top of page

2013.07.30 Japan Trip #4 Day6 - Akihabara,Narita Airport


วันนี้จะต้องกลับไทยแล้ว เก็บกระเป๋าสัมภาระที่เต็มไปด้วยของฝากและของที่ระลึก อีกทั้งสินค้าไอด้อลมากมายที่จะต้องแบกกลับ แต่ก่อนจะไปสนามบินนาริตะนั้นก็ยังมีเวลาเหลือครึ่งวันให้ได้ไปเก็บตกกับสิ่งที่มีเพื่อนๆฝากซื้อที่อะคิบะ

ก่อนเดินทางกลับ 1 วัน คืนนั้นจะเป็นเรื่องปวดหัวของนักเดินทาง.. ต้องมาหาทางทำให้ข้าวของที่กระหน่ำซื้อมาทั้งหลายแหล่ ให้มันเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเดินทางให้ได้ทั้งหมด ซึ่งก็อย่างที่เห็น เราทำได้เพอร์เฟกท์มากๆ ฮ่าๆ

อาบน้ำอาบท่าแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรมล่ะนะ

เตรียมพร้อมเดินทางกลับ หวังว่าจะได้มีโอกาสมาพักที่โรงแรม Juyoh Hotel นี้อีกนะ!

เช็คเอ๊าท์แล้วก็กะว่าจะไปเดินเล่นที่อุเอโนะเพื่อหาข้าวเช้ากินซะก่อน ก็นั่งรถไฟ Tokyo Metro สาย Hibiya Line สายสีเทาจากสถานี Minami-Senju มาลงที่สถานี Ueno แล้วก็ไปฝากกระเป๋าเดินทางเอาไว้ที่ Coin Locker ที่อยู่ภายในของสถานีรถไฟ Keisei แล้วค่อยออกมาเดินเตร็ดเตร่ต่อ

ได้เวลาหาข้าวเช้ากิน ย่านตลาดอาเมะโยโกมีร้านอาหารอยู่เพียบ เราเอาง่ายและรวดเร็วเข้าว่า ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟ JR เดินเข้าร้านนี้ที่ชื่อว่า "Tsuruya" ร้านตั้งอยู่ใต้รางรถไฟพอดี

สั่งเซ็ตประหยัด เป็นข้าวแกงกะหรี่+โซบะเย็น ราคาแค่ 500 เยน

หลังจากนั้นก็ว่าจะไปเดินเล่นผ่านๆที่ตลาดอาเมะโยโกซะหน่อย

ตลาดอาเมะโยโกช่วงสายๆนี้ยังไม่ค่อยมีผู้คนเดินมากนัก ง่ายสำหรับการเดินชอปปิ้งของเรา ซื้อพวกขนมของฝากกลับไทยได้เพลินๆ

เป็นปกติมากที่หลังจากเดินเล่นตลาดอาเมะโยโกแล้วจะต้องไปเดินตึกม่วงทะเคะยะต่อ เพราะว่าอยู่ในระแวกใกล้ๆกัน

หลังจากไปซื้อขนมของฝากที่ตึกม่วงทะเคะยะเสร็จ ก็ได้เวลาไปอะคิบะแล้วจ้า เราเดินย้อนกลับมาขึ้นรถไฟ JR สาย Yamanote Line ที่สถานี Okachimachi นั่งแค่สถานีเดียวไปลงที่สถานี Akihabara

วาร์ปมาถึงย่านอะคิบะอีกครั้ง แวะมาเดินเล่นที่ร้าน K-Books ฆ่าเวลาซะหน่อย เมื่อวันก่อนๆยังไม่ได้แวะเลย

หลังจากนั้นก็แวะไปร้าน Mandarake ต่อ ตอนไปถึงต้องยืนรอนิดนึงเพราะร้านเปิดเที่ยงตรง

ที่ Mandarake นั้นมีสินค้าเกี่ยวกับการ์ตูนทุกแนวเลย แบบ 18+ ก็มีให้เลือกซื้อ ส่วนเราแวะมาซื้อโดจินแนว BL ให้กับน้องที่รู้จัก ขอบอกว่าตอนเดินเข้าไปนั้นอายมากๆ ฮ่าๆ

เสร็จภารกิจที่ Mandarake ก็เดินย้อนกลับมาริมถนนหลักแล้วทะลุกลับไปที่ AKB48 Shop อีกที เมื่อกี้คนเยอะก็เลยรอคนซาแล้วมาเข้าใหม่

พอดีมีคนฝากซื้อสินค้าของ AKB48 ก็เลยต้องแวะมา เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้เก็บแล้ว

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่อะคิบะโดยสมบูรณ์แล้วก็ได้เวลาเดินทางไปสนามบินนาริตะ เดินกลับไปขึ้นรถไฟ JR ที่สถานี Akihabara กลับไปลงที่สถานี Ueno

จากนั้นก็เดินไปสถานีรถไฟ Keisei เพื่อเอากระเป๋าเดินทางจากตู้ Coin Locker แล้วก็ไปขึ้นรถไฟไปสนามบิน

เราจะนั่งรถไฟ Keisei สาย Main Line Ltd. Exp. เพื่อไปสนามบินนาริตะ รอบรถไฟเวลา 13.34 น.

ค่าโดยสาร 1,000 เยน กดซื้อตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ

มาถึงก่อนเวลารถไฟออกเกือบๆ 20 นาที มีเวลาเตรียมตัวเหลือเฟือก่อนจะขึ้นรถไฟ

รถไฟออกแล้ว คนโล่งมากๆเลย ขึ้นรถไฟตอนกลางวันของวันธรรมดาก็แบบนี้

นั่งชิวไปเรื่อยระหว่างอยู่บนรถไฟ พอผ่านไปประมาณครึ่งทางมีคนจูงน้องหมาขึ้นมาบนรถไฟด้วยล่ะ ท่าทางน้องจะง่วง หลับตลอดทางเลย ฮ่าๆ

ใช้เวลา 75 นาที เราก็มาถึงสนามบินนาริตะแล้ว ลงสุดสายที่สถานี Narita Airport Terminal 1 เลย

เดินขึ้นไปรอเช็คอินที่เค้าน์เตอร์ของการบินไทย คนต่อแถวยาวมากๆ ต้องรอตั้ง 40 นาทีกว่าจะถึงคิวเราเช็คอิน..

เช็คอินเสร็จก็เดินไปผ่านตม. แล้วก็เดินหาซื้อของฝากในเกทสนามบินต่ออีกพักนึง

ถึงเวลา Boarding Time ก็รีบไปขึ้นเครื่อง รอบนี้ได้นั่งที่นั่งดีมากเลย แถวหน้าสุดตรงกลาง เหยียดขาได้สุดดีจัง

มื้อเย็นบนเครื่อง ครั้งนี้เป็นปลาอบซอส อร่อยดีนะ

ใช้เวลาบินเกือบ 6 ชั่วโมงเครื่องบินก็มาลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วเราก็เรียกแท็กซี่กลับบ้านที่คลองสามวา เป็นอันปิดฉา่กทริปโอตาคุประจำปี 2013 นี้

รอบนี้ก็ยังคงซื้อสินค้าไอด้อลกลับมาเพียบเช่นเดิม ก็ไปตะลุยเทศกาลงานไอด้อลกันมานี่นา

เช่นเดียวกับแผ่นซีดีที่คราวนี้หาวิธีห่อกันกระแทกด้วยการเอาผ้าขนหนูห่อเอาไว้

เสื้อบาสในตำนาน คือเราเชียร์ New York Knicks เพราะชอบสปรีเวลล์ไง ไปเจอมาจากร้านขายเสื้อผ้ามือสองแถวมินะมิเซ็นจูทั้งเสื้อแบบเหย้าเยือนเลย ตัวละ 500 เยนเอง น้ำตาจะไหล..

และก็ไม่พลาดที่จะตุนขนมของโปรดอย่างจะกะริโกะ กลับมากินที่ไทยด้วย คราวนี้เป็นรสชีส อร่อยมาก!

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page