top of page

2014.03.21 Japan Trip #6 Day1 - Okayama,Kurashiki


ทริปตะลุยภูมิภาคจูโกกุ,ชิโกกุ,คิวชู นี่เป็นทริปตะลุยเที่ยวอย่างเดียวครั้งที่ 2 ในชีวิตเลยนะ! ต่อจากคราวก่อนที่แพลนเองไปกับที่บ้าน(ตะลุยอาโอโมริ,ฮาโกดาเตะ,ทาคายามะ,ชิระคะวะโกะ,นาโกย่า,โอซาก้า,เกียวโต,โกเบ,คะวะกุจิโกะ) เนื่องจากมีประสบการณ์ในการใช้ JR Pass มาแล้ว ก็เลยชิวๆไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ รู้แล้วว่าควรจองยังไงเวลาไหน หายห่วงๆ

วันแรกที่ไปถึงสนามบินคันไซก็จะตรงดิ่งไปจังหวัดโอคะยะมะ และก็ใช้โอคะยะมะเป็นฐานที่ตั้งแรกในการเดินทางข้ามไปเที่ยวเกาะชิโกกุในช่วง 3 วันแรก ส่วนแพลนวันแรกนั้น นอกจากไปปราสาทโอคะยะมะในช่วงเช้าแล้ว ช่วงบ่ายก็ยังไปเดินเล่นที่เมืองคุระชิกิด้วย

ก่อนเริ่มต้นทริปนี้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ากลายเป็นคนบ้าคลั่งรถไฟญี่ปุ่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ คืออยากนั่งรถไฟชินคังเซ็นให้ครบทุกสายเลย ส่วนรถไฟ Limited Express ก็อยากลองนั่งดูเยอะๆ จากที่ดูผังของรถไฟชินคังเซ็นแล้ว ปี 2013 เราได้นั่ง Tohoku Shinkansen กับ Tokaido Shinkansen ไปแล้ว รอบนี้ลงคิวชูด้วย ก็เลยตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องนั่ง Sanyo Shinkansen และ Kyushu Shinkansen ให้ได้เลย!

ประเด็นที่รองลงมาจากสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เราอยากไปมากๆ ผลพลอยได้ก็คือการได้ชมซากุระบาน เนื่องจากเราไปช่วงปลายเดือนมี.ค.ถึงต้นเดือนเม.ย.พอดี ดังนั้นก็เลยมีความคาดหวังที่จะได้เห็นซากุระบานด้วย! แต่ปีนี้อากาศที่ญี่ปุ่นแปรปรวนเหลือเกิน เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวฝนตก ซากุระมันจะออกมาให้เราเห็นเมื่อไหร่และที่ไหนกันบ้างนะ? คงจะเป็นคิวชูล่ะมั้งแบบนี้..

และเนื่องจากการมาเที่ยวรอบนี้เป็นแบบ one way คือบินลงที่คันไซแล้วไปกลับที่ฟุคุโอกะ ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงรอบเวลาเที่ยวบินต่างสายการบินแล้ว สายการบิน Cathay Pacific จึงเป็นคำตอบสุดท้าย ด้วยเวลาบินที่ดีที่สุดคือบินถึงคันไซ 6 โมงเช้าและเที่ยวต่อได้เลย และกลับจากฟุคุโอกะ 4 โมงครึ่งถึงไทยเที่ยงคืน แค่ต้องต่อเครื่องที่ฮ่องกงทั้งไปกลับ เราได้ตั๋วเครื่องบินในราคา 21,xxx บาท

จัดเตรียมแพลนเที่ยวและเอกสารทั้งตั๋วเครื่องบิน,ตั๋วพาสรถไฟ,เอกสารจองที่พัก และที่สำคัญก็คือพาสปอร์ตพร้อม!

เก็บกระเป๋าสัมภาระโดยอิงตามพยากรณ์อากาศ ร้อนบ้างหนาวบ้างก็เตรียมพร้อมให้ครบทุกสถานการณ์

เราเตรียมพร้อมโดยการเช็คอินทางเว็บไว้เรียบร้อยแล้ว แถมมาถึงก่อนเวลาตั้งเกือบ 3 ชม. เลยมีเวลาชิวเยอะ รอขึ้นเครื่องตอนทุ่มกว่าๆเตรียมบินสู่ฮ่องกงละ

ผ่านไป 2 ชม.นิดๆต้องมาต่อเครื่องที่ฮ่องกง รอไฟลท์ต่อเครื่อง 3 ชม.

แล้วก็ต้องบินต่ออีก 3 ชม.ครึ่งเพื่อไปลงสนามบินคันไซ

พลิกไปพลิกมาบนเครื่องอยู่นาน ในที่สุดก็ถึงสนามบินคันไซแล้วจ้า! เครื่องลงเวลา 06.23 น. ผ่านตม.และผ่านตรวจคัสตอมเรียบร้อย ออกมาผงาดหน้าสนามบินแล้ว!

หลังจากนั้นก็เป็นเวลาของการนั่งรถไฟแล้วล่ะนะ เดินขึ้นมาชั้นสองตามป้ายที่บอกเส้นทางไปสถานีรถไฟ ก็จะเห็นสถานีรถไฟ JR Kansai Airport อยู่ตรงหน้า

ก่อนจะขึ้นรถไฟก็ต้องแลก JR Pass และจองที่นั่งรถไฟกันก่อน มองหาเจ้าป้ายสีเขียว Midori no Madoguchi ที่จะมีอยู่ทุกๆสถานี JR ได้เลย เจอป้ายนี้ให้ทุกคนเดินมุ่งตรงเข้าไปเพื่อจองที่นั่งรถไฟทั้งชินคังเซ็นและ Limited Express ได้เลย ต่อคิวอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงคิวเรา

ก่อนอื่นอย่างที่บอก ต้องแลก JR Pass ก่อน สิ่งที่ต้องเตรียมคือตั๋ว JR Pass ที่ซื้อเตรียมไว้แล้วที่เมืองไทย(ซื้อกับเว็บไหนก็ได้ที่ขาย อย่างเราซื้อผ่าน HIS มา) แล้วก็เตรียมพาสปอร์ตยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ที่วันนี้เจอเจ้าหน้าที่สาวหน้าตาโมเอะ 555+

สามารถแลก JR Pass รวมถึง Pass อื่นๆตามภูมิภาคของ JR ได้ที่ไหนบ้าง? ลองเปิดเว็บดูได้นะ ส่วนใหญ่สถานีตามเมืองใหญ่ๆของทุกภูมิภาคแลกได้หมดเลยล่ะ ยกเว้นในส่วนของพาส JR แบบแยกตามภูมิภาคก็ไปแลกที่สถานีใหญ่ๆตามภูมิภาคนั้นเอา

ที่คันไซนี่มีพาสของรถไฟ JR หลากหลายมากๆ แบ่งแยกซอยย่อยตามภูมิภาคไป สำหรับคนที่ไปเที่ยวแบบเจาะจงสถานที่ตามที่โปรเหล่านี้เอื้ออำนวย ถือว่าน่าซื้อมากๆเลยล่ะ เพราะมันจะช่วยประหยัดกว่าการซื้อ JR Pass ได้โดยที่เราไม่ได้กะจะเที่ยวหลายที่ที่ JR Pass ครอบคลุมน่ะ

และเมื่อเจ้าหน้าที่ออกบัตร JR Pass ให้แล้ว เราก็จองที่นั่งรถไฟต่อได้เลย สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมของเราก็คือ เราจะนั่งรถจากไหนไปไหน รถไฟขบวนอะไร วันไหน ถ้าหาข้อมูลเตรียมมาเลยจะดีมาก(แนะนำเว็บ hyperdia.com จะทำให้เราได้รู้ว่าเราไปไหนต้องเดินทางอย่างไร ต้องต่อรถกี่สาย ใช้เวลาเดินทาง,เวลารอต่อรถนานเท่าไหร่) ที่สำคัญคือจองล่วงหน้าหลายวันก็ได้ อันนี้ก็สำคัญเพราะถ้าเราไปช่วงวันหยุดของที่ญี่ปุ่น ที่นั่งจะถูกคนญี่ปุ่นจองจนเต็มได้ อย่างเช่นวันนี้เป็นต้น วันที่ 21 มี.ค. เป็นวันหยุดของที่ญี่ปุ่น(ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ) เรากะจะจองที่นั่งรถไฟชินคังเซ็นขบวน Sakura เป็นประเดิมเลยซะหน่อย ปรากฏว่าเต็ม! เลยจำใจต้องนั่งขบวน Hikari ขบวนที่เคยนั่งแล้วเพื่อไปโอคะยะมะแทน ที่สำคัญมันเป็นรถเสริมที่สุดสายแค่โอคะยะมะด้วยนะ เลยมีที่ว่างเยอะ นี่ถ้ามันวิ่งลงถึงฮิโรชิมะหรือฮะคะตะ ยังไม่แน่ใจว่าเราจะได้นั่งมั้ย 555+

เริ่มต้นทริปด้วยการนั่งรถไฟ Limited Express Haruka 6 ออกจากสถานี Kansai Airport ไปลงที่สถานี Shin-Osaka จริงๆแล้วรถไฟ Haruka ขบวนนี้วิ่งไปสุดสายที่เกียวโตนะ แต่เราลงโอซาก้าเพื่อต่อรถไฟชินคังเซ็นที่นั่น รถไฟออกจากสถานีเวลา 8.06 น. ไปถึงที่หมายเวลา 9.07 น.

และนี่คือโฉมหน้าของเจ้า Haruka ที่เป็นรถไฟ series 281 วิ่งให้บริการมา 20 ปีแล้ว

รถไฟขบวนนี้มีทั้งหมด 6 ตู้โดยสาร มีทั้งที่นั่งแบบ reserved และ non-reserved

ป้ายชื่อของรถไฟ Haruka

ภายในรถไฟนั้นยังคงดูใหม่อยู่พอสมควรเลย สะอาดสะอ้านดีมาก

ขึ้นรถไฟมาแล้วจ้า เตรียมมุ่งหน้าเข้าเมืองโอซาก้าแล้ว

รถไฟข้ามทะเลจากสนามบินเข้าสู่แผ่นดินใหญ่เขตจังหวัดโอซาก้า

ใช้เวลา 70 นาทีก็มาถึงสถานี Shin-Osaka เรียบร้อย อย่างที่บอกไปว่าวันนี้เป็นวันหยุด ดังนั้นคนจึงหนาแน่นมากๆ หยุด 3 วันทั้งที คนญี่ปุ่นเค้าก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันเหมือนๆกับคนไทยนั่นล่ะ

ป้ายบอกสายรถไฟของ JR ถ้าเป็นชินคังเซ็นจะมีเกทแยกเป็น Shinkansen Platform เพราะเค้าแยก Platform ของรถไฟอื่นกับรถไฟชินคังเซ็นออกจากกันชัดเจน

ก่อนจะขึ้นไปรอรถที่ชานชาลา มีเวลาเลยไปแวะซื้อข้าวกล่องไปกินตอนอยู่บนรถไฟชินคังเซ็นก่อนละกัน

ซื้อข้าวกล่องเสร็จแล้วก็รีบเข้าเกทไปรอรถไฟที่ชานชาลา

เหลือบไปเห็นชินคังเซ็น Sakura ที่เป็น Kyushu Shinkansen ที่วิ่งร่วมทางลากยาวมาถึงโอซาก้าจอดอยู่ฝั่งโน้น

วันนี้ยังไม่ได้นั่งไม่เป็นไร เดี๋ยวันต่อไปต้องได้นั่งให้ได้!

ขึ้นรถไฟชินคังเซ็นมาแล้ว เปิดข้าวกล่องกินก่อน เราซื้อข้าวหน้าเนื้อมากิน

เรานั่งรถไฟ Shinkansen Hikari 461 ออกจากสถานี Shin-Osaka เวลา 10.05 น. มาถึงสถานี Okayama เวลา 11.20 น.

เดินออกจากสถานี Okayama เดี๋ยวเดินไปโรงแรมที่พักต่อ

ข้างหน้าสถานีมีรูปปั้นโมโมทาโร่อยู่ด้วย ว่ากันว่าโมโมทาโร่มีต้นกำเนิดจากที่จังหวัดโอคะยะมะนี่ล่ะ

ที่โอคะยะมะมีรถรางโดยสารภายในเมืองให้ใช้บริการด้วยนะ ซึ่งมันก็ผ่านที่พักที่เราจะเข้าพักด้วย นั่นก็คือ Hotel Excel Okayama โรงแรมที่อยู่ตรงหัวมุมสี่แยกปลายโค้งเลย แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ไกลเกินกว่าจะเดิน เริ่มต้นวันแรกก็ขอลองเดินดูก่อนรอบนึงละกัน ไว้วันหลังค่อยนั่งรถรางก็ไม่สาย

เดินตรงดิ่งไปตามถนนเส้นหลักหน้าสถานี

เริ่มต้นเดินเที่ยวและ เก็บรูปฝาท่อประจำเมืองก่อนเลย แต่ละเมืองจะมีฝาท่อดีไซน์ของตัวเอง

อันนี้รูปโมโมทาโร่

เดินมาถึงโรงแรม Hotel Excel Okayama แล้ว เวลาเช็คอินคือบ่าย 3 โมง ที่ทำได้ตอนนี้ก็คือเอากระเป๋าสัมภาระไปฝากไว้ แล้วก็เดินตัวปลิวไปเที่ยวรอบเมืองก่อน ไว้กลับมารับกุญแจเข้าห้องพักตอนค่ำๆละกัน

ที่เลือกพักที่โรงแรมนี้เพราะมันอยู่ใกล้สถานที่เที่ยวสำคัญของเมืองนี้อย่างปราสาทโอคะยะมะและสวนโคระคุเอ็งนี่ล่ะ

ออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายเดินขึ้นไปนิดนึง ก็เห็นแม่น้ำและสวนโคระคุเอ็งอยู่เบื้องหน้า วันนี้ที่ญี่ปุ่นมีแดดหน่อยแต่ไม่ร้อนมาก อุณหภูมิราวๆ 15 °C อากาศดีจริงๆในตอนนี้ มีแดดพอให้ถ่ายรูปออกมาได้สวย

ทางขวามือนั้นเป็นเส้นทางเดินไปยังปราสาทโอคะยะมะ เดี๋ยวเราจะเดินไปกัน

เราเดินไปตามป้ายบอกทางไปปราสาทโอคะยะมะเรื่อยๆจนมาถึงประตูทางเข้าปราสาท

ผ่านซุ้มประตูมาแล้วเดินขึ้นบันไดไปอีกที

แล้วเราก็ได้เห็นปราสาทโอคะยะมะตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า!

ตัวปราสาทสวยมาก ดูเป็นสีกรมท่าอ่อนๆ ยิ่งสะท้อนกับแสงแดดยิ่งดูสวย

นี่คือปราสาทหลังแรกสำหรับทริปนี้ เดี๋ยวคงจะมีตามมาอีกเยอะในทริป วันนี้ขอนับหนึ่งก่อนละ

เข้าไปชมด้านในของปราสาทกัน เสียค่าเข้าชม 800 เยน ถือว่าแพงมากนะเนี่ย น่าจะแพงเป็นอันดับต้นๆของปราสาททั่วญี่ปุ่นเลย ปราสาทหลังนี้มีอายุ 400 กว่าปี แต่หลังที่เห็นในตอนนี้คือสร้างใหม่หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2

เดินชมโซนประวัติศาสตร์เสร็จก็ขึ้นไปข้างบนที่เป็น Observe Area ทุกปราสาทก็ทำเหมือนๆกันเลยคือ ชั้นต่างๆที่ขึ้นมาเรื่อยๆจะจัดโซนแสดงประวัติและสิ่งของสำคัญทางประวัติศาสตร์ แล้วข้างบนสุดก็เป็นจุดชมวิว

ชะจิโฮโกะตรงหน้าจั่วของปราสาท

เดินดูประวัติศาสตร์ของเมืองและปราสาทแห่งนี้ไปพลาง ได้นั่งเกี้ยวของไดเมียวด้วยล่ะๆ

เดินกลับออกมาจากปราสาทปุ๊บ ทำไมถึงมีเมฆฝนล่ะ?

พอฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเทา ปราสาทเลยดูหมองลงไปในทันใด

อันนี้เป็นซากของสิ่งก่อสร้างที่ถูกถล่มไปนานแล้ว น่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนในเมืองที่เคยอยู่รอบๆปราสาท

ลงมาถ่ายรูปตรงทางเดินเข้าปราสาทซะหน่อย มองแล้วนึกถึงปราสาทแดร๊กคูล่าเลย

ย้อนกลับมาถ่ายรูปเล่นบนสะพานข้ามไปยังสวนโคระคุเอ็ง ตอนแรกเราตั้งใจจะไปชมสวนโคระคุเอ็งนะ แต่เมื่อกี้มองจากปราสาทไปดูแล้วเห็นสีน้ำตาลๆเลยคิดว่าหน้านี้สวนคงไม่งามเท่าไหร่ เรียกว่ามาช่วงหน้านี้คงไม่งามอย่างที่ใจคิด แถมเมฆฝนกำลังลอยเข้ามาแล้วด้วยสิ เลยคิดว่าคงจะไม่เสียเงินเขาชมสวนนี้และ เดี๋ยวจะมุ่งหน้าไปเมืองคุระชิกิเลยละกัน

ระหว่างเดินกลับออกมา อยู่ๆฝนก็โปรยลงมา! ดีนะที่ตกแป๊บเดียว เราเลยเดินกลับไปเอาร่มที่โรงแรมแล้วค่อยไปต่อ ดูท่าทางแล้วฝนอาจจะตกที่คุระชิกิด้วยนะเนี่ย

เดินกลับมาที่สถานี Okayama เดี๋ยวจะนั่งรถไฟ JR ไปคุระชิกิ มีรถไฟที่ไปได้ 2 สายเลยคือ Sanyo Line และ Hakubi Line ขึ้นอยู่กับว่าตอนไปถึงสถานีแล้ว ขบวนไหนกำลังจะมา

มาถึงชานชาลา เอ้า! รถไฟสาย Hakubi Line จอดรออยู่และ ขึ้นได้เลยๆ

ใช้เวลา 16 นาทีก็มาถึงสถานี Kurashiki แล้วจ้า จะไป Canal Area นั้นให้เดินออกทางออก West Exit นะ แล้วเดินตรงมุ่งไปตามถนนเส้นหลักหน้าสถานีเลย ไม่ต้องกลัวหลง เพราะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ

มาดูแผนที่เมืองคุระชิกิหน่อยๆ จะเห็นว่าสถานที่เที่ยวมันอยู่รวมเป็นกลุ่มเลย ก็ตรงบริเวณ Canal Area นั่นล่ะ

เดินมาถึงย่านร้านค้าใกล้ๆบริเวณคลอง

บ้านเรือนเป็นแบบเก่าๆตามสไตล์ มีร้านค้าอยู่มากพอสมควร

เดินเลี้ยวไปตามทางทั้งซ้ายและขวาต้องเดินให้ครบ

มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่คุระชิกินี้มากพอสมควรเลยแฮะ

ฝาท่อที่คุระชิกิ เป็นรูปรวงดอกไม้

ส่วนอันนี้เหมือนจะเป็นมาสคอตของเมืองคุระชิกิ

เดินไปเรื่อยๆ แวะเข้าร้านนั้นเดินออกร้านนี้ไปตามประสา

ร้านดังโงะร้านนี้คนต่อคิวเยอะจัง เลยเห่อไปต่อแถวซื้อตาม 555+

นึกว่าดังโงะ แต่ไม่ใช่แฮะ จริงๆมันคือข้าวเหนียวปิ้งทาซอสของญี่ปุ่น

เดินไปได้สักพักก็มาถึงหน้า Ivy Square

Ivy Square เป็นศูนย์วัฒนธรรมในเขตอนุรักษ์ของคุระชิกิ ที่มีความโดดเด่นของสิ่งก่อสร้างที่สร้างด้วยอิฐแดงแต่มีเถาไม้เลื้อยปกคลุมอยู่แทบทั้งหลัง

ว่าแล้วก็เดินเข้าไปดูกันหน่อย

นั่นไง warehouse ที่สร้างด้วยอิฐแดง และมีเถาไม้เลื้อยปกคลุมจนมองแทบไม่เห็นผนังอิฐ

ข้างในโกดังจะเป็นคล้ายๆ exhibition ขายของ

แสงสวยดี ถ่ายรูปเพลินเลย

ตรงนี้คล้ายๆโบสถ์ น้ำพุด้านหน้าก็สวยดี

เดินกลับออกมาไปตามทางเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณ canal ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมือง

เดินผ่านโมโมทาโร่มิวเซี่ยมด้วย!

มาถึงต้นสายของ Canal Area และ

มีล่องเรือไปตามคลองด้วยนะ!

หลังจากที่พอมาถึงที่คุระชิกิสักพักฝนก็หยุด พอจะมีแสงให้ถ่ายรูปอยู่บ้าง แต่เดินเล่นไปสักพัก ฟ้าก็มืดอีกแล้ว ไม่ทันขาดคำ ฝนก็ตกลงมาปรอยๆจนเก็บกล้องแทบไม่ทัน..

พอจะเช็ดกล้องเก็บกล้อง ปรากฏจู่ๆฝนมันก็หยุดตกซะงั้น แถมฟ้าสว่างสดใสอย่างรวดเร็วด้วยนะ เป็นงี้มา 2-3 รอบแล้วนะวันนี้ อะไรของมัน แปรปรวนมากเลยอ่ะ

แต่พอมีแสงอาทิตย์อยู่ ถ่ายรูปกันเพลินๆ

เป็นสถานที่ที่ควรมาให้ได้ซํกครั้งจริงๆ

หิวนิดหน่อยเลยซื้อชิกุวะมากินก่อนจะเดินกลับสถานีรถไฟ

เดินกลับไปที่สถานี Kurashiki เดินตรงทะลุสถานีไปออกอีกฝั่งนึงคือ East Exit ก็เจอหอนาฬิกานี้ สวยดีๆ ไกลๆนั่นคือห้าง Ario

เดินมาจะเข้าห้าง Ario เจอ Jump Shop ด้วย!

เดินเข้าไปดูสินค้าใน Jump Shop ซะหน่อย แต่สุดท้ายไม่ได้ซื้ออะไรกลับออกมา..

ฆ่าเวลาเล่นในห้าง Ario ไปพอสมควร คิดว่ากลับไปชอปปิ้งที่เมืองโอคะยะมะดีกว่า ก็เลยเดินกลับสถานี Kurashiki

หน้าสถานีฝั่งนี้เป็นวิวที่สวยดีนะ!

เราขึ้นรถไฟ JR สาย Hakubi Line จากสถานี Kurashiki กลับมาลงที่สถานี Okayama

กลับมาถึงราวๆ 6 โมงครึ่ง ได้เวลาชอปปิ้งละนะ! ห้างที่จะเข้าคือห้าง OPA เพราะมันมีร้าน Tower Records ด้วย

ชอปปิ้งเสร็จซะดึกเลย ก็เลยต้องซื้อของกินกลับมากินที่โรงแรมเอา ถึงโรงแรมรับกุญแจห้องที่ front ได้ห้องชั้น 10 ชั้นสูงสุดของโรงแรมเลย

ได้ห้อง 1003 อยู่ฝั่งซ้ายของโรงแรม เท่ากับจะได้ดูวิวสวนโคระคุเอ็งน่ะสิ!

ห้องก็กว้างพอสมควรนะ มีพื้นที่ใช้สอยมากมาย นั่งกับพื้นก็ยังได้ ห้องน้ำก็กว้างขวางโอเคเลยล่ะ ถือว่าให้ 4 ดาวครึ่งเลย

เปิดม่านดู นั่นไง! วิวสวยจริง เห็นปราสาทด้วยล่ะ! ประทับใจ

วันนี้ยังดูชิวๆหน่อยเพราะไม่ได้มีอะไรเที่ยวเยอะ มีอาการล้ามาจากการนั่งเครื่องด้วย ถึงตอนเช้าก็ต้องเที่ยวต่อเลยอีก เดี๋ยววันรุ่งขึ้นต้องข้ามไปเกาะชิโกกุเพื่อไปมัทสึยะมะ ที่อยู่ในจังหวัดเอฮิเมะทางฝั่งซ้ายของเกาะชิโกกุ ต้องนั่งรถนานที่สุดของทริปนี้เลยคือ 3 ชั่วโมง นั่นจึงต้องตื่นเช้าที่สุดของทริปนี้เลยด้วยล่ะ คืนนี้ฝันดี..ราตรีสวัสดิ์

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page