top of page
  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon

2013.05.15 Japan Trip #3 Day5 - Nagoya


วันนี้จะเดินทางออกจากเมืองทะคะยะมะไปแวะเที่ยวเมืองนาโกย่า 1 วันเต็มๆ มีแพลนไปทั้งปราสาทนาโกย่า, Nagoya TV Tower, Oasis21, วัดโอสึคันนงและย่านการค้าโอสึ ที่สำคัญคือได้กินของขึ้นชื่อของนาโกย่าอย่างข้าวหน้าปลาไหลฮิทสึมะบุชิ,มิโสะคัทสึ,ปีกไก่เทะบะสะกิ,เอบิฟราย ให้ได้

อาจจะดูโลภไปซะหน่อยที่แพลนเยอะจนดูล้น แต่เรามั่นใจว่าเราและครอบครัวสามารถ ฮ่าๆ

อรุณสวัสดิ์วันที่ 5 ของทริปนี้.. กำหนดการของวันนี้คือออกเดินทางจากทะคะยะมะไปเที่ยวที่นาโกย่า แล้วตอนค่ำก็ไปโอซาก้าและเข้าที่พักที่ย่านนัมบะ

ตื่นแต่เช้ามาเก็บข้าวของเตรียมตัวเดินทางอีกครั้ง เก็บที่นอนให้เรียบร้อยตามระเบียบของโรงแรมที่พัก

เก็บผ้าปูที่นอนและปอกหมอนมาหย่อนไว้ที่ถังใส่ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบริเวณห้องพัก

เราออกจากที่พักก่อนที่ front desk จะเปิดทำการตอน 8 โมงเช้าเสียอีก เพราะต้องไปขึ้นรถไฟรอบ 8 โมง

เช็คเอ้าท์ก่อน front จะเปิดก็แค่เอากุญแจมาหย่อนไว้ที่ตะกร้านี้

เดินออกจากที่พักตอน 7.45 น. มาถึงหน้าสถานี Takayama ก่อนเวลารถไฟออกสบายๆ เราและครอบครัวจะนั่งรถไฟกลับไปที่นาโกย่า ส่วนคุณแฟนจะแยกไปขึ้นรถบัสเพื่อไปโตเกียวก่อน เดี๋ยวเราจะตามไปเจอกันที่โตเกียวทีหลัง ตามแพลนจะพาครอบครัวเที่ยวที่คันไซอีก 2 วัน

ยืนรอรถไฟ Limited Express Hida ขบวนที่จะมารับเราเดินทางไปนาโกย่า

ขึ้นรถไฟมาแล้ว ผู้โดยสารในตู้รถไม่เยอะเท่าไหร่นัก นั่งกันสบายๆ

รถไฟ Limited Express Hida 4 ออกจากสถานี Takayama เวลา 8.00 น. จะไปถึงสถานี Nagoya เวลา 10.33 น.

รถไฟออกตรงเวลามากๆ เคลื่อนผ่านบ้านเรือนตามชนบท

ระหว่างเดินทาง กินคะเรปังที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ไปก้อนนึง อร่อยดีแฮะ

นั่งรถมาได้สักพักก็ได้เห็นวิวของแม่น้ำฮิดะ ตอนที่นั่งรถไฟขามานั้นมาตอนกลางคืนก็เลยถ่ายรูปไม่ได้เพราะมืดมากๆ

มาตอนนี้ได้เห็นเต็มๆตาแล้ว สายน้ำเชี่ยวกรากสวยมาก!

มาเป็นคลิปวีดีโอให้ดูดีกว่า จะได้เห็นความสวยกันชัดยิ่งขึ้น

ผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงก็ใกล้จะถึงนาโกย่าแล้ว

เตรียมตัวลงรถไฟได้แล้ว สุดสายที่สถานี Nagoya

มาถึงสถานี Nagoya เป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะเริ่มเดินเที่ยวก็ควรจะต้องหาที่ฝากกระเป๋าสัมภาระเสียก่อน

ตอนแรกว่าจะไปศาลเจ้าอัทสึตะก่อน แต่พอดูเวลาแล้วไม่น่าจะทันเพราะว่าต้องไปรอต่อรถไฟ JR ด้วย ก็เลยข้ามไป แล้วไปกินข้าวกันเลยละกัน ไหนๆก็จะต้องนั่งรถไฟใต้ดินของนาโกย่าไปเที่ยวกันอยู่แล้ว ก็เลยลงมาเดินหาตู้ Coin Locker แถวๆสถานีรถไฟใต้ดินก็แล้วกันเนอะ

มาเจอตู้ Coin Locker เอาที่หน้าทางเข้ารถไฟใต้ดินสาย Sakura-dori Line ตู้นี้ 500 เยน

เก็บกระเป๋ากันเรียบร้อย ต่อไปก็ไปซื้อตั๋วรถไฟที่ตู้ขายตั๋ว

แพลนไว้แล้วว่าจะซื้อบัตรแบบ One Day Pass ซึ่งสามารถใช้นั่งรถใต้ดินได้ทุกสายเลยในนาโกย่า บัตรนี้ราคา 740 เยน ซื้อได้ที่ตู้ขายตั๋วของรถไฟ Nagoya Municipal Subway ทุกสถานีเลย

จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Sakura-dori Line ที่สถานี Nagoya เพื่อจะนั่งไปต่อรถไฟสาย Meijo Line

รถไฟมาไวมากจนตั้งกล้องถ่ายไว้แทบไม่ทัน ฮ่าๆ

นั่งผ่านไป 3 สถานีก็ถึงสถานี Hisaya-odori เราลงมาต่อรถไฟสาย Meijo Line เพื่อจะไปสถานี Yabacho ที่เป็นจุดหมายเช้าวันนี้

รถไฟสาย Meijo Line นี้ดูคนค่อนข้างแน่น น่าจะเพราะมันผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง

นั่งรถไฟต่อมาอีก 2 สถานี แล้วเราก็มาลงที่สถานี Yabacho

เราวางแพลนไว้ว่าจะพาคุณแม่และน้องสาวมากิน "ข้าวหน้าปลาไหลฮิทสึมะบุชิ" ที่ร้านชื่อดังประจำเมืองคือร้าน Atsuta Horaiken ซึ่งมีสาขานึงอยู่ที่ห้าง Matsuzakaya ตรงย่านซะคะเอะ ซึ่งห้างอยู่ใกล้กับสถานี Yabacho ทางออกที่ 5 เลย

มาถึงห้าง Matsuzakaya ตึก South ก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 10 ซึ่งเป็นชั้นรวมร้านอาหาร เห็นมีคนนั่งต่อคิวร้านอยู่ยังไม่มากเท่าไหร่

ก็เลยพาคุณแม่และน้องสาวมานั่งรอคิวซะเลยเพื่อไม่ให้เสียเวลา

รอประมาณ 20 นาทีก็ได้ที่นั่งในร้านแล้ว

แน่นอนว่าจะต้องสั่งข้าวหน้าปลาไหลฮิทสึมะบุชิกันทั้งสามคน!! เซ็ตนี้เป็นเซ็ตเล็กราคา 3,100 เยน

วิธีกินข้าวหน้าปลาไหลนี้ก็มี 3 วิธีด้วยกัน โดยจะแบ่งข้าวกินเป็น 4 ส่วน วิธีแรก ตักส่วนแรกขึ้นมาใส่ถ้วยแล้วก็กินแบบออริจิน่อลเลย

วิธีที่ 2 ตักส่วนที่ 2 ขึ้นมาใส่ถ้วย เติม add-on อย่างต้นหอมและสาหร่ายลงไป แบบนี้อร่อยดี เราชอบที่สุดละ

วิธีที่ 3 ตักส่วนที่ 3 ออกมาใส่ถ้วย เติมต้นหอมและสาหร่ายรวมทั้งเติมน้ำซุปลงไปด้วย กินเป็นข้าวต้มปลาไหลย่างนี่ล่ะ! สุดท้ายส่วนที่ 4 ที่เหลือ ชอบอย่างไหนกินอย่างนั้นได้เลย

หลังจากประทับใจกับรสชาติของฮิทสึมะบุชิก็ได้เวลาเที่ยวกันแล้ว เดินกลับมาขึ้นรถไฟสาย Meijo Line ที่สถานี Yabacho อีกครั้ง

นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Shiyakusho

แล้วเดินออกจากสถานีทางออกที่ 7 ซึ่งอยู่ตรงหัวมุมของบริเวณรอบปราสาทนาโกย่าเลย

เดินจากทางออกสถานีรถไฟนิดเดียวก็ถึงทางเข้าปราสาทแล้ว

ต้องซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทซะก่อน คนละ 500 เยน

ฝาท่อในบริเวณสวนปราสาทนาโกย่า สวยๆ

เดินข้ามสะพาน ตัวปราสาทนี่อยู่ชั้นในที่มีเนินหินซ้อนกันอยู่ 3 ชั้นเชียวนะ

เข้าไปข้างในก็จะเจอ Hommaru Palace ก่อนเลย แต่ว่ากำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุง ไม่เปิดให้เข้าชม..

เดินเลยผ่านไปตามทาง เพื่อไปยังหน้าทางเข้าไปภายในปราสาท

และเราก็มาถึงหน้าปราสาทนาโกย่าเป็นที่เรียบร้อย!

ใฝ่ฝันว่าจะได้มาเยือนให้ได้ตั้งแต่เริ่มติดตามไอด้อลวง Team Syachihoko ในที่สุดก็ได้มาเยือนซะที

เดินเข้ามาถึงหน้าทางเข้าปราสาทแล้ว ปราสาทนาโกย่านั้นมีทั้งหมด 8 ชั้น ตัวปราสาทดั้งเดิมนั้นถูกทิ้งบอมบ์แหลกเป็นจุณไปแล้วตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ได้สร้างขึ้นมาใหม่ 3 เดือนหลังจากนั้น

ปลาชะจิโฮโกะซึ่งเป็นเทพปลาหัวพยัคฆ์ที่เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของปราสาทนาโกย่าแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้จึงมีจุดถ่ายรูปด้วยเป็นพิเศษ

มาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยซิ!

ข้างในเค้าห้ามถ่ายภาพที่ชั้นนิทรรศการ ไปถ่ายได้อีกทีชั้นบนสุดที่เป็นจุดชมวิว ซึ่งจากชั้นบนสุดของปราสาทนี้สามารถมองเห็นวิวของเมืองนาโกย่าได้รอบทิศเลย

พุทเตียโน่มาเยือนปราสาทนาโกย่าแล้วนะ!

หลังจากซื้อของที่ระลึกด้านบนตรงจุดชมวิวแล้ว ก็เดินกลับลงมาด้านล่าง เดินวนรอบปราสาทเพื่อหามุมถ่ายรูปเล่น

มองเห็นชะจิโฮโกะบนยอดหลังคาปราสาทด้วยล่ะ สีทองอร่าม

ก่อนจะออกจากบริเวณรอบปราสาทก็กดตู้ซื้อกาแฟเย็นๆมาเติมความสดชื่น แล้วจึงกลับออกจากปราสาทนาโกย่ามาขึ้นรถไฟใต้ดินจากสถานี Shiyakusho

เรานั่งรถไฟสาย Meijo Line มาลงที่สถานี Sakae สถานที่ที่จะไปต่อไปก็คือ Nagoya TV Tower และ Oasis21

เดินขึ้นมาจากสถานี Sakae แล้ว มองเห็น Nagoya TV Tower เด่นมากเลย

มาเดินเล่นที่ย่านซะคะเอะเรามีเป้าหมายอยู่ 3 ที่นี้ นอกจาก Nagoya TV Tower กับ Oasis21 แล้ว ก็เป็น SKE48 Cafe & Shop ที่อยู่ตรงตึก Sunshine Sakae ด้วยความเป็นติ่ง 48G จึงต้องไปเยือนให้ได้!

Nagoya TV Tower สูงตระหง่าน

Oasis21 หนึ่งใน landmark ของนาโกย่า ดีไซน์คล้ายยานอวกาศ ตอนกลางคืนจะเปิดไฟสวยมากเลยนะ

จากนั้นก็ขอตัวไปชอป SKE48 ที่ตึก Sunshine Sakae สักครู่..

เดินเพียงเล็กน้อยก็มาถึงตึกห้าง Sunshine Sakae แล้ว

SKE48 Cafe & Shop จะอยู่ชั้นที่ 5 ของห้าง ส่วน Theater การแสดงของวง SKE48 นั้นจะอยู่ที่ชั้นที่ 2 ซึ่งตอนกลางวันจะปิดทำการอยู่

เข้าไปซื้อรูปเซ็ตแล้วก็ถ่ายรูปกับรถบัสที่เป็น landmark ของชอปนี้

เสร็จภารกิจที่ซะคะเอะแล้วก็เดินไปขึ้นรถไฟสาย Meijo Line ที่สถานี Sakae อีกครั้ง เพื่อนั่งรถไฟไปต่อสาย Tsurumai Line ที่สถานี Kamimaezu

จากสถานี Kamimaezu นั่งรถไฟสาย Tsurumai Line มาลงที่สถานี Osu Kannon สถานที่ต่อไปที่เราอยากมาก็คือวัดโอสึคันนงและถนนชอปปิ้งโอสึ

เดินจากสถานีรถไฟเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงวัดโอสึคันนง และเดินต่อไปอีกนิดก็เป็นย่านการค้าโอสึที่เป็นถนนชอปปิ้งยาวเป็นกิโลเลย

วัดโอสึคันนงเป็น 1 ใน 3 วัดที่สักการะบูชาเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

ในเดือนต.ค.จะมีเทศกาล Osu SetsubunTakarabune Gyoretsu ที่เป็นเทศกาลแห่เรือแห่เทพเจ้าด้วยล่ะ

วัดนี้เป็นวัดเจ้าแม่กวนอิม เพราะฉะนั้นก็ต้องมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม

หลังจากเข้าไปไหว้พระโยนเหรียญสั่นกระดิ่งขอพรแล้ว ก็ได้เวลาเดินเล่นที่ย่านชอปปิ้งที่ชื่อว่า "โอสึ"

ย่านการค้านี่ layout มันเหมือนกันทุกที่เลยรึไงนะ ฮ่าๆ

ไปครับ..ไปเดินชอปปิ้งกันเถอะ

เดินผ่านร้านขายขนมไทยะกิ ดูน่ากินมากๆ เลยกินกันทั้งสามแม่ลูกเลย

ซื้อมากินกันคนละชิ้น ของน้องใส่ถั่วแดง ของคุณแม่เป็นชาเขียวถั่วแดง ส่วนของเราคือไส้คัสตาร์ด

หลังจากกินปลากันแล้ว ก็ได้เวลาเดินเล่นต่อ

เดินไปเรื่อยๆเพราะย่านการค้านี้ยาวอยู่เหมือนกัน

มี Hello! Project Shop อยู่ที่ย่านโอสึด้วยแฮะ

เจอร้าน MaiDreamin อีกต่างหาก

เจอร้านเสื้อผ้าราคาไม่แพง เลยแวะซื้อเสื้อยืดที่ร้านนี้มาตัวนึง

Game Center ก็มีอยู่เยอะร้าน ร้านปาจิงโกะก็มากมาย

หลังจากเดินชอปปิ้งกันพอหอมปากหอมคอ ก็เดินเลยผ่านไปลงรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี Kamimaezu เพื่อนั่งรถไฟใต้ดินสาย Meijo Line ย้อนกลับไปที่สถานี Yabacho กันอีกครั้ง

แถวสถานี Yabacho มีร้านที่เราตั้งใจจะไปกินข้าวเย็นอยู่ใกล้ๆ

นั่นอยู่คือร้าน "Yamachan" ร้านนี้นั่นเอง มีสาขาอยู่หลายที่ในนาโกย่าเลยด้วยนะ หากินไม่ยากๆ

ที่มากินร้านนี้ก็เพราะว่ามันมีเมนูอาหารขึ้นชื่อของนาโกย่าครบทั้งมิโสะคัทสึ,ปีกไก่เทะบะสะกิ,เอบิฟราย

จานแรกคือ "มิโสะคัทสึ"

จานที่ 2 คือปีกไก่ "เทะบะสะกิ"

จานที่ 3 คือกุ้งทอด "เอบิฟราย"

ทานล่ะนะคร้าบบบบบ!

หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับไปที่สถานี Nagoya เพื่อเตรียมตัวขึ้นรถไฟชินคังเซ็นไปโอซาก้าต่อ

นั่งรถไฟใต้ดินสาย Meijo Line จากสถานี Yabacho ไปต่อรถสาย Sakura-dori Line ที่สถานี Hisaya-odori ไปลงสถานี Nagoya

หลังจากมาถึงสถานี Nagoya ก็ไปเอากระเป๋าสัมภาระที่ Coin Locker ซะก่อน

จากนั้นก็เอาตั๋วที่นั่งรถชินคังเซ็นที่จองไว้ตั้งแต่อยู่ที่ทะคะยะมะพร้อมกับ JR Pass มาโชว์ให้เจ้าหน้าที่ดู เดินเข้ามาสู่ชานชาลา ไม่ได้ออกไปเดินเล่นแถวๆสถานีเลย เอาไว้คราวหน้าจะแวะมาเดินเล่นนะ

รถไฟจะมาถึงเวลา 19.20 น. มาคอยตั้งแต่ทุ่มตรง ฮ่าๆ

ยืนรอผ่านไปสักพัก รถไฟชินคังเซ็น Hikari ที่เราจะนั่งไปโอซาก้าก็มาถึง

รถไฟ Shinkansen Hikari 523 ออกจากสถานี Nagoya เวลา 19.20 น. ไปถึงสถานี Shin-Osaka เวลา 20.26 น.

ใช้เวลาบนเจ้า Hikari ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงสถานี Shin-Osaka แล้ว

เดี๋ยวจะต้องเดินจากสถานีชินคังเซ็นไปต่อรถไฟใต้ดินของที่โอซาก้านี้ เพื่อไปโรงแรมที่อยู่แถวย่านนัมบะ

กดตู้ซื้อตั๋วรถไฟใต้ดิน Osaka Subway สาย Midosuji Line จากสถานี Shin-Osaka ถึงสถานี Namba 270 เยน

ยืนรอรถไฟแป๊บเดียวก็มาแล้ว

ใช้เวลาประมาณ 10 กว่านาทีก็มาถึงนัมบะแล้ว เดินออกมาจากสถานีตรงทางออกที่ 14 ก็จะเป็นตรงโดทมโบริเลย

ได้ทักทายคุณปูยักษ์ทันทีเพราะมันเป็นทางผ่านไปยังที่พัก

ไม่ลืมที่จะไปถ่ายรูปคุณกูลิโกะ landmark สำคัญของนัมบะนี้

เปิดแผนที่แล้วเดินไปตามทางนี้ โรงแรมอยู่ห่างออกไปประมาณ 600 เมตรได้

Hotel Naniwa ที่พักของเราที่โอซาก้านี่ ค่าที่พักห้อง 3 คน คืนละ 12,000 เยน (พัก 2 คืน) ภายในนี่ระดับโรงแรมหรูเลยล่ะ

เช็คอินได้ห้องพักชั้น 6 เบอร์ห้อง 604

ห้องที่เราจองเป็นห้อง 3 คนก็เลยมีเตียง 3 เตียงเรียงกันเป็นตับๆ ห้องกว้างดี

ห้องอาบน้ำ มีทั้งอ่างอาบน้ำและฝักบัว

ห้องส้วมแยกออกจากห้องอาบน้ำ

หลังจากวางสัมภาระก็ได้เวลาผ่อนคลายกับชีวิตนักท่องเที่ยวก่อนจะรีบนอนเอาแรง เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปลุยเกียวโตกัน

เกียวโตนั้นมีที่เที่ยวเยอะมากๆ เรื่องเวลาจึงสำคัญ กังวลอยู่เหมือนกันนะแต่หวังว่าทุกอย่างจะโอเค ราตรีสวัสดิ์ทุกคน เจอกันที่โตเกียวพรุ่งนี้ครับ!

 
About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!

ชีวิตการท่องเที่ยวญี่ปุ่นและการเป็นติ่งรถไฟญี่ปุ่นของ Puttiano Rossi

  • Grey Facebook Icon
  • Grey Instagram Icon
  • Grey Twitter Icon

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

© 2023 by Extreme Blog. Proudly created with Wix.com

bottom of page