top of page

2013.11.26 Japan Trip #5 Day1 Part 2 -Autumn in Tokyo-


มาต่อจาก Part 1 ในวันแรกของทริปใบไม้เปลี่ยนสีในโตเกียวกันด้วยสวน Rikugien Garden อีกหนึ่งสวนสไตล์ญี่ปุ่นสวยๆในโตเกียวที่หลงเหลือมาจากยุคเอโดะกัน สวนริคุกิเอ็งนั้นมีชื่อเสียงทั้งการชมซากุระบานและใบไม้เปลี่ยนสีเลยด้วยนะ

จากสถานี Todaimae เราขึ้นรถไฟ Tokyo Metro สาย Namboku Line ไปลงที่สถานี Komagome

เดินออกจากสถานี Komagome ตรงทางออกที่ 2 ซึ่งอยู่ใกล้กับทางเข้าสวนริคุกิเอ็ง

เดินเลี้ยวเข้าสู่สวนริคุกิเอ็งได้เลย

เสียค่าเข้าชม 300 เยน จากนั้นก็เดินเข้าสวนเพื่อชมความสวยงามกันได้

บริเวณของสวนริคุกิเอ็งนั้นก็มีความกว้างขวาง เป็นสวนที่จำลองแม่น้ำ,ภูเขาและบ่อน้ำเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งก็ถือเป็นทัศนียภาพที่สวยงามมากๆในสไตล์ของญี่ปุ่น

แต่ว่าท้องฟ้ามืดเร็วมากๆเลยนะ นี่เพิ่งจะ 4 โมงกว่าๆเองนะเนี่ย..

ด้วยความที่มีเวลาน้อยก่อนที่แสงจะหมด ก็เลยต้องรีบเดินทำเวลาหน่อย เพราะเราอยากถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสีแบบธรรมดาๆปราศจากไฟประดับในยามค่ำคืน แต่ดูทรงแล้วคงไม่น่าจะทันแล้วล่ะ 555+

พอฟ้าเริ่มมืดปุ๊บ ที่สวนก็จะเปิดไฟประดับทันที มันก็จะกลายเป็นอีกฟีลนึงคือกลายเป็นมาดูไฟประดับ Illumination แทน

เดินมาถึงบ่อน้ำกลางสวน ที่ตอนนี้เปิดไฟประดับภายในสวนแบบเต็มรูปแบบแล้ว

ท้องฟ้ายิ่งมืดลงเท่าไหร่ ไฟประดับภายในสวนก็ดูโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น

เดินไปแป๊บเดียวฟ้ามืดตื๋อเลย แต่ผู้คนยังเดินชมสวนกันเยอะมากเลยนะ

เพิ่งจะ 5 โมงกว่าแท้ๆแต่มืดราวกับเวลาทุ่มนึงที่เมืองไทย..

พอมืดปุ๊บก็จะมีไฟประดับแบบนี้ให้ดู ถือเป็นไฮไลท์หลักของ Illumination ภายในสวนนี้

แสงไฟส่องสะท้อนกับผืนน้ำที่ดูสงบนิ่ง ท่ามกลางเสียงเพลงโบราณๆที่เปิดคลอมาตามเสียงตามสายภายในสวน

สะพานเก่าๆที่ถูกปิดไม่ให้ข้าม

เดินวนมาตามทางเรื่อยๆจนใกล้จะถึงทางออกแล้ว มาถึงตรงนี้แลดูผู้คนไม่ได้ลดลงเลยนะ บ้างก็เดินวนกลับไปเดินเล่นใหม่ก็มี ชิวกันจัด 555+

ภาพใบไม้แดงสุดท้ายของวัน ก่อนจะเดินออกจากสวนริคุกิเอ็ง ก็เป็นอันจบมิชชั่นการตระเวนชมใบไม้เปลี่ยนสีในโตเกียววันแรกของเราแล้วจ้า

เดี๋ยวเราจะเดินทางไปอิเคะบุคุโระต่อ เพราะมีภารกิจที่ต้องไปซื้อแผ่นอัลบั้มของวง Cheeky Parade เพื่อที่จะเอาบัตรจับมือกับเมมเบอร์วงในอีก 2 วันข้างหน้าที่จะมี Release Event ล่ะ ก็กลับไปขึ้นรถไฟ Tokyo Metro สาย Namboku Line จากสถานี Komagome ลงที่สถานี Korakuen แล้วต่อรถไฟสาย Marunouchi Line ไปลงที่สถานี Ikebukuro

จากนั้นก็เดินเข้าห้าง LUMINE ที่อยู่ติดสถานีรถไฟ ขึ้นลิฟท์ไปที่ร้าน HMV ที่อยู่ชั้น 6

นั่นไง! แผ่นอัลบั้มของ Cheeky Parade วางขายวันนี้เป็นวันแรกเลยด้วยนะ! ขึ้นเชลฟ์หน้าร้านอย่างเด่น ปรบมือ!!

แผ่นซีดีของอัลบั้มนี้มีด้วยกันทั้งหมด 4 แบบ จะซื้อหมดก็คงจะจนเป็นแน่ เลยเอาแค่สองแบบก็พอ แค่นี้ก็เฉียดหมื่นละ ซื้อเสร็จรับบัตรจับมือมา 2 ใบ เราเลือกจะมาอีเว้นท์ในวันที่ 28 (อีกสองวันข้างหน้า)เพราะวันนั้นมียูเนี้ยงและยุริยะมาอีเว้นท์ที่ร้าน HMV สาขานี้

Mission Completed! ต่อไปก็ได้เวลาหาข้าวเย็นกิน ก็คงจะกินในห้าง LUMINE นี้นะล่ะ

ร้าน Soup Stock Japan อาหารฟิวชั่นแจ่มๆสไตล์ซุป เราสั่งแกงกะหรี่เห็ด+ซุปเนื้อ+ชาเย็น 1,100 เยน

มื่อท้องอิ่มก็ได้เวลาไปจุดหมายสุดท้ายของวันนี้กันแล้ว นั่นก็คือ Tokyo Tower แม้จะเริ่มเพลียและง่วงเนื่องจากนอนไม่พอ แต่ก็สู้นะ! เดินไปขึ้นรถไฟต่อ

เราจะขึ้นรถไฟ Tokyo Metro สาย Fukutoshin Line จากสถานี Ikebukuro ไปลงที่สถานี Shinjuku-sanchome เพื่อไปต่อรถไฟสาย Marunouchi Line

และสุดท้ายฝันก็เป็นจริงจนได้ ในที่สุดก็ได้นั่งรถ Tokyo Metro ครบทุกสายแล้ว! วันนี้ปิดจ๊อบสาย Namboku Line และ Fukutoshin Line ได้สำเร็จ เป็นเจ้าพ่อเมโทรได้แล้ว 555+

ปกติรถไฟสาย Marunouchi Line จะคนเยอะมากๆ แต่ถ้าขึ้นรถตั้งแต่ต้นๆสายล่ะก็พอไหวอยู่

จากสถานี Shinjuku-sanchome นั่งรถไฟสาย Marunouchi Line มาลงที่สถานี Kasumigaseki จากนั้นก็เดินไปต่อรถไฟสาย Hibiya Line อีกต่อ

สถานี Kasumigaseki ที่เราคุ้นเคย เพราะเคยมาแล้วตอนที่เดินทางมาดูคอนเสิร์ตของวง Team Syachihoko ที่จัดที่ฮิบิยะไดยะองเมื่อช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา

จากสถานี Kasumigaseki เรานั่งรถไฟสาย Hibiya Line มาลงที่สถานี Kamiyacho นี่ก็มาบ่อยเพราะเวลาจะมา Tokyo Tower เราจะมาลงรถไฟที่สถานีนี้ตลอด

เดินมาซักพักตามทางที่เคยๆ ไม่นานก็เจอ Tokyo Tower ซึ่งเราเคยมาเยือนทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนมาแล้ว นี่เป็นครั้งที่ 3 ส่วนหอข้างบนน่ะหรอ? เคยขึ้นแค่ตอนกลางวัน คราวนี้ล่ะจะขึ้นไปชมวิวกลางคืนดูบ้าง

เนื่องจากมันมีการปิดปรับปรุงอยู่นิดนึง ไฟของตัวทาวเวอร์เลยไม่เต็มทั้งหอ ตรงโคนมันหายไปน่ะ..

เดินมาถึงหน้าทางเข้า เจอต้นคริสต์มาสด้วยแฮะ

ไหนๆก็ไหนๆ ถ่ายรูปร่วมกับทั้งทาวเวอร์และต้นคริสต์มาสซะเลย 555+

เนื่องจากชั้นที่ระดับความสูง 250 เมตรปิดปรับปรุงชั่วคราว ก็เลยขึ้นไปชมวิวได้เฉพาะจุดชมวิวที่ความสูง 150 เมตรก็จะเสียค่าเข้าชมขึ้นไปที่ชั้น 150 เมตรในราคา 820 เยน

วิวถนนในช่วงเวลากลางคืนนี่ถ้ามีกล้องและเลนส์ดีๆคงจะถ่ายรูปออกมาเป็นแสงเบลอๆสวยๆแน่นอน

วิวจาก Tokyo Tower ในยามค่ำคืน สมกับเป็นมหานครแห่งหนึ่งของโลก

มองเห็น Tokyo Skytree ได้จากตรงนี้ด้วยนะ

ที่ระลึกที่ได้ขึ้นมาชมวิวที่ Tokyo Tower อีกครั้ง

บนจุดชมวิวข้างบนนี้ก็มีการประดับไฟเหมือนกันนะ!

ร้านขายของที่ระลึกใกล้จะปิดบริการแล้ว เพราะมันใกล้จะ 4 ทุ่มแล้วน่ะ

ถึงเวลา 4 ทุ่มตรงปุ๊บ ก็โดนคุณสตาฟฟ์ไล่ลงลิฟท์ทันทีเลย เตะถ่วงจนได้ลงเป็นคนสุดท้าย 555+

ถึงเวลาปิดทำการปุ๊บก็ดับไฟทาวเวอร์กันซึ่งๆหน้าเลย! แต่เราเพิ่งรู้ว่าต้องปิดไฟด้วยก็วันเนี้ย สงสัยเพราะอยู่ในช่วงปิดซ่อมแซมล่ะมั้ง

สุดท้ายก่อนจะกลับที่พักไปพักผ่อน ฉลอง 55 ปี Tokyo Tower ซะหน่อย

ยินดีด้วยนะ! แล้วพรุ่งนี้เจอกันใหม่ครับ!

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page