top of page

2013.05.21 Japan Trip #3 Day11 - Tokyo Skytree,Tokyo Tower,Roppongi,Nakano


วันที่ 11 ที่ญี่ปุ่นของทริปนี้และเป็นวันรองสุดท้ายแล้ว หลังจากเมื่อวานหยุดพักเที่ยวไปชอปปิ้งท่ามกลางสายฝนไป ในเมื่อวันนี้ฟ้าสว่างอีกครั้ง ได้เวลาพาคุณแม่และน้องสาวเที่ยวให้ครบทุกที่ในโตเกียวซะที เราวางแพลนไว้ว่าจะพาไป Tokyo Skytree และ Tokyo Tower จากนั้นก็ไปรปปงงิและนะคะโนะ ถ้ามีเวลาพอก็อาจจะไปโอไดบะด้วย แต่ถ้าไม่ทันก็จะไปเดินเล่นแถวชินจุกุใกล้ๆที่พักปิดท้าย

วันนี้จะเป็นวันที่สิ้นเปลืองค่ารถไฟมากๆเพราะต้องนั่งรถไฟหลากหลายสายแถมแต่ละสายก็เป็นคนละบริษัทกันอีก จะซื้อแบบเหมาก็ไม่คุ้มด้วย จุดหมายแรกของวันนี้คือ Tokyo Skytree เริ่มต้นออกจากที่พักเดินไปขึ้นรถไฟ JR สาย Yamanote Line ที่สถานี Shin-okubo ไปลงที่สถานี Shinjuku เพื่อต่อรถไฟ

แล้วก็ต่อรถไฟสาย Chuo-Sobu Line (Local) ไปลงที่สถานี Asakusabashi ค่าโดยสาร 210 เยน

รถไฟ JR สาย Chuo-Sobu Line (Local) ขบวนสีเทาคาดสีเหลืองดูสวยดี

ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็มาถึงสถานี Asakusabashi จากสถานีนี้ต้องไปต่อรถไฟใต้ดิน Toei Subway สาย Asakusa Line

ซื้อตั๋วโดยสารรถไฟใต้ดิน Toei Subway สาย Asakusa Line ที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ

จากสถานี Asakusabashi ไปลงที่สถานี Oshiage ค่าโดยสาร 170 เยน

เป็นการนั่งรถไฟ Toei Subway ครั้งแรกในชีวิตเลยนะเนี่ย

เดินมาถึงชานชาลา รถไฟก็มาพอดี

นั่งไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงสถานี Oshiage แล้ว ขบวนที่เรานั่งมานี้มันต่อยาวไปถึงสนามบินนาริตะเลยนะ เป็นรถไฟสาย Narita Sky Access Line ล่ะ

เดินลงมาจากชานชาลา ออกทางออกฝั่ง Tokyo Skytree

สถานีรถไฟใต้ดินนั้นอยู่ชั้น B3 ข้างใต้ Tokyo Skytree เพราะงั้นก็ต้องขึ้นบันไดเลื่อนยาวๆแบบนี้

เดินออกมาด้านนอกก็เจอ Tokyo Skytree สูงตระหง่าน ยอดเสาโดนเมฆบัง สูงแค่ไหนคิดดู ฮ่าๆ

ต่อแถวซื้อตั๋วขึ้นไปชมวิวข้างบน Skytree เพราะเป็นวันธรรมดาและมาแต่เช้าด้วย ใช้เวลาต่อแถวไม่ถึง 10 นาทีก็ได้ซื้อตั๋วเรียบร้อย

ค่าตั๋วเข้าชมราคาใบละ 2,000 เยน ตั๋ว 3 ใบที่ได้มานั้นเป็นรูป Tokyo Skytree แบบสามเวลา ยามเย็น,พลบค่ำ,กลางคืน

ใช้เวลาต่อคิวขึ้นลิฟท์อยู่ประมาณ 10 นาทีก็ได้ขึ้นมาถึงชั้นความสูง 350 เมตรแล้ว จริงๆถ้าจะขึ้นไปที่ความสูง 450 เมตรต้องซื้อบัตรเพิ่ม แต่เราเอาแค่นี้พอและ

คนก็ไม่เยอะมากแต่ก็ไม่ได้น้อยจนเกินไปสำหรับเวลา 9 โมงเช้า

มาถึงแล้วก็ไปยืนชมวิวพร้อมกับถ่ายรูปเล่นกันเถอะ

วิวจากบน Skytree นี่ เค้ามีแผนภาพเขียนอธิบายบอกด้วยนะว่าทิศไหนตรงไหนคืออะไร เช่นมองมาทางนี้เป็นอุเอโนะอยู่ข้างหน้านะอะไรแบบนี้

แม่น้ำสุมิดะที่อยู่ข้างๆ

มองเห็นตึกอาซาฮีตรงย่านอะสะคุสะได้อย่างชัดเจนเพราะอยู่ใกล้ๆกัน

ซูมจากกล้องมองเห็นไปจนถึงหอคอย Tokyo Tower เดี๋ยวเราจะไปถ่ายรูปจากที่นั่นย้อนกลับมาที่ Tokyo Skytree ดูบ้าง

โดมใหญ่ๆนี่คือ Tokyo Dome

แม้แต่ชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ดกาะโอไดบะก็ยังสามารถมองเห็นได้จากบน Tokyo Skytree นี้

ได้ขึ้นมาชมวิวบน Tokyo Skytree แล้ว

ช่องกระจกบนพื้นที่มองไปยังเบื้องล่างของ Skytree ได้

ชมวิวพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาลงลิฟท์ไปรอกินมื้อเช้าและเดินเล่นที่ห้าง Solamachi

ร้านค้าและร้านอาหารเพิ่งจะเปิดกันตอน 10 โมงพอดี มาประเดิมร้านอาหารยามเช้ากันเลย

เซ็ตข้าวหน้าแฮมเบิร์กนี้ราคา 1,050 เยน

หลังจากกินข้าวกับซื้อของฝากเสร็จก็ออกมาเดินเล่นด้านนอก Solamachi

ได้กลับมาถ่ายรูป Tokyo Skytree มุมนี้อีกครั้ง

มาเยือนอีกครั้งหลังจากที่เคยมาถ่ายแล้วเมื่อปีก่อน

หลังจากเสร็จภารกิจที่ Skytree ก็ได้เวลาเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปคือ Tokyo Tower ล่ะ เดินกลับไปขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานี Oshiage เพื่อนั่งรถไฟใต้ดิน Toei Subway สาย Asakusa Line ไปลงที่สถานี Daimon

จากสถานี Oshiage ไปลงสถานี Daimon ค่าโดยสาร 210 เยน

ต่อแถวเดินขึ้นไปยังชานชาลา

นั่งรถไฟสายนี้ผู้โดยสารไม่หนาแน่นมากเท่าไหร่

ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็มาถึงสถานี Daimon

เดินออกทางออกที่ 6 ของสถานี Daimon

มองไปข้างหน้าก็จะเจอซุ้มประตูใหญ่ๆ แสดงว่ามาถูกทางแล้ว ไม่ต้องกลัวหลงทางนะ เพราะที่ญี่ปุ่นจะมีแผนที่เป็นป้ายให้ดูเป็นระยะๆ

จะไป Tokyo Tower ต้องเดินทะลุผ่านวัดโซโจจิเสียก่อน

มาถึงหน้าอาคารหลักของวัดโซโจจิ

เบื้องหลังของวัดก็เป็น Tokyo Tower สีแดงสวยงาม

ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย พอดีไม่เคยมาทางวัดโซโจจิ

บรรยากาศภายในวัด สงบเงียบมากๆ

รูปปั้นพระจิโชตัวจิ๋วที่ถูกนำมาถวายวัดเพื่อให้เป็นที่สถิตคุ้มครองของดวงวิญญาณเด็ก

มีการใส่ผ้ากันเปื้อนกับหมวกไหมพรมด้วย! น่าเอ็นดูมากเลย

ถ่ายรูปด้วยความเอ็นดู ฮ่าๆ

เดินทะลุวัดโซโจจิมาไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึง Tokyo Tower แล้ว ก่อนอื่นต้องไปซื้อตั๋วเข้าชมกันก่อน

ตั๋วขึ้นไปชมวิวบน Tokyo Tower ที่ระดับความสูง 150 เมตร ราคา 620 เยน

คนน้อยมากๆเมื่อเทียบกับ Tokyo Skytree ไม่ต้องรอคิวใดๆ ขึ้นลิฟท์ไปได้เลย

ลิฟท์ขึ้นเร็วมากๆ

ขึ้นมาถึงชั้นที่เป็นจุดชมวิวแล้ว

วิวเมืองโตเกียวรอบๆที่มองเห็นจาก Tokyo Tower นี้

นั่นคือวัดโซโจจิที่เราเพิ่งเดินผ่านมา

เดินชมวิวโดยรอบ 360 องศา

และแน่นอนว่าเราสามารถมองเห็น Tokyo Skytree ได้เหมือนเมื่อตอนที่เรามองเห็น Tokyo Tower จากทางนั้น

ได้ขึ้นมาชมวิวบน Tokyo Tower แล้วนะ

ที่ Tokyo Tower ก็มีช่องกระจกที่พื้นที่สามารถมองลงไปเบื้องล่างได้ด้วยเช่นกัน

มองๆลงไปก็เสียวสันหลังวาบๆอยู่เหมือนกันนะ..

บันเทิงในอารมณ์มากๆ ได้ขึ้นหอคอยทั้งสองในวันเดียวกันแบบต่อเนื่องเลย

มีแกลอรี่รูป Tokyo Tower ที่ถ่ายจากมุมมองต่างๆจัดแสดงให้ชมอยู่ข้างบนนี้ด้วย

ชมวิวอยู่ซักพักก็ได้เวลากลับและ ลงลิฟท์ไปเพื่อเดินซื้อของฝาก โซนของฝากส่วนมากก็พวก Tokyo Banana นั่นล่ะนะ ที่นี่ทำให้เราได้รู้ว่า Tokyo Banana เดี๋ยวนี้มีหลายลิมิเต็ดหลายรสมากๆ เช่น แบบออริจินอล,แบบสีกาแฟ,ลายเสือโคร่ง,ลายเสือดาว,ลายหางแมว,ลายยีราฟ มีทั้งรสคาราเมล,คาราเมลคัสตาร์ด,ช๊อกโกแลต บลาๆๆ เยอะแยะไปหมดเลย ต้องไปไล่หาซื้อกันตามที่ต่างๆเช่น Tokyo Sky Tree, Tokyo Tower, สนามบินนาริตะ อะไรแบบนี้

เจออะไรที่เป็นลิมิเต็ดทั้งทีก็ต้องซื้อนะล่ะ ฮ่าๆ

เดินออกมาข้างนอกจนมายืนอยู่ใต้ Tokyo Tower

เดินมาถ่ายรูปซะหน่อย วันนี้ฟ้าครามสดใส ตัดกับสีแดงสดของ Tokyo Tower ได้ดีนัก

ได้มาเยือนอีกครั้งในตอนกลางวัน คราวก่อนนั้นเรามาตอนกลางคืนซิ

จาก Tokyo Tower เดินตรงทะลุไปอีกประมาณกิโลเมตรนึงก็ถึงรถไฟ Tokyo Metro สาย Hibiya Line สถานี Kamiyacho

ซื้อตั๋วโดยสารราคา 150 เยนเพื่อนั่งรถไฟไปแค่สถานีเดียว จุดหมายต่อไปก็คือ Roppongi Hills

ยืนรอไม่นานรถไฟก็มาจอดที่ชานชาลา

นั่งรถมาสถานีเดียวมาถึงสถานี Roppongi

มาถึงรปปงงิก็ต้องเจอแมงมุมยักษ์ก่อนเป็นอันดับแรก

จะโดนแมงมุมยักษ์กินมั้ยเนี่ย!? ฮ่าๆ

จากที่ Roppongi Hills นี้ก็มองกลับไปเห็น Tokyo Tower ด้วยนะ

เดินผ่านทางเข้า Mori Art Museum ที่ๆเราเคยเข้าไปเดินชมเมื่อปีที่แล้ว

สวนหย่อมข้างๆ TV Asahi ที่เราเคยมาเดินชมซากุระบาน

นั่งพักเหนื่อยชมวิวสักแป๊บ ก็จะไปนะคะโนะต่อละ เดินไปขึ้นรถไฟสาย Oedo Line กันต่อ

เดินหารถไฟใต้ดิน Toei Subway สาย Oedo Line อยู่นาน เดินทะลุนู่นนี่ตั้งยาวกว่าจะเดินมาถึง

เดี๋ยวเราจะต้องนั่งรถจากสถานี Roppongi ไปลงที่สถานี Yoyogi เพื่อต่อรถไฟต่ออีกที

จากสถานี Roppongi ไปถึงสถานี Yoyogi ค่าโดยสาร 170 เยน

รถไฟมาแล้ว ผู้โดยสารค่อนข้างน้อย เดินขึ้นสบายๆ

ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงสถานี Yoyogi

จากนั้นก็เดินไปต่อรถไฟ JR สาย Chuo/Sobu Line Local จากสถานี Yoyogi ไปลงสถานี Nakano

จากสถานี Yoyogi ไปลงสถานี Nakano ค่าโดยสาร 150 เยน

ยืนรอรถไฟที่ชานชาลา ถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะบ่าย 3 โมงกว่าๆ ยังมีเวลาเดินเที่ยวอีกพอสมควร

ถึงจะตระเวนไปเที่ยวมาหลายที่ แต่วันนี้ก็ชิวๆสบายๆนะ

ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงสถานี Nakano เป็นที่เรียบร้อย

สถานีนี้ใหญ่พอสมควร สังเกตจากป้ายเยอะแยะเลย

ถนนชอปิ้งหน้าทางเข้า Nakano Broadway

ก่อนอื่นก็แวะกินอะไรก่อนซักนิด รองท้องด้วยเกี๋ยวซ่าเป็นไงพี่น้อง

ดูเมนูแล้ว สั่งเบิ้ลได้ราคาถูกลงด้วยนะ!

ก็เลยสั่งมาสองจานกินกันคนละจานกับน้องสาว คุณแม่ไม่ยอมกิน ฮ่าๆ

อิ่มแล้วก็ได้เวลาลุยชอปปิ้งต่อละจ้า

Nakano Broadway นั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นแหล่งสินค้ามือสองอันโด่งดัง เราก็ไปเดินดูแผ่นซีดีกับสินค้าไอด้อลมา

ก่อนจะกลับต้องไปจัดไอติมสายรุ้งกันซะหน่อย

กินคนเดียวเอาแค่ 4 ชั้นก็พอ จะให้ไปกิน 7 ชั้นแบบปอนด์คงจะไม่ไหว ฮ่าๆ

หลังเสร็จภารกิจที่นะคะโนะแล้ว ดูนาฬิกาก็ 5 โมงกว่าๆแล้ว คงไปโอไดบะได้ไม่ทันก่อนดวงอาทิตย์ตก ก็เลยตัดไป ข้ามไปเดินเล่นที่ชินจุกุเลยละกัน เราเลยพาคุณแม่และน้องสาวเดินกลับไปขึ้นรถไฟ JR สาย Chuo Line (Rapid) กลับไปลงที่สถานี Shinjuku

ก่อนจะต่อรถไฟสาย Yamanote Line กลับมาลงที่สถานี Shin-okubo เพื่อเอาของกลับไปเก็บที่ที่พักซะก่อน แล้วค่อยออกไปเดินเล่นที่ชินจุกุต่อ

กลับมาเดินเล่นที่ย่านชินจุกุกันอีกครั้งจนถึงวันสุดท้ายเลย

แวะ Sanrio Gift Gate กันซะหน่อย ให้น้องสาวได้ชอปปิ้งบ้าง

เดินไปเดินมาไม่รู้จะกินอะไรดี แม่ก็เรื่องมาก สุดท้ายก็กินร้านโอโตยะนี่ล่ะ เห็นแม่บอกอยากรู้ที่ญี่ปุ่นจะอร่อยแค่ไหน มันก็อร่อยกว่าที่ไทยจริงๆล่ะเนอะ

และปิดท้ายของวันนี้ด้วยการกลับมาตายรังชอปปิ้งทิ้งทวนกันที่ร้านดองกี้สาขาใกล้ชินโอคุโบะที่เคยมาเมื่อวันก่อนๆ แล้วก็กลับไปแพ็คกระเป๋าก่อนกลับไทย

พรุ่งนี้จะกลับไทยแล้วนะ ไปเดินเล่นที่ย่านอุเอโนะก่อนจะนั่งรถไฟไปสนามบินนาริตะ พอใกล้จะกลับแล้วก็รู้สึกอยากอยู่ต่ออีกจังแฮะ..

ทิ้งท้ายคืนนี้ด้วย "CD เสียงน้องสาวเรียกพี่ชาย" เรียกรัวๆยาวเป็นสิบนาที ฟังจนหลอนกันไปข้างนึงล่ะ ฮ่าๆ

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page