top of page

2013.11.28 Japan Trip #5 Day3 - Yanaka,Akihabara,Ueno,Ikebukuro,Shiodome


วันที่ 3 ของทริปใบไม้แดงและแสงไฟ วันนี้ว่าจะไปเดินเล่นที่ย่านยะนะกะที่อยู่ใกล้ๆสถานี Nippori เคยไปเยือนสถานีนี้หลายครั้งแต่ไม่เคยรู้เลยว่าข้างนอกนั้นมีย่านที่น่ามาเดินเล่นอยู่ด้วย! ย่านนี้เป็นย่านแมวจรจัดตัวอ้วนด้วยนะเออ ฮ่าๆ

และในวันที่ใช้บัตร JR Tokunai pass หรือ 1-day pass ของ JR เช่นนี้ การไปเดินชอปปิ้งต่อที่อะคิบะและอุเอโนะรวมถึงการไปอีเว้นท์จับมือน้องๆ Cheeky Parade ที่อิเคะบุคุโระสำหรับแพลนในวันนี้นั้นก็ทำได้ง่ายๆสบายๆเลย และสุดท้ายก็ไปดูไฟประดับ illumination ที่ Shiodome ล่ะ

เราเคยมาพักที่แถวมินะมิเซ็นจูแล้วครั้งนึงก็จริง แต่ก็ใช้บริการแค่รถไฟ Tokyo Metro และก็ไม่เคยจะรู้เลยว่าเดินต่อไปอีกนิดก็จะเจอสถานีรถไฟ JR สาย Joban Line และรถไฟ Tsukuba Express ด้วย ตามที่เราคิดคือมันสะดวกในการต่อรถยิ่งกว่ารถไฟ Tokyo Metro อีกนะเนี่ย

ยืนรอรถไฟในช่วงสายๆดูผู้คนค่อนข้างน้อย สงสัยเพราะไปทำงานกันหมดแล้ว

รถไฟ JR สาย Joban Line สีเขียวฟ้าคาดข้างๆขบวนรถ ดูสวยดีจัง

เรานั่งรถไฟสาย Joban Line นี้จากสถานี Minami-Senju ไปลงสถานี Nippori ที่เป็นสถานีที่เราเคยมาต่อรถไฟ Keisei ตอนมาจากสนามบินนาริตะ

เดินออกมาจากสถานี พร้อมกับดูแผนที่ว่าย่านยานากะนี้มีอะไรบ้าง

เดินมานิดนึงก็เจอวัดที่ดูเงียบสงบแต่ถูกดึงดูดสายตาด้วยใบไม้แดง ชื่อว่า "วัดเทนโนจิ"

สิ่งที่ต้องเจอลำดับแรกตอนเดินเข้ามาก็คือองค์พระยูไล

บรรยากาศภายในวัดยามเช้า ช่างเงียบสงบจริงๆ ไม่เจอแม้แต่คนรึกระทั่งสัตว์ใดๆ

สวนหย่อมภายในวัด

เจอศาลเจ้าหลบอยู่ตรงมุมที่มีต้นไม้เยอะๆจนเกือบจะมองไม่เห็น เข้าไปไหว้ซะหน่อยละกัน

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมก็มีด้วยแฮะ

และนี่ก็คือสิ่งที่ดึงดูดใจให้เราเดินเข้ามาถ่ายรูปเล่นภายในวัดนี้

เห็นใบไม้แดงแล้วมีความสุขจัง

วัดเทนโนจินี้มีทางเข้าออกอยู่สองประตู เมื่อกี้เราเข้าประตูใหญ่ เสร็จแล้วเราเดินออกทางประตูเล็กเก่าๆอันนี้

ออกจากวัดเทนโนจิก็เดินต่อมาเรื่อยๆก็จะต้องผ่านบริเวณที่เป็นสุสานในย่านยะนะกะ

มีต้นกิงโกะที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวอยู่ในบริเวณสุสานด้วยล่ะ

ส่วนต้นที่อยู่ริมถนนก็ดูใหญ่ไม่แพ้กันเลย แต่เหลืองอร่ามสวยได้ไม่เท่าต้นตรงสุสานนั่น

เดินย้อนไปตามถนนเรื่อยๆก็จะมาถึงบันไดที่เรียกว่า "ยูอะเกะดันดัน" เป็นเส้นทางสู่ถนนชอปปิ้งยะนะกะกินซ่า อีกหนึ่งถนนชอปปิ้งที่มีชื่อเสียงในโตเกียว

มาถึงยะนะกะกินซ่าแล้ว ต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้างล่ะน่า!

ที่ถนนชอปปิ้งยะนะกะกินซ่านั้นจะมีร้านค้าและร้านขายของกินอยู่มากมายตลอดสองข้างทาง สิ่งสำคัญคือของกินของใช้ที่นี่ราคาถูกมากๆ โดยเฉพาะของกินที่แบบว่ากำเงินมาพันเยนนั้นจะได้ของกินติดมือกลับมา 3-4 อย่างได้

ร้านของทอดร้านนี้ดูราคาถูกดีจัง และมีให้เลือกหลากหลายเมนูด้วย ทั้งหมู,ไก่,ปลา,กุ้ง,ผัก ไปอุดหนุนซะหน่อยซิ เริ่มหิวแล้วด้วย ข้าวเช้ายังไม่ได้กินเลย

ไก่คาราเกะหอมกรอบนอกนุ่มใน

ผลิตภัณฑ์สินค้าเกี่ยวกับน้องแมวจรจัดเพียบเลย แทบจะเรียกได้ว่าย่านยะนะกะนี้มันเป็นย่านของแมวจรจัดในโตเกียวจริงจัง

ไม่ทันขาดคำ เจอน้องแมวอ้วน 1 ea แต่ตัวนี้มีปลอกคอแฮะ

หลังจากซื้อแต่ของกินราคาถูกมากมา ก็ไปหาที่นั่งกินแถวๆโรงเรียนอนุบาลใกล้ๆนี่ ลมเย็นและเงียบสงบดี น่ามานั่งเล่นหรือนั่งปิกนิกมากเลย

เบนโตะกล่องนี้ซื้อมาจากร้านตรงหัวมุมสุดถนนชอปปิ้ง ราคา 300 เยน ถูกและดี ไม่ลองไม่รู้ชิมแล้วเยี่ยม!

ยังไม่หนำใจเพราะเห็นแก่ของถูก ซื้อยะกิโซบะมากินอีกกล่องนึง ราคา 250 เยน

อิ่มเอมแล้วก็ได้เวลาเดินเล่นต่อ เข้าซอยนู้นออกซอยนี้ สนุกสนาน

เจอน้องแมวตัวอ้วนอีกตัวแล้ว!

ตรงย่านร้านค้าก็เจออีกตัวนึง นอนเล่นสบายใจเฉิบอยู่เลย

ก่อนกลับก็ต้องแวะซื้อของที่ระลึกกันหน่อย ร้านนี้เป็นร้านที่ขายสินค้าผลิตภัณฑ์น้องแมวเหมียวเต็มไปหมด!

เดินผ่านวัดๆนึง ดูมีจุดถ่ายรูปได้อยู่ เลยแอบเดินเข้าไปถ่ายรูปเล่นซะหน่อย ไม่รู้จะมีใครว่าอะไรมั้ยนะ 555+

แถวๆนี้ถ้าจะถ่ายรูปใบไม้แดงก็คงต้องเดินเข้าวัดแบบนี้ล่ะนะ

ใบไม้แดงตรงนี้สีแดงสดดีมากๆ เห็นแล้วชอบจริงจัง เสพติดใบไม้เปลี่ยนสีซะแล้วสิ

เดินไปอีกนิดก็เจออีกวัดนึงและ แถวนี้มีวัดเล็กวัดน้อยเยอะมาก มีเป็นสิบๆวัดเลย

หลังจากเดินเล่นกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาไปชอปปิ้งที่อะคิบะต่อแล้ว เดินกลับไปที่สถานี Nippori เพื่อจะนั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line ไปลงที่สถานี Akihabara

มาถึงอะคิบะก่อนบ่ายโมงซะอีก มีเวลาชอปปิ้งถมเถ ละลายทรัพย์กันแน่ๆ 555+

เดินออกจากสถานีรถไฟ JR มา ก็ต้องมาแวะที่ AKB48 Cafe & Shop ซะก่อนเลย

นี่เรามาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้แค่ทุกครั้งที่มาญี่ปุ่นต้องแวะมา 555+

เข้าชอปไปเดินดูสินค้าหน่อยละกัน เผื่อได้อะไรติดมือกลับออกมา(ตามปกติ)

จากนั้นก็ได้เวลาไปกวาดแผ่นซีดีมือสองที่ร้าน Book-Off แล้วจ้า ช่วงหลังๆมานี้เราเสียเงินที่ร้านมือสองแบบนี้เยอะมากๆเลย เพราะมันมีของแรร์ๆขายอยู่เพียบชนิดตาดีได้ตาร้ายเสีย

ที่ร้าน Azobit City มีของเล่นของใช้เกี่ยวกับอนิเมะเยอะไม่แพ้ animate เลยนะ คือมาร้านนี้แล้วเราไม่ไป animate อีกเลยเพราะคนมันเยอะกว่ามาก แต่สินค้าเกือบเหมือนกัน

เดินมาจนถึงถนนใหญ่ เห็นร้านเกมและอนิเมะเต็มไปหมด มากี่ครั้งก็ตาลุกวาวทุกครั้งเลย

ไปตะลุยสอยเกมที่ร้าน Akiba*Softmap ตึกสีน้ำเงินข้างหน้านั่นกันต่อ

เข้า Akiba*Softmap นอกจากสินค้าไอด้อลแล้ว ก็ต้องอนิเมะล่ะนะ

เห็นใบประกาศงานอีเว้นท์ของไอด้อลวง Siam&Poptune ตอนทุ่มนึง แต่เวลาดันชนกับอีเว้นท์ Cheeky Parade พอดี.. อดดูเลย..

และเราก็มาถึงตึกละลายทรัพย์ของเรา นั่นก็คือ Akiba Cultures Zone เข้าตึกนี้ทีไรแบงค์หมื่นปลิวหายไปกับสายลมทุกครั้ง..

ฟิกเกอร์.. ฟิกเกอร์น่ารักๆเต็มไปหมด!

ร้าน TRIO ก็จะดูดเงินเราไปอีกครั้ง โดยเฉพาะสินค้าของวงโปรดของเราอย่าง Cheeky Parade และ Team Syachihoko มีร้อยหมดร้อยอ่ะ!

หลังจากโดนสูบเงินไป ก็ได้เวลาไปเดินเล่นต่อที่อื่นบ้าง ไปเดินเล่นที่ตึก Don-Quijote ละกัน รู้สึกว่าใกล้จะมี stage ของสาวๆวง AKB48 ด้วยล่ะ

ใกล้คริสต์มาสแล้ว ของตกแต่งเทศกาลคริสต์มาสเลยเยอะเป็นพิเศษ

เจอตู้ UFO Catcher มีฟุนัชชี่ให้คีบด้วยเรอะ!! ฟุนัชชี่คือคาแรกเตอร์บ้าๆบอๆที่ดังมากๆในญี่ปุ่นล่ะ มันคือสาลี่จากเมืองฟุนะบะชิในจังหวัดจิบะ

5 โมงกว่าแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปอีเว้นท์จับมือของน้องๆ Cheeky Parade ที่อิเคะบุคุโระแล้วล่ะ เดินกลับไปขึ้นรถไฟ JR ที่สถานี Akihabara ก่อน

เรานั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line จากสถานี Akihabara ไปลงที่สถานี Ikebukuro ยาวๆเลย

ใช้เวลา 30 นาทีก็มาถึงร้าน HMV สาขาในห้าง LUMINE Ikebukuro แล้ว

ยืนรอต่อแถวจับมือกับยุริยะและยูเนี้ยง ซึ่งเป็นเมมเบอร์ 2 คนที่มาอีเว้นท์ที่ร้าน HMV สาขานี้

จับมือกับยุริยะและยูเนี้ยงเรียบร้อยแล้ว.. เสียใจมากที่สตาฟฟ์ไม่อนุญาตให้เอาของขวัญมามอบให้ ก็เลยได้แต่จับมือแล้วก็พูดคุยกันคนละประมาณ 30-40 วินาที บอกยุริยะไปว่ามาจากไทยเลยนะ อัลบั้มแรกออกแล้ว ยินดีด้วยนะ ยุริยะก็บอกว่าโห สุดยอดเลย ดีใจจัง ขอบคุณนะคะ แล้วพอเราหยิบตุ๊กตาให้เท่านั้นล่ะ ยุริยะบอกว่าวันนี้รับของขวัญไม่ได้อ่ะค่ะ แล้วสตาฟฟ์ก็เดินมาบอกว่าวันนี้ไม่อนุญาตให้มอบของขวัญให้ เซ็งเลย.. ยุริยะเลยบอกว่าไม่เป็นไรนะ วันนี้จับมือไปก่อนแล้ววันหลังค่อยให้นะ แล้วคุณน้องก็ดึงมือเรากลับไปจับด้วยตัวเอง! ยอมรับว่าเสียขวัญเลยที่ไม่ได้มอบของขวัญให้ แต่ก็นะ..ไหนๆก็มาแล้ว แล้วเจอกันวันไลฟ์นะยุริยะ บ๊ายๆ ..

พอหมดกำลังใจและขวัญเสียไปเรียบร้อย ก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับยูเนี้ยงดี ยูเนี้ยงก็เลยพูดทักมาก่อนว่ามาจากไทยสินะคะ เราก็พยักหน้าแล้วก็พูดว่าสวัสดีครับใส่ ยูเนี้ยงตอบกลับว่าสวัสดีค่า มาคราวนี้ชี advance ขึ้น ชีต่อด้วยคำว่า ขอบคุณค่า แหม่.. ชอบเรียนภาษาไทยจังนะน้อง เราเลยพูดตอบกลับไปว่าขอบคุณครับ คุณน้องก็ทำตาโตแล้วก็พูดว่าขอบคุณครับแบบสงสัย เราเลยบอกว่า ผู้หญิงใช้ขอบคุณค่า น้องก็เลยอ๋อ แล้วก็พูดว่าขอบคุณค่าอีกที จากนั้่นก็เหมือนเดิม ยินดีด้วยนะที่ได้ออกอัลบั้มแล้ว ต่อไปก็พยายามเข้านะ แล้วเจอกันวันไลฟ์ บ๊ายบาย ก่อนจะปล่อยมือยูเนี้ยงก็พูดว่า ขอบคุณค่า อีกที แล้วก็บ๊ายบายให้กัน

สถานการณ์มันฟินดีนะ คุยนานดี จับมือนานด้วย น้องสองคนก็โอชิเรา นิสัยดีน่ารักมาก เล่นซ้ายเล่นขวา alert ตลอดเวลา แต่ระหว่างรอจบอีเว้นท์นี่ใจเราเศร้ามากเลยล่ะ โดนเบรกไม่ให้มอบของขวัญให้ รู้สึกแพ้ไปครึ่งตัว ฮือๆ

จบอีเว้นท์ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที น้องๆทั้งสองก็มาถ่ายรูปกันที่หน้าบู๊ธขายแผ่นอัลบั้มตรงนี้ เพื่ออัพรูปลงทวิตเตอร์ทั้งของวงเองแล้วก็ของร้าน HMV ด้วย แล้วก็เดินลงลิฟท์ใกล้ๆกลับไป มากันแค่สตาฟ์ 1 คน น้องๆ 2 คน รวม 3 คนเอง เรียบง่ายดีจัง

ไหนๆก็ไหนๆ ถ่ายรูปตรงที่น้องๆมายืนเมื่อกี้ตามรอยละกัน

เสร็จจากอีเว้นท์แล้วก็ต้องกลับไปสมทบกับพรรคพวกที่กำลังเดินเล่นกันอยู่ที่อุเอโนะ เรานั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line จากสถานี Ikebukuro กลับไปลงที่สถานี Okachimachi แทนที่จะเป็นสถานี Ueno เพราะกะวัดดวงไปเลยว่าพรรคพวกจะกำลังเดินอยู่ฝั่งโอคะจิมะจิมากกว่าจะเป็นฝั่งอุเอโนะ สรุปคืออยู่ตรงกลางตลาดอะเมะโยโกะ เดินไกลเท่ากันอยู่ดี 555+

เดินออกจากย่านตลาดอาเมะโยโกะมาออกตรงข้างๆห้าง ABAB เดินเล่นตรงนี้กันอีกนิดนึง

พอกลับไปรวมตัวกันเสร็จก็ไปหาข้าวเย็นกินกัน และเราก็ได้กินอุนะด้งสมใจเพราะทุกคนชวนกันเข้าร้าน Unatoto

หลังกินข้าวเสร็จ พวกเราตั้งใจจะไปถ่ายไฟประดับกันต่อ แต่มีการเปลี่ยนแผนนิดนึงคือวันนี้จะไปถ่าย illumination ที่ Caretta Shiodome ก่อน จากที่ตอนแรกว่าจะไปถ่ายที่ย่านเอบิสึ เราขึ้นรถไฟ JR สาย Yamanote Line จากสถานี Ueno ไปลงที่สถานี Shimbashi

ออกจากสถานี Shimbashi เดินขึ้น skywalk ตรงไปทางที่ไปย่านชิโอโดเมะเป็นการท้าลมหนาวเล่นกันไปในตัว

ุสุดทาง skywalk ลงมาก็ถึงห้าง Caretta Shiodome ที่มีการจัดไฟประดับ illumination สวยๆหน้าห้างอยู่ทุกๆปี

ปีนี้ illumination อลังการน้อยกว่าปีก่อนพอสมควร แต่ปีนี้ไปเล่นในเรื่องอนิเมชั่นที่มี interactive กับผู้ชมแทน ก็สนุกไปอีกแบบนะ!

หลังจากนั้นก็ขึ้นไปดูวิวที่ชั้น 46 ของห้าง Caretta Shiodome นี้เล่น ซึ่งเค้าเปิดให้ชมวิวได้ฟรี และข้างบนนี้มีภัตตาคารอยู่ด้วย วิวสวยใช่เล่นเลยนะนี่

ระหว่างเดินขากลับก็เดินผ่านไปดูไฟฝั่งตรงข้าม Caretta Shiodome ดูบ้าง

มีประดับประดาซุ้มอุโมงค์ทางเดินด้วย ไฟเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆอีกต่างหาก!

แค่เดินกลับหลังหันจาก Caretta Shiodome ก็เจอย่านที่จัดไฟประดับสวยขนาดนี้แล้วนะเนี่ย

อุโมงค์ไฟเมื่อกี้นี้มีผู้คนมาถ่ายรูปเล่นกันเยอะแยะเลย รอตั้งนานกว่าที่มันจะว่างให้เราได้ถ่ายรูปบ้าง 555+

เดินลอดผ่านอุโมงค์เล่นซักรอบ

ลืมถ่ายรูปตัวเองตอนอยู่กลางอุโมงค์ไฟซะได้! พอจะถ่ายก็มีคนเดินมาถ่ายแทนซะแล้ว..

มีประดับไฟแล้วก็เปิดเพลงคลาสสิคคลอไว้ด้วย ชิวดีจัง

แล้วไฟก็เปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม

จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเงินบ้าง นี่ก็สวยดูรวยไปอีกแบบ

พอถึง 5 ทุ่มก็ได้เวลากลับและ ยิ่งดึกยิ่งลมหนาวพักแรงด้วย เดี๋ยวจะป่วยเอา ก็เลยพากันเดินกลับไปขึ้นรถไฟ JR ที่สถานี Shimbashi กัน เราขึ้นรถไฟสาย Yamanote Line กลับไปลงสถานี Nippori แล้วต่อรถไฟสาย Joban Line ไปลงที่สถานี Minami-Senju เดินกลับที่พักที่มินะมิเซ็นจู

ดึกๆแบบนี้ควรระมัดระวังเกี่ยวกับรอบรถไฟกลับที่พักกันด้วยนะครับ หลายคนพลาดตกรถไฟรอบสุดท้ายมานักต่อนักแล้วนะเออ

ระหว่างทางเดินกลับที่พัก แวะซื้อ โดเรีย มาจากร้าน Lawson หน้าสถานีรถไฟ ประทังความหิวจากการเดินทางได้ดี

ทิ้งท้ายคือนี้กันด้วยส่วนนึงของการละลายทรัพย์ นี่คือซีดีมือสองที่ซื้อจากหลายๆร้านในอะคิบะ

รูปไอด้อลวง Cheeky Parade ที่ซื้อมาจากร้าน TRIO (มีนาป้งแถมมาด้วย)

พรุ่งนี้เรามีแพลนจะไปเดินเล่นชอปปิ้งและถ่ายรูปเล่นที่โอไดบะ หวังว่าท้องฟ้าจะแจ่มใสและอากาศเป็นใจนะ!

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page