัวสามแม่ลูกเป็นที่ระลึกในการมาเยือนเมืองทะคะยะมะกันหน่อยๆ

เดินข้ามสะพานนะกะฮะชิมาอีกหน่อยก็จะถึงศาลเจ้าทะคะยะมะ เราเดินมาถึงตอนที่ศาลเจ้าใกล้จะปิดแล้ว ก็เลยไม่ได้เข้าไปชมด้านใน แต่อย่างน้อยก็เป็นทางผ่านกลับโรงแรมนะ ฮ่าๆ

หลังจากเข้าไปเก็บกระเป๋ากันที่โรงแรม ก็ได้เวลาออกมาเดินเล่นดูร้านของฝากและของที่ระลึกซักเล็กน้อย แล้วก็มาหาร้านข้าวกินกัน จริงๆตอนแรกกะจะไปกินอุด้ง แต่พอเดินผ่านร้านทงคัตสึร้านนึงที่คุณลุงทำคุณป้าเสิร์ฟ กลิ่นหอมลอยออกมาเตะจมูกทำเอาหิวมากๆ เลยเดินเข้าร้านกันสี่คนโดยมิได้นัดหมาย เข้าเป็นโต๊ะสุดท้ายของร้านเลยด้วยนะ

เซ็ตนี้ของเรา เป็นเซ็ตทงคัตสึไส้ชีส ราคา 1,350 เยน

ดูชีสบนคัทสึนี่สิ อร่อยมากจนจะดิ้นตายให้ได้! เปรมปรีกับมื้อเย็นมากๆ

หลังจากนั้นก็เดินเล่นตุนเสบียงสำหรับพรุ่งนี้กัน มีร้านขนมปังชื่อว่า "โคมะยะปัง" ดูน่ากินดี เลยซื้อคะเรปังมาก้อนนึง

เสร็จเรียบร้อยก็เดินกลับที่พัก เป็นอันเสร็จสิ้นการผจญภัยสำหรับวันนี้ เราจะพักที่ทะคะยะมะนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปตะลุยนาโกย่าต่อ ก่อนจะพักที่โอซาก้าอีก 2 คืน ทริปนี้ยังอีกยาวไกลซิ
เป็นวันที่สนุกกับเมืองเก่าๆสวยๆกลางภูเขามากๆ ประทับใจกับธรรมชาติมากๆ ตลอดจนบ้านเรือนเมืองเก่าๆขลังๆ มันทำให้รู้สึกว่ายังมีอะไรอีกเยอะที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์นั่งรถไฟกันยาวๆครึ่งวันจากทางเหนือเพื่อลงมาที่เมืองนี้จริงๆ ขอบคุณคุณแฟนที่แนะนำให้มาเที่ยวที่เมืองทะคะยะมะและก็มาเที่ยวด้วยกันด้วย

ก่อนจบเอนทรี่นี้ ขอแนะนำ Melon Cream Soda กระป๋องนี้กดจากตู้กดน้ำกลางเมืองทะคะยะมะ หอมๆอร่อยดี เราชอบมากๆเลย ถ้าใครเห็นหรือพบเจอตามตู้กดน้ำก็ลองกดมาดื่มดูนะ อร่อยจริง