top of page

2014.03.23 Japan Trip #6 Day3 - Takamatsu


วันที่ 3 ที่ญี่ปุ่นและเป็นวันที่ 2 บนเกาะชิโกกุ วันนี้เรามีแพลนที่จะไปเยือนเมืองทะคะมัทสึ เมืองหัวเมืองสำหรับเกาะชิโกกุที่เวลานั่งรถไฟข้ามเกาะมาที่ชิโกกุจะต้องผ่านเมืองนี้ก่อน ที่ทะคะมัทสึนี้มีจุดชมวิวสวยๆบนเขายะชิมะ แล้วก็มีสวนริทสึรินที่เป็น recommend ของที่นี่เช่นกัน นอกจากนั้นการเข้าชมซากปราสาททะคะมัทสึก็จะเป็นการเก็บปราสาทญี่ปุ่นไปด้วยในตัวนะ!

เช้าวันที่ 4 หาได้มีความรีบร้อนตื่นเช้าไม่ เพราะเมืองทะคะมัทสึนั้นอยู่แค่ข้ามทะเลเซโตะ(ข้ามเกาะฮอนชู-เกาะชิโกกุ)ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงในการโดยสารรถไฟ JR สาย Marine Liner ขบวนนี้ โดยรถไฟ Marine Liner นี้ มีตู้รถที่เป็นแบบ reserved จำนวน 1 ตู้ ในจำนวนนี้มีที่นั่ง Green Car รวมอยู่ด้วย

นี่คือตู้รถที่เป็นแบบ reserved seat เราจองที่นั่งเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงโอคะยะมะเรียบร้อยแล้ว

เราจองรอบรถไฟ Marine Liner 11 รถออกจากสถานี Okayama เวลา 8.24 น. จะไปถึงสถานี Takamatsu เวลา 9.18 น.

เช้าๆไม่รีบร้อน แถมรถไฟก็นั่งแป๊บเดียวถึง เลยซื้อแค่ขนมปังมาเป็นเสบียงกินบนรถไฟก็พอ

มาถึงสถานี Takamatsu แล้ว

แน่นอนว่าข้ามมาเกาะชิโกกุยังไงก็เจออันปังแมน ได้เห็นรถไฟอันปังแมนที่ข้างในมีสนามเด็กเล่นอันปังแมนให้เด็กๆด้วยล่ะ

ส่วนขบวนนี้เป็นรถไฟ Limited Express Usushio สำหรับไปโทคุชิมะ

เดินมาแถวๆเกทเพื่อดูป้ายบอกเวลาของสายรถไฟ เดี๋ยวเราจะต้องต่อรถไฟ JR สาย Kotoku Line จากสถานี Takamatsu ไปลงที่สถานี Yashima แพลนช่วงเช้าของวันนี้คือไปชมวิวบนยอดเขายะชิมะที่ว่ากันว่ามีวิวทะเลสวยเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่นเลย

มาดูแผนที่ของเมืองทะคะมัทสึสักหน่อย ขณะนี้เราอยู่ที่สถานี Takamatsu เดี๋ยวจะนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Yashima แล้วนั่งรถบัสขึ้นไปชมวิวที่ยอดเขายะชิมะที่อยู่ทางขวาบนของแผนที่ เสร็จแล้วบ่ายๆจะนั่งรถกลับมาลงที่สถานี Ritsurinkoen-kitaguchi เพื่อเข้าชมสวนริทสึริน ก่อนจะกลับมาเดินเล่นย่านการค้าใกล้ๆสถานี Takamatsu ต่อพร้อมกับชมวิวริมทะเลและซากปราสาททาคามัทสึ เป็นอันจบแพลนเที่ยวทะคะมัทสึในวันนี้

มารอรถไฟ JR สาย Kotoku Line ที่ชานชาลาที่ 1 ป้ายบอกว่ารถไฟจะออกเวลา 10.02 น.

รถไฟสายนี้เป็นรถไฟวันแมนหรือรถไฟตู้เดียว ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับรถรางตามเมืองต่างๆ จ่ายเงินแบบหยอดเหรียญลงกล่องหลังคนขับ แต่สำหรับเรามี JR Pass ก็ใช้บัตรนี้ยื่นให้คนขับดูได้เลย

ใช้เวลา 15 นาทีก็มาถึงสถานี Yashima แล้ว

ป้ายสถานี Yashima หนึ่งในสถานีรถไฟแบบโลค่อลที่ได้มาเยือนที่เกาะชิโกกุ

ชานชาลาเป็นเกาะตรงกลาง เลยต้องเดินข้ามสะพานลอยไปทางฝั่งทางออกสถานี

เดินออกมาหน้าสถานีรถไฟแล้ว

จากที่หาข้อมูลมา จะมีรถบัสที่วิ่งต้นสายจากหน้าสถานี Yashima ไปสุดสายที่บนยอดเขายะชิมะเลย รถออก 1-2 คันต่อชั่วโมงแล้วแต่ช่วงเวลาคนมาเที่ยว ซึ่งมีตารางรถออกชัดเจน โดยรถบัสสายนี้จะจอดทั้งหมด 4 ป้ายก็คือ ป้ายแรกที่จอดรอออกคือหน้าสถานี Yashima ป้ายที่ 2 คือสถานีรถไฟ Kotoden Yashima ที่เป็นรถไฟเอกชนของเมืองทะคะมัทสึ ป้ายที่ 3 คือหน้าหมู่บ้านชิโกกุที่อยู่ก่อนจะเริ่มเส้นทางขึ้นเขายะชิมะ และป้ายสุดท้ายสิ้นสุดที่บนยอดเขายะชิมะ ค่าโดยสาร 100 เยนตลอดสาย

รถยังไม่ถึงเวลาออก ขึ้นมานั่งรอก่อน ขึ้นทางประตูด้านหลัง ลงทางประตูด้านหน้าตามปกติ

กล่องหยอดเงินหลังคนขับ เหมือนกับรถบัส,รถรางอื่นทั่วไป วิธีใช้งานเหมือนกันเลย คือ.. ช่องใส่เงิน = ช่องกล่องใสๆที่อยู่เหนือช่องสีเขียวในรูป ต้องใส่เงินให้พอดีเท่านั้น ไม่สามารถทอนได้

ถ้ามีเงินไม่พอดี ให้ใช้ช่องฟ้าหรือช่องเขียว ดังนี้ ช่องสีฟ้า = สำหรับแตกเหรียญใหญ่ เช่น 500 เยน, 100 เยน เมื่อหยอดลงช่องฟ้าไป มันจะแลกเหรียญย่อยๆออกมา ช่องสีเขียว = สำหรับแตกธนบัตร 1000 เยน เมื่อสอดแบงค์พันเข้าไป มันจะแลกเหรียญย่อยๆออกมา แต่ถ้ามีบัตรพาส(แล้วแต่เมืองว่าใช้พาสอะไร) ให้แตะที่แถบที่อยู่เหนือช่องสีฟ้าในรูป แล้วมันจะหักเงินไปเอง ส่วนถ้ารถบัสที่ไหนใช้ one day pass ได้ ให้ยื่นบัตร one day pass นั้นให้คนขับดู

จากสถานี Yashima ตรงไปข้างหน้า จะมีเส้นทางขึ้นเขาเพื่อไปให้ถึงบนยอดเขายะชิมะซึ่งเป็นจุดชมวิวเลื่องชื่อสำหรับนักท่องเที่ยว ดูจากระยะทางแล้ว ถ้าคิดจะเดินนี่คือการฆ่าตัวตายทางอ้อมแน่นอน! เช่นนั้นแล้วควรจะต้องหารถสาธารณะเพื่อโดยสารขึ้นไปกันนั่นล่ะ

วิวจากบนรถบัสตอนกำลังขับขึ้นไปบนยอดเขายะชิมะ

ใช้เวลาทั้งหมด 18 นาทีจากหน้าสถานี Yashima ก็ขึ้นมาถึงบนยอดเขายะชิมะ

อันนี้เป็นตารางรอบรถบัสขากลับที่วิ่งจากบนยอดเขายะชิมะกลับไปยังสถานี Yashima ทำให้เราได้เตรียมพร้อมและกะเวลาในการเดินทางได้ดี

ร้านของที่ระลึกและมีอาหารขาย คล้ายๆเป็น club house บนยอดเขายะชิมะ จริงๆเดินเข้าไปข้างในแถวๆวัดยะชิมะหรืออะควาเรี่ยมก็มีร้านอาหารและร้านขายของฝากอีกนะ ยังไม่ต้องรีบร้อนๆ

เดินตรงผ่าน club house มาทางขวามือประมาณ 100 เมตรก็ถึงทางเข้าวัดยะชิมะแล้ว

ตามเราเข้าไปชมวัดยะชิมะกันเลยๆ

ตามที่อ่านประวัติวัดนี้ วัดถูกส้รางด้วยพระชาวจีนเมื่อพันกว่าปีก่อน ดังนั้นแล้วสถาปัตยกรรมก็คงจะอิงตามแบบจีนแน่นอน

ก้าวผ่านประตูเข้ามาภายในบริเวณวัดแล้ว

จะเห็นองค์พระพุทธรูป(พระยูไล)ตั้งอยู่เป็นลำดับแรก

พวกเทพก็มี

มีรูปปั้นแปดเซียนตามแบบจีน

ศาลเจ้าเล็กๆก็มีให้สักการะ

และที่สำคัญก็ต้องมีเจ้าแม่กวนอิมด้วยเนอะ

อาคารศาลเจ้าใหญ่ที่สามารถมาไหว้พระขอพรได้ รู้สึกว่าจะอำนวยพรด้านการศึกษาล่ะ ข้างในมีพระที่มาแสวงบุญสวดมนต์กันงึมงำๆได้ยินออกมาข้างนอกด้วย

อันนี้คือพิพิธภัณฑ์ของวัดยะชิมะ ต้องเสียค่าเข้าชมด้วยนะ

นี้คือตรงที่เค้าเสี่ยงเซียมซีแล้วโชคร้ายก็เลยเอามาผูกไว้แก้เคล็ด

ข้างๆกันมีเสาโทริอิเป็นซุ้มเยอะๆ

ไม่มีเทพเจ้าจิ้งจอกแต่มีเทพเจ้าทานุกินะเออ!!

ข้างหลังซุ้มเสาโทริอิมีรูปสลักทานุกิมากมาย ราวกับเป็นรูปสลักหินบนสุสานยังไงยังงั้น..

มองข้างในก็มีซุ้มเสาโทริอิอีก คาดว่าน่าจะเดินไปยังสุสาน

พยายามเดินให้รอบจุดชมวิวทุกจุด จากตรงนี้ก็ออกมาทางหลังวัดยาชิมะไปทางขวา เพื่อเดินไปยังจุดชมวิวจุดแรก (อยู่ทางซ้ายสุดของแผนที่นี้)

และเราก็ได้มาถึงจุดชมวิวแล้วจ้า

ฝั่งนี้เป็นจุดชมวิวทะเลจากบนเขายะชิมะแห่งนี้

บรรยากาศที่ Yashima View Point

เขายะชิมะถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวทะเลที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญ๊่ปุ่นเลยล่ะ

เราสงสัยว่าไอ้นี่มันคืออะไร มันคือแผ่นที่ใช้อธิษฐานแล้วโยนลงไปตรงหน้าผาที่ชมวิวล่ะ เรียกว่าแผ่นอธิษฐานแล้วกันนะ 555+

เที่ยงแล้วก็เริ่มหิว กินข้าวเที่ยงกันดีกว่า มีร้านอาหารอยู่ตรงจุดชมวิวนั่นล่ะ ได้วิวทะเลอีกต่างหาก

เราสั่งเซ็ตอุด้ง+โอเด้ง ราคา 1,000 เยน อร่อยชื่นใจดีเหลือเกิน

เดินผ่านมาทางหน้าอะควาเรี่ยม มีพ่อแม่จูงลูกเล็กมาเที่ยวเพียบเลย

เดินเลาะไปตามริมหน้าผาเรื่อยๆ มีจุดชมวิวอยู่เป็นระยะๆ

อันนี้เป็นหน้าผาจุดชมวิวทางฝั่งขวาที่อยู่ตรงข้ามกับฝั่งที่เราดูเป็นจุดแรกเมื่อกี้

ก็จะได้วิวเกาะต่างๆเยอะหน่อย

มุมมองนี้ดูสวยดี เห็นวิวข้ามเขาไปอีกหลายลูกเลย

ส่วนนี่คงจะเป็นเมืองยะชิมะ เป็นเมืองใหญ่กว่าที่คิดนะเนี่ย

ครั้งหนึ่งที่ได้มาชมวิวที่เขายะชิมะ

หลังจากเดินชมวิวจบรอบเส้นทางชมวิวแล้ว ก็กลับไปขึ้นรถบัสที่หน้า club house ตามรอบที่ตั้งใจไว้ก็คือ 13.05 น. กลับลงมาถึงหน้าสถานี Yashima เวลา 13.22 น. ตรงเวลาเป๊ะมาก! หน้าสถานีมีป้ายกระจกรูปเกาะชิโกกุอีกแล้ว

ต่อไปก็นั่งรอรถไฟ JR สาย Kotoku Line ที่จะนั่งไปลงสถานี Ritsurinkoen-kitaguchi เพื่อจะไปชมสวนริทสึรินต่อ

รอบรถไฟที่จะมาถึงคือ 13.39 น. ยืนรอตากแดดรับลมไปก่อนละกัน 555+

มีรถไฟ Limited Express Usushio ผ่านมาก่อน 1 คัน ไปไม่ได้เพราะมันไม่จอดสถานี Ritsurinkoen-kitaguchi

ใช้เวลา 12 นาทีก็มาถึงสถานี Ritsurinkoen-kitaguchi แล้ว

ชานชาลาดูไร้มากๆ ไม่มีอะไรเลย แถมเป็นรางฝั่งเดียวด้วยนะ รถขาไปขากลับวิ่งรางเดียวกันสลับกันมา

จากสถานีรถไฟ เดินลงมาตามทางเพียง 5 นาทีก็จะถึงทางเข้าสวนริทสึรินฝั่งเหนือ

ถึงทางเข้าสวนริทสึรินแล้ว ชื่อสวนนี่เราชอบเรียกมันว่า "ฤทธิ์ สุรินทร์" ฟังดูคล้ายชื่อนักสนุ้กเกอร์มั้ย? 555+

ป้ายโปรโมทและแจ้งข่าวสารวันเวลาเปิด-ปิดทำการของสวน วิวในป้ายนั่นคือไฮไลท์ของสวนริทสึรินแห่งนี้เลยนะ!

สวนริทสึรินนี้เสียค่าเข้าชม 400 เยน

ว่าแล้วก็มาเริ่มต้นเดินชมสวนกันได้เลย

เรามาในช่วงที่ดอกไม้ยังไม่บานมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะซากุระนี่ยังตูมเป็นเม็ดติ่งอยู่เลยด้วยซ้ำ

อันนี้ดอกบ๊วยที่ไม่สวยเท่าไหร่ น่าจะเพราะล่วงเลยช่วงเวลาบานของมันไปแล้ว

แต่ก็ยังพอมีดอกสวยๆให้พอได้ชื่นชมอยู่นะ

ในสวนมีต้นบอนไซสวยๆเพียบเลย สมกับเป็นหนึ่งในสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยติดอันดับของประเทศ

เดินไปตามเส้นทางในแผนที่ มีให้เลือกทั้ง route แบบ 30 นาที และแบบ 60 นาที เราเลือกแบบหลัง อยากเดินนานๆ

ม้านั่งที่จุดถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกลางสวน

23 มี.ค. 2014 เรามาเยือนสวนริทสึรินแล้วนะ

ิยังเหลือไฮไลท์อีกเพียบ ไปดูต่อกันเลยๆ

เดินตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ดูร่มรื่นดีจัง

ปลาโค่ยว่ายแหวกกันใหญ่ ปลาชุมมากๆเลยบึงแห่งนี้

เดินไปตามทางข้ามสะพานไปเรื่อยๆ

ตามทางก็จะมีจุดที่เป็นร้านค้าให้คนได้นั่งพักนั่งทานของว่างกัน แล้วก็มีจุด stamp สะสมด้วยนะ

ตรงนี้เป็น Tea House แลดูเก่าแก่ คล้ายๆแต่ก่อนที่จะเป็นสวนแบบนี้มีแขกไปใครมาเดินทางผ่านร้านค้านี้ก็จะแวะดื่มชาพักผ่อนก่อนเดินทางต่อ

ดูจากสภาพน่าจะเป็นแค่พิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม ไม่ได้เปิดใช้งานจริงในปัจจุบัน

เดินตามเสียงน้ำตกมาอีกนิดก็เจอน้ำตกเล็กๆแต่เสียงน้ำตกนั้นดังก้องชัดเจนมาก ได้ยินไปในระยะไกลด้วย

เดินไปตามทางเรื่อยๆ เส้นทางวกไปวนมาดีเหลือเกิน..

มาถึงร้านนั่งดื่มชาริมบึงน้ำแล้ว ถ้าจะเข้าไปก็ต้องเสียค่าเข้าใช้บริการด้วย เดี๋ยวจะเสียเวลาเที่ยวเราก็เลยไม่ได้เข้าล่ะ

วิวด้านหน้าร้านน้ำชา มีหินสวยงามมากมาย

เดินเลาะบึงน้ำต่อไปตามทาง

ยังมีไฮไลท์สำคัญของสวนที่เรายังเดินไปไม่ถึงอีกหลายจุดเลยนะ

บึงน้ำนี้สามารถใช้บริการล่องเรือได้ด้วยนะ ไปต่อคิวที่ท่าเทียบเรือได้เลย แต่ก็..รอนานหน่อยนะ 555+

เดินมาตามทางริมบึงเรื่อยๆ

น้ำเขียวดีจังแฮะ ยังกะสีมรกตเลยทีเดียว

ภาพเงาที่สะท้อนกับผืนน้ำในบึงนั้นสวยมากๆเลย

เรียกว่ามาเดินเล่นที่สวนริทสึรินนี้เราได้ถ่ายรูปแบบโคตรเพลินเลยจริงๆ

เดินมาถึงบริเวณร้านค้าใกล้ๆกับสะพานที่เป็นไฮไลท์ของสวนนี้ คนก็เยอะเป็นพิเศษ

อ๊ะ! นั่นไงๆ เราเดินมาถึงสะพานกลางบึงน้ำที่เป็นไฮไลท์ของสวนริทสึรินแห่งนี้แล้ว

พอขึ้นไปถ่ายบนเนินเขาจะสวยมากๆ ตรงนี้เป็นจุด view point ที่ดีที่สุดที่หนึ่งในเกาะชิโกกุด้วย

และเราก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก็ไฮไลท์สำคัญขนาดนี้ซิ!

ว่าแล้วก็ลองเดินข้ามสะพานดูหน่อยซิ!

เดินข้ามสะพานไปตามทางแล้วเดินวนให้ครบ จริงๆมันมีเส้นทางอุโมงค์ซากุระด้วยนะ แต่ช่วงที่เรามานี่มันยังไม่บานเลยไร้ความหมาย จบเส้นทางนี้ก็ได้เวลาเดินกลับละ

เกือบจะเลยเวลารอบรถไฟ ตอนขากลับเลยต้องรีบเดินจ้ำอ้าวกลับมายังสถานี Ritsurinkoen-kitaguchi มาถึงก่อนเวลารถไฟมาแค่ 1-2 นาทีได้ เฉียดฉิวมาก

มีตารางรอบรถทั้งขาไปขากลับอยู่หน้าสถานีด้านล่างของสถานีด้วย

อันนี้เป็น vending machine สำหรับกดซื้อตั๋วรถไฟที่สถานีนี้

รถไฟมาถึงเวลา 15.50 น. เลทไปตั้งนาทีกว่าแน่ะ ไหนว่าตรงเวลานักหนาไง 555+

ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเราก็กลับมาถึงสถานี Takamatsu แล้ว ต่อไปจะเดินเล่นชมเมืองแถวนี้อีกซักหน่อยก่อนจะมุ่งหน้าไปยังย่านการค้าของเมืองล่ะ

หอนาฬิกาแดดที่อยู่ด้านหน้าของโรงแรม JR Takamatsu Hotel

เดินออกจากสถานีรถไฟตรงมาตามทางเรื่อยๆ ข้ามถนนก็จะถึงหน้าซากปราสาททะคะมัทสึ ปัจจุบันภายในก็มีอาคารสำนักงานเขตตั้งอยู่ พร้อมกับพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ต้องเสียค่าเข้าชมด้วย

Historic Site Takamatsu Castle Ruins

เดินเลาะไปทางด้านซ้ายติดถนนริมทะเล เลาะกำแพงปราสาทไป

เจอหอสังเกตการณ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ของปราสาททะคะมัทสึ

ป้ายยินดีต้อนรับสู่คะกะวะ จังหวัดใหญ่ที่เมืองทะคะมัทสึตั้งอยู่

ข้ามถนนไปริมทะเล ตรงนี้เป็นสถานีท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ สามารถโดยสารข้ามเกาะได้ มีทั้งกลับไปยังเกาะฮอนชูและเกาะเล็กเกาะน้อยแถวๆนี้

แผนที่ของบริเวณท่าเรือประจำเมืองทะคะมัทสึ

ท่าเรือริมทะเล ลมแรงและเย็นมากๆเลย

มีเรือที่กำลังจะออกจากท่าพอดี

เดี๋ยวต่อไปเราจะเดินมุ่งหน้าไปยังย่านการค้าของเมืองทะคะมัทสึและ ก็เดินตรงดิ่งมาตามทางถนนเส้นหลัก(สีเหลือง)ดูไม่ไกลเท่าไหร่นักถ้าจะเดินไป

กลับมาเดินผ่านหน้าทางเข้าสวนปราสาททะคะมัทสึ

ฝาท่อที่เมืองทะคะมัทสึ

มีแปลงดอกไม้สวยๆระหว่างทางเดินด้วย

ถ้าคุณแม่เรามาด้วยต้องชอบใจแน่ๆเพราะคุณแม่เราเป็นคนที่ชอบดอกไม้มากๆ งั้นก็เลยถ่ายรูปส่งไปให้คุณแม่ทางไลน์ซะหน่อย 555+

หน้าสถานีรถไฟ Kotoden ที่เป็นรถไฟเอกชนท้องถิ่นของทะคะมัทสึ

แปลงดอกไม้จิ๋วหน้าสถานีรถไฟ

เดินข้ามถนนต่อไปตามทางเรื่อยๆ ใกล้จะถึงแล้วล่ะ

มาถึงถนนย่านการค้าแล้ว ย่านการค้าที่นี่ชื่อว่า "เฮียวโกมะจิ"

เดินเล่นที่ย่านการค้าของเมือง ส่วนใหญ่ของที่เราซ์้อจะหนักไปทางของกิน 555+

โถงตรงนี้เก๋ๆมาก เหมือนเป็นห้างแบบเปิดอ่ะ มีร้านค้าดังๆอยู่เยอะเลย

โดมหลังคาข้างบน สวยมากๆ ถ้าแสงอาทิตย์ยามใกล้ตกส่องมานะ จะงามโคตรๆเลย

เดินเล่นอยู่สักพักก็หาที่นั่งกินขนมที่ซื้อมา สักพักก็ได้เวลากลับไปที่สถานี Takamatsu เดี๋ยวจะนั่งรถไฟกลับโอคะยะมะ

เพิ่งสังเกตว่าสถานี Takamatsu มันกำลังยิ้มอยู่!

ยิ้มคู่กันหน่อยซิ 555+

เตรียมตัวกลับโอคะยะมะแล้วจ้า เดินเข้ามาในสถานีรถไฟแล้ว

ตอนแรกเราจองรถไฟรอบ 2-3 ทุ่มไว้ แต่อยากกลับแล้วก็เลยจะไปจองที่นั่งรถไฟถัดไป แต่ว่าจองรอบรถไฟที่กำลังจะออกรถไม่ทัน เลยต้องรีบไปแย่งชิงนั่งที่ non-reserved เอาเอง แต่เท่าที่เห็น เรามาแต่เนิ่นๆก็คงได้นั่งอยู่แล้วล่ะ (จริงๆคนนั่งกลับโอคะยะมะเยอะนะ มีคนต้องยืนตลอดทางข้ามสะพานข้ามเกาะด้วยล่ะ) ใช้เวลา 1 ชั่วโมงก็กลับถึงโอคะยะมะอย่างปลอดภัยไกลกังวล

กลับมาถึงโอคะยะมะในเวลาที่ฟ้ามืดอีกวัน

วันนี้ขอจัด Saizeriya ซะหน่อย เล็งมาตั้งแต่วันแรกแล้ว

เบิ้ลสองเป็นกำลังสำหรับวันต่อๆไป มื้อสุดท้ายสำหรับที่โอคะยะมะแล้วซิ 555+

พรุ่งนี้จะต้องลากกระเป๋าเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป ก็คือ "ฮิโรชิม่า" นั่นเอง จองรถไฟไปฮิโรชิม่าไว้ตั้งแต่ 2 วันก่อนและ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ที่ฮิโรชิม่านะทุกคน

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page