top of page

2013.05.22 Japan Trip #3 Day12 - Ueno,Narita Airport


วันสุดท้ายของทริปญี่ปุ่นคราวนี้แล้วล่ะ ก่อนจะไปสนามบินมีเวลาเหลือเฟือให้พอเดินเที่ยวอุเอโนะได้อีกครึ่งวันเลย ว่าจะไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สวนอุเอโนะก่อนกลับซะหน่อย แล้วก็ว่าจะแวะของฝากให้ซื้อเพียบทั้งที่อุเอโนะและสนามบินนาริตะเลยด้วย

อรุณสวัสดิ์วันที่ 12 ที่โตเกียว.. วันนี้จะต้องเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว ไม่อยากกลับเล้ย! ยังสนุกกับการเที่ยวทั่วญี่ปุ่นอยู่ อากาศก็ดี ไม่อยากกลับไปดิ้นรนเอาชีวิตรอดไปวันๆที่เมืองไทยเลยซักนิด..

เก็บข้าวของกันเรียบร้อย เหมือนจะมีปัญหากับการแพ๊คข้าวของกลับไทยแต่สุดท้ายก็แบ่งสันปันส่วนจนลงตัวและมีที่ว่างเหลือพอสำหรับการซื้อของฝากในวันนี้ด้วยซ้ำ.. เมื่อพร้อมแล้วก็ checkout ออกจากที่พัก แล้วรีบไปอุเอโนะต่อ ในช่วงเช้ามีเวลาเหลือเฟือก่อนจะเดินทางไปสนามบินนาริตะในตอนบ่าย

เติมพลังเช้านี้ด้วยคะเรปังที่ซื้อที่ร้านเบเกอรี่ที่นะคะโนะจ้าวเก่า อร่อยเหมือนเดิม

เดินลากกระเป๋าออกจากที่พักไปขึ้นรถไฟ JR สาย Yamanote Line ที่สถานี Shin-okubo

จากสถานี Shin-okubo ไปลงสถานี Ueno ค่าโดยสาร 190 เยน

ใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาทีก็มาถึงสถานี Ueno วันธรรมดาในช่วงสายๆนี่คนโล่งดีจัง

เป็นสถานีที่ยังไงก็ต้องนั่งรถไฟมาลงอย่างน้อยหนึ่งวันในแต่ละทริปจริงๆ

เดินออกจากสถานีรถไฟ JR มาก็เลี้ยวขวาแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ Keisei จริงๆมีทางเดินใต้ดิน แต่เราขี้เกียจยกกระเป๋าขึ้นๆลงๆบันได ไปทางภาคพื้นดินดีกว่า

กะว่าจะเอากระเป๋าไปฝากตู้ Coin Locker ที่นั่น เนื่องจากว่าเราต้องนั่งรถไฟจากสถานีนั้นไปสนามบินนาริตะ ไหนๆก็ไหนๆเอากระเป๋าไปฝากมันตรงนั้นล่ะ จะได้ง่ายต่อการมารับคืนแล้วเดินไปขึ้นรถไฟตรงนั้นเลย แยกฝากคนละตู้กับคุณแม่และน้องสาว

จากนั้นก็ได้เวลาเดินเที่ยวที่สวนอุเอโนะ เรามาที่นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วนะเนี่ย.. เจอเดอะลาสต์ซามูไร ท่านไซโก ทะคะโมริอีกครั้ง

ศาลเจ้านี้ก็ยังเหมือนๆเดิมไม่เคยจะเปลี่ยนแปลง

เทียบกับเมื่อวันเทศกาลชมซากุระแล้ว หน้ามือกับหลังตีนมากๆ ไม่มีคนเลย

ถนนทางเดินในช่วงฤดูปกติก็จะดูสีเขียวร่มรื่นในระดับนึงเลย

แวะเดินเข้าไปชมวัดเบ็นเท็นโดซึ่งเป็นวัดที่อยู่กลางบึงน้ำชิโนบะสุติดๆกับสวนอุเอโนะ มีรายการทีวีมาถ่ายทำที่นี่พอดีเลย

เดินวนรอบบึงน้ำหนึ่งรอบในบรรยากาศที่เริ่มกลับมาร้อนแล้ว

มีความสุขกับสายน้ำล้อมรอบบวกกับต้นไม้ที่รมรื่นและอากาศอันบริสุทธิ์ ถ้ามีสวนแบบนี้แถวบ้านเรา ชีวิตเราน่าจะยืนยาวเพิ่มได้อีกอย่างน้อยก็ 10 ปีนะ

หลังจากเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์กันเต็มปอดแล้ว ก็ได้เวลาไปหาข้าวกินยามเที่ยงแล้ว

เดินข้ามถนนเข้าเมือง เจอร้านโอโคโนมิยะกิทำเองพอดี! ร้านอยู่ชั้น 4 ของตึกนี้ ใกล้ๆกับห้าง ABAB

นี่ล่ะที่ท่านแม่บอกว่าอยากกินมาตั้งแต่วันแรกๆของทริป ในที่สุดก็เจอจนได้! ไม่รีรอเลยที่จะเดินเข้าร้าน

งานนี้คงต้องแสดงฝีมือเองล่ะ สั่งโอโคโนมิยะกิเลือกหน้าเลือกรสตามใจคุณแม่เลย

คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วก็เทลงไปบนกระทะ

มือสมัครเล่นทำแต่น่ากินนะเออ แค่สองชิ้นก็กินกันอิ่มแปล้ทั้งสามคนละจ้า ไม่ได้ยอตัวเองนะแต่อร่อยจริงๆ

หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินชอปปิ้งต่อ แดดวันนี้ก็ร้อนแรงเหลือเกิน เป็นงี้ 2-3 รอบและนะ คืออากาศดีเย็นสบายตลอดทริป มาร้อนแรงเอาวันที่จะเดินทางกลับ ก็ถือว่าโชคดีไป

ยังมีเวลาเหลืออีกเป็นชั่วโมงก่อนจะต้องไปขึ้นรถไฟ พาคุณแม่และน้องสาวเดินเล่นที่ตลาดอาเมะโยโกะและตึกม่วงทะเคะยะอีกซักรอบ

บ่ายโมงจะครึ่งและ ได้เวลาเตรียมตัวไปสนามบินกันแล้วๆ เดินกลับมาที่สถานี Keisei-Ueno อีกครั้ง รถไฟที่เราจะนั่งไปสนามบินนาริตะ เป็นรถไฟ Keisei Main Line Limited Express รอบรถไฟออกเวลา 13.34 น.

ค่าโดยสาร 1,000 เยนล่ะ ซื้อตั๋วรถไฟแล้วก็ไปเอากระเป๋าสัมภาระที่ล๊อคเกอร์มา

เวลาไม่คอยท่า รีบเดินลงมาที่ชานชาลา รถไฟกำลังจะออกในอีก 2 นาทีข้างหน้านี้แล้ว

รีบเดินขึ้นรถไฟโดยพลัน นั่งต้นสายเวลากลางวันนี่คนอย่างโล่งเลย

ระหว่างอยู่บนรถไฟก็อัพเรื่องราวต่างๆบนโซเชียลไปพลางๆ นึกถึงเรื่องประทับใจในทริปนี้

ใช้เวลาประมาณ 80 นาทีก็มาถึงสนามบินนาริตะแล้ว

กลับมาถึงสนามบินนาริตะจนได้สิน่าา

หลังจากอัพโซเชี่ยลกันรัวๆ ก็ได้เวลาส่งอุปกรณ์ wifi router คืนและ อยู่กับเรามา 12 วันเต็มต้องบ๊ายบายซะละ

วิธีการส่งคืนคือให้เอาไปส่ง ปณ. ที่ Japan Post ที่อยู่ชั้น 4 ของสนามบิน มีจ่าหน้าซองมาให้พร้อมอยู่แล้ว เอาไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ได้เลย สะดวกมากๆ

ขอโปรโมตหน่อยนะ wifi router ที่เช่ามาใช้นี่ดีมากๆเลยล่ะ ครอบคลุมพื้นที่ 93% ทั่วญี่ปุ่นเลยนะ เรานี่ขึ้นเหนือลงใต้แทบจะไม่มีปัญหาการใช้งานเลย 4G LTE/WIMAX นี่มันเมพจริงๆนะ ของ wifi-rental เค้าดีจริง!

จากนั้นก็ไป check-in รับตั๋วเครื่องบิน+โหลดกระเป๋า แล้วก็เตรียมตัวผ่านตม.เข้าไปซื้อของฝากในสนามบินกันต่อ

พักหลังขอติ Delta Airlines นิดตรงที่ความไม่ตรงต่อเวลาในการ takeoff เลยเวลาตลอด ทำให้ไปถึงไทยเลทตามเคย ผู้โดยสารยืนหน้าบึ้งกันเต็ม ฮ่าๆ

นั่นคือเครื่่องบินที่เราจะนั่งกลับไทยล่ะ สายการบิน Delta Airlines

ขึ้นเครื่องเรียบร้อย บ๊ายบายนะญี่ปุ่น.. เอาไว้จะกลับมาใหม่เร็วๆนี้จ้า

กว่าจะถึงเมืองไทยก็ 22.40 น. เลยล่ะ ผ่านตม. รับกระเป๋าแล้วก็ไปเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ปิดฉากทริปอันแสนประทับใจไว้ในความทรงจำ.. หวังว่าคุณแม่กับน้องคงจะสนุกเหมือนกับเรานะ ดีใจที่ได้พาไปมากๆ

สรุปรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริปนี้ ค่าใช้จ่ายตกคนละประมาณ 7 หมื่นบาท

ปิดท้ายกันด้วยการอวดของที่ซื้อๆมาในทริปนี้ของเราซะหน่อยๆ

แผ่น CD เมเจอร์ซิงเกิ้ลที่ 2 ของวง Cheeky Parade วงโปรดของเรา

แล้วก็แผ่น DVD คอนเสิร์ตแรกของ Team Syachihoko อีกหนึ่งวงโปรดของเรา กับซิงเกิ้ลของวง Kamen Joshi และ pramo

ไม่ได้ซื้อแค่ของมือหนึ่งนะ มือสองเราก็ซื้อ อันนี้เป็นแผ่น CD ซิงเกิ้ลของวง LinQ

รูปเซ็ตที่ไปตระเวนซื้อมาจาก SKE48 Shop และ NMB48 Shop ที่เราได้ไปเยือนมาถึงที่

เข้าไป Evangelion Store ที่ฮาราจุกุมา มีหรือที่จะกลับออกมามือเปล่า..

และสุดท้ายที่จะอวดก็คือของที่ระลึกที่ซื้อกลับมาจากสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่เหนือจรดใต้ที่เราได้ไปเยือนมาตลอดทริปนั่นเอง มันเป็นคุณค่าทางจิตใจมากๆเลยนะ!

จบแล้วครับ ทริปพาคุณแม่และน้องสาวตะลุยตั้งแต่ฮอกไกโดลงมาถึงคันไซ มีโอกาสเมื่อไหร่จะไปตะลุยญี่ปุ่นยาวๆอีกแน่นอน คอยติดตามชมรีวิวของเรากันไว้ให้ดีล่ะ!

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page