top of page

2014.03.25 Japan Trip #6 Day5 Part1 - Iwakuni


วันที่ 5 ของทริป วันนี้ยังอยู่ที่แถบจูโกกุก่อนจะเข้าคิวชูพรุ่งนี้ วันนี้เรามีแพลนไปเที่ยวที่สะพานคินไตเคียวที่เมืองอิวะคุนิ ก่อนจะกลับมาลุยเก็บที่เที่ยวในฮิโรชิม่าแถวๆ Peace Park ต่อ ซึ่งก็ต้องคอยลุ้นฟ้าฝนด้วยใจระทึก คือไม่รู้ว่าฝนมันจะตกลงมาตอนไหนเลย แต่พยากรณ์อากาศที่นี่บอกว่าตกช่วงบ่ายๆเย็นๆ ดังนั้นก็รีบๆเที่ยวให้เยอะที่สุดจนกว่าฝนจะตกตามพยากรณ์ก็แล้วกันนะ

ตื่นแต่เช้าเช่นเคย ตื่นเช้าทุกวันมันก็มีบ้างที่จะป้อแป้ง่วงหงาวหาวนอนบ้าง 555+

กองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ ในเมื่อที่โรงแรมนี้เค้า include breakfast มาให้ ก็ต้องใช้สิทธิ์กันหน่อย อาหารเช้าแบบเรียบง่ายตามสไตล์โรงแรมเกรด 3 ดาว เคยกินลักษณะนี้ที่อะโอโมริมาแล้ว เราว่ามันก็โอเคดีนะ ง่ายดี

ตักแบบนี้มากิน 2 รอบล่ะ ยากิอุด้ง ไข่ม้วน ข้าวปั้นสาหร่าย น้ำส้มคั้นอีก 2 แก้ว

กินอิ่มแล้วก็ออกเดินทางได้!

เดินแป๊บเดียวไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงสถานี Hiroshima เข้าสู่สถานีรถไฟชินคังเซ็นเรียบร้อย ถึงแม้ว่าจะไปแค่ใกล้ๆคืออิวะคุนินั้นอยู่ห่างจากฮิโรชิม่าแค่สถานีชินคังเซ็นเดียวก็ตาม แต่เราก็นั่งชินคังเซ็น! ในเมื่อมี JR Pass อยู่แล้วก็ต้องใช้ให้คุ้มเนอะ จะไปทนนั่งรถไฟ JR ธรรมดาให้เสียเวลาเป็นชั่วโมงทำไม ในเมื่อนั่งชินคังเซ็นใช้เวลาแค่ 15 นาทีถึง รอบรถไฟที่เราจะนั่งเช้านี้คือ Shinkansen Hikari 441 ที่ออกจากสถานี Hiroshima เวลา 8.02 น. ไปถึงสถานี Shin-Iwakuni เวลา 8.16 น.

นั่งรถไฟชนิดเบาะยังไม่ทันอุ่นก็มาถึงสถานี Shin-Iwakuni แล้ว ขอเสริมนิดนึงคือการนั่งรถไฟมาเที่ยวที่เมืองอิวะคุนินั้น นั่งได้ 2 อย่างคือ รถไฟชินคังเซ็นมาลงที่สถานี Shin-Iwakuni ซึ่งเป็นสถานีเฉพาะชินคังเซ็นก็ได้ หรือจะนั่งรถไฟ JR ธรรมดามาลงที่สถานี Iwakuni ซึ่งเป็นคนละสถานีกับที่นี่ก็ได้ ซึ่งการนั่งชินคังเซ็นใช้เวลาแค่ 15 นาที แต่ถ้านั่ง JR ธรรมดาจากฮิโรชิม่ามาจะใช้เวลาถึง 50 นาทีเชียวนะ ก็ขึ้นกับแพลนเที่ยวของแต่ละคน การที่จะนั่ง JR ธรรมดามา ส่วนมากจะเป็นคนที่แพลนไปเที่ยวมิยะจิมะก่อน แล้วนั่งรถไฟ JR สาย Sanyo Line จากมิยะจิมะมาที่นี่ หรือกลับกันคือนั่งชินคังเซ็นเพื่อมาลงที่ชินอิวะคุนิ แต่ขากลับจะแวะเที่ยวมิยะจิมะ ก็นั่งรถไฟ JR สาย Sanyo Line นั้นไปลงที่มิยะจิมะต่อก็ได้ สำหรับเราจริงๆเลือกจะนั่งชินคังเซ็นทั้งไปและกลับ แต่ขากลับยังไม่ชัวร์ว่าจะได้นั่งชินคังเซ็นมั้ย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเที่ยวน่ะ ตามตรงคือรอบชินคังเซ็นที่ผ่านสถานี Shin-Iwakuni นั้นมีน้อยคือแบบมาชั่วโมงละขบวนเลย ต่างจากรถไฟ JR ธรรมดาที่มาถี่กว่ามาก ถ้าเที่ยวเสร็จเร็วแล้วจะต้องไปนั่งรอชินคังเซ็นมาก็ใช่เรื่อง ก็อาจจะเปลี่ยนใจเลยไปขึ้นรถไฟ JR กลับฮิโรชิม่าเอาก็ได้

ชานชาลาดูว่างเปล่ามากๆ ไม่มีคนขึ้นลงรถไฟเลย สถานีบ้านนอกสุดๆ.. สงสัยว่ามันมีสถานีชินคังเซ็นได้ยังไงหว่า

เดินลงมาภายในสถานี ร้างมากๆจนแอบกลัว..

มีรูปสะพานคินไตเคียวที่ผนังในสถานีด้วย เป็นการโปรโมทสัญลักษณ์ของเมืองนี้สุดๆ และก็ใช่ที่เราก็มาเที่ยวที่สะพานคินไตเคียวนี่ล่ะ

แผงผังของเมืองอิวะคุนิ ดูเป็นเมืองเล็กๆ(เล็กจริงๆ)

เดินออกมาที่ข้างหน้าสถานี Shin-Iwakuni

จากสถานี Shin-Iwakuni เราจะเดินทางไปสะพานคินไตเคียวด้วยรถบัส ใช้เวลานั่งรถประมาณ 15 นาทีล่ะ

ป้ายรถบัสอยู่ข้างหน้าสถานีเลย เดินข้ามถนนมาๆ

ป้ายรถจะบอกตารางเวลาที่รถบัสมาจอดรับผู้โดยสาร เค้าเขียนบอกไว้ว่ารถบัสที่ผ่านป้ายหน้าสถานี Shin-Iwakuni ทุกคันจะผ่านสะพานคินไตเคียวอยู่แล้ว ดังนั้นรถบัสคันไหนมาจอดที่ป้ายนี้ก็สามารถขึ้นได้เลย ที่ป้ายหมายเลข 1 นี้นะ

ระหว่างรอรถบัสมารับ มองออกไปนี่ยังกะเมืองร้าง เข้าใจว่าความเจริญของเมืองนี้มันอยู่ค่อนไปทางสถานี Iwakuni (JR) มากกว่าที่จะเป็นสถานี Shin-Iwakuni (ชินคังเซ็น)

รถบัสมารับแล้วจ้า ขึ้นรถได้เลยๆ

พอขึ้นรถบัสมา สิ่งแรกที่จะต้องทำคือหยิบตั๋วบอกเรทราคาค่าโดยสาร ซึ่งมันจะยื่นบัตรขาวๆออกมาให้หยิบก็ต่อเมื่อคนขับรถเปิดประตูให้ขึ้นเท่านั้น สำหรับรถโดยสารที่มีเรทราคาตามระยะทางแล้วก็จำเป็นที่จะต้องหยิบนะ (สำหรับรถโดยสารที่เหมาระยะทางทุกป้ายราคาเดียวก็ไม่ต้องหยิบ)

เมื่อหยิบบัตรมาแล้ว บัตรเรทราคามีความสำคัญอย่างไร? ที่ด้านหน้ารถบัสจะมีจอสีดำบอกเรทราคาค่าโดยสารอยู่ เวลาดูก็ให้ดูว่าหมายเลขในบัตรเราเป็นเบอร์อะไรและที่จอมันขึ้นว่าเบอร์นี้ต้องจ่ายค่าโดยสารเท่าไหร่ ก็ให้เราจ่ายค่าโดยสารตามนั้นเลย อย่าลืมว่าต้องจ่ายให้พอดีนะ (ถ้ามีเงินไม่พอดีก็ต้องไปหยอดแตกเหรียญแตกแบงค์ก่อนเช่นที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วในทริปก่อนหน้านี้) สำหรับเราที่นั่งไปลงหน้าสะพานคินไตเคียว ค่าโดยสารราคา 280 เยนล่ะ

ภายในรถบัส สังเกตดูจะมีจอสีดำที่มีตัวเลขบอกเรทราคาค่าโดยสารอยู่ตามที่บอกเลย เป็นแบบนี้ทุกเมืองทั่วญี่ปุ่นนะ จำเอาไปใช้ได้เลยๆ

วิวรอบเมือง เท่าที่นั่งรถบัสผ่านนี่ แถวนี้มันเป็นโรงงานทั้งนั้นเลย มีทั้งโรงงานทำท่อ,ทำคอนกรีต,ยางรถยนต์ บลาๆๆ

พอถึงป้ายสะพานคินไตเคียวก็กดกริ่งลงทันที ใช้เวลา 15 นาทีก็มาถึง เรามองหาป้ายรถบัสทั้งสองฝั่งถนนไว้เผื่อใช้ตัดสินใจในการเดินทางกลับด้วย กันไว้ก่อนๆ

ข้ามถนนมาอีกฝั่งนึง เห็นสะพานคินไตเคียวอยู่ฝั่งตรงข้ามละ นี่เรามาถึงก่อน 9 โมงเช้าซะอีก คนเลยโล่งมากๆ เดินถ่ายรูปได้อย่างสบายใจ

ถึงแล้ว! สะพานคินไตเคียว สะพานไม้ที่มีเอกลักษณ์คือเป็นรอน 5 โค้ง

สะพานคินไตเคียวนี้เคยชำรุดไปตอนน้ำท่วมใหญ่เมื่อประมาณ 20 ปีก่อนด้วยรอบนึง ต้องปิดปรับปรุงอยู่พักใหญ่เลยล่ะ ช่วงนี้แม่น้ำนิชิกิเป็นช่วงน้ำแล้ง สามารถเดินลุยน้ำเล่นได้สบายเลย

เสียดายตรงที่ซากุระที่อยู่ริมตลิ่งของแม่น้ำนี้มันยังไม่บาน ไม่งั้นรูปข้างบนนี้คงจะเต็มไปด้วยสีชมพูของซากุระไปแล้ว

หลังสะพานคินไตเคียวนี้มีภูเขาอยู่ลูกนึงคือภูเขาชิโระยะมะ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นอะไรตั้งอยู่บนภูเขานั้นด้วย!

นั่นก็คือ ปราสาทอิวะคุนิ นั่นเอง!

การจะขึ้นเขาคงจะเดินไม่ไหวแน่ๆ เค้าจึงมี ropeway สำหรับบริการให้ขึ้นไปข้างบนอยู่ล่ะ

ก่อนจะข้ามสะพานไป ขอลงไปเดินถ่ายสะพานคินไตเคียวจากมุมด้านล่างบ้าง

ตรงนี้เป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมของที่นี่สินะ!

ค่าเข้าชมที่นี่เค้ามีโปรโมชั่นอยู่ คือมีตั๋วแบบ combination ticket ขายเลย มันคือรวมค่าเดินชมสะพาน + ค่า ropeway แบบ round trip + ค่าเข้าชมปราสาทอิวะคุนิ ราคาเพียง 930 เยนเท่านั้น!

แพลนการเที่ยวที่นี่ก็ตามนี้เลย เดินข้ามสะพานคินไตเคียว แล้วก็เดินผ่านสวนกิกโกะ ก่อนจะไปขึ้น ropeway เพื่อเข้าชมปราสาทอิวะคุนิบนยอดเขา

จ่ายค่าตั๋วเรียบร้อยแล้ว ไปลุยกันเลย!

เดินข้ามสะพาน ลมพัดเย็นสบายดีจัง วิ่งขึ้นวิ่งลงแต่ละรอนสนุกดีนะ 555+

บรรยากาศตอนเดินเล่นบนสะพานคินไตเคียว

หลังจากข้ามสะพานและเดินผ่านย่านร้านค้ามาแล้ว เริ่มเดินเข้าสู่สวนกิกโกะ

เดินผ่านรูปปั้นของท่าน Kikkawa Hiroyoshi ผู้ที่เคยปกครองที่นี่ก่อน

ริมทางเดินข้างๆรูปปั้นมีซากุระอยู่หลายต้นเลย นี่คือซากุระแรกของทริปนี้ที่เราเห็นเลยนะ!

หลายๆต้นก็กำลังเริ่มบานได้ไม่กี่วันมานี้เองด้วย

สงสัยเกสรของพันธุ์ที่มีสีชมพูจะมาผสมกับพันธุ์ดอกสีขาว เลยออกมาสีผสมๆแบบนี้ ดอกขาวติดสีชมพูนิดๆ

เห็นซากุระแรกของทริปนี้มันก็แอบตื่นเต้นไม่น้อย

ส่วนสีขาวนี่เหมือนจะบานพีคเต็มที่แล้วนะ

ซากุระนี่ ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งก็มีความสุขจริงๆ

เดินไปตามทางเดินด้านขวากันต่อ

ตรงนี้คือ Kikkawa Museum ที่เหมือนจะยังไม่ถึงเวลาเปิดให้เข้าชม

เดินผ่านมาตามทางในสวนกิกโกะเรื่อยๆ

มีน้ำพุอยู่ในสวนนี้ด้วยแฮะ

น้ำพุมันไม่ได้ฟิกอยู่กับที่นะ หัวสปริงเกอร์มันมีการขยับขึ้นๆลงๆด้วย เจ๋งดี

เดินมาเรื่อยๆก็มาถึงสถานี ropeway จนได้

ข้างหน้าสถานี ropeway ถ้ายังไม่ได้ซื้อตั๋ว ropeway ก็สามารถมาซื้อที่นี่ได้นะ

รอบเวลาของ ropeway ที่นี่จะออกทุกๆ 20 นาที เปิดบริการตั้งแต่ 9.00 - 17.00 น.

กระเช้าพร้อมรออยู่แล้ว แค่รอเวลาขึ้นไปเท่านั้น เจ้าหน้าที่ทำงานแข็งขันมากนะ ต้องมีการเช็คแล้วตะโกนออกเสียงด้วย แบบ "ปิดประตู! ล๊อคเรียบร้อย! ปล่อยได้!" ประทับใจๆ

ขึ้นกระเช้ามาแล้วๆ ระหว่างกระเช้าลอยขึ้นไปเรื่อยๆก็มองวิวรอบข้างไปพลางๆ

เริ่มเห็นวิวเมืองทีละนิดๆ

มองเห็นสถานี ropeway ด้านบนแล้วๆ

ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็ขึ้นมาถึงข้างบนแล้วจ้า เร็วมาก! เขาเตี้ยๆเองนี่เนอะ

ที่นี้ก็เดินไปตามทางไปสู่ปราสาทอิวะคุนิ ดูตามแผนที่และป้ายบอกทางรับรองว่าไม่หลง หรือไม่ก็เดินตามคนข้างหน้าไปก็ได้นะ ไปจุดหมายเดียวกันแน่นอน

เดินไปตามทางเรื่อยๆ เห็นวิวเขาแล้วอดคิดไม่ได้ว่าถ้าผลักคนร่วงลงไปแล้วจะรอดคดีไปได้สักกี่วัน 555+

เดินตามทางมาเรื่อยๆก็ถึงแล้วจ้า ปราสาทอิวะคุนิ

เป็นอีกหนึ่งปราสาทที่เราได้มีโอกาสมาเยืนในทริปนี้เช่นกัน

ถึงแม้ฟ้าจะหม่นไปนิด แต่ปราสาทก็สง่างามอยู่ดี ปราสาทอิวะคุนิเป็นปราสาทหลังน้อยที่ตั้งอยู่บนภูเขาชิโระยะมะ มีอายุ 400 กว่าปีแล้ว

ยื่นบัตรเข้าชมปราสาทให้เจ้าหน้าที่แล้วก็เข้าไปกันเลย! ภายในก็จัดโซนเหมือนปราสาทอื่นๆ เดินไล่ดูประวัติของปราสาทและของเมืองซึ่งมีภาษาอังกฤษให้อ่านด้วยนะ

แล้วก็ขึ้นไปชมวิวที่ชั้นบนสุดต่อ

สามารถชมวิวเมืองได้รอบๆเลย เมืองใหญ่เหมือนกันนะ แล้วความเจริญมันอยู่ฝั่งสถานี Iwakuni ตามที่เราคิดไว้จริงๆด้วย

วิวบนนี้มองเห็นสะพานคินไตเคียวได้ด้วย ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยไม่แพ้ใครเลย

มาชมวิวจากบนนี้ด้วยกันมั้ย?

เดินกลับมาเตรียมตัวลงจากเขาไปตรงหน้าสถานี ropeway มีหอนาฬิกาชิโระยะมะ มันจะมีเพลงดังด้วยล่ะ

เจอเด็กอนุบาลกลุ่มใหญ่มาทัศนศึกษา ว่าแต่น้องมาชมปราสาทหรือจะมาเล่นสนามเด็กเล่นครับ? 555+

สถานี ropeway ข้างบนเขาชิโระยะมะ

นั่งรอเวลากระเช้าออก อีกประมาณ 15 นาที

ระหว่างนี้ก็ยืนถ่ายรูปวิวเมืองจากตรงนี้ไปพลางๆ

ขึ้นกระเช้ากลับลงมาข้างล่าง แล้วเราก็เดินผ่านสวนกิกโกะไปยังย่านร้านค้าหน้าทางเข้าสวน

บริเวณหน้าทางเข้าสวนกิกโกะ จะมีร้านซอฟท์ครีมร้อยรสตั้งอยู่ เป็น recommend ของที่นี่เลยด้วยนะ! มีตั้งร้อยรสสลับหมุนเวียนรสจับคู่กันไปต่างๆนานา

เดินไปต่อแถวซื้ออย่างไม่ต้องลังเล จะลังเลก็คงเลือกรสที่จะกินไม่ถูกเพราะเยอะเกิน 555+

ซื้อรสช๊อกโกบานาน่ามากิน ราคา 350 เยน

กลัวหิวเลยซื้อโคร๊อกเกะมากินด้วยอีกอย่าง ราคาชิ้นละ 150 เยน

กินของว่างอิ่มแล้วก็ได้เวลากลับและ รีบทำเวลาเที่ยวก่อนที่ฝนจะตกดีกว่า ฟ้าก็ครื้มๆอยู่ด้วย เดินกลับมาผ่านทางสะพานคินไตเคียวอีกครั้งเป็นการทิ้งทวน ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาเที่ยวใหม่นะ

เดินกลับมารอรถบัสที่ป้ายตรงฝั่งที่นั่งมาลงนั่นล่ะ ตรงป้ายรถมันบอกไว้ว่ามีรถบัสลวดลายต่างๆกันตามแต่ละสายด้วยนะ สวยดีๆ

สรุปแล้วเราเลือกไปขึ้นรถไฟ JR ธรรมดากลับฮิโรชิม่าที่สถานี Iwakuni เพราะถ้าจะไปชินคังเซ็นมันกระชั้นรอบรถไฟเกินไป รถบัสที่ผ่านสะพานคินไตเคียวไปถึงสถานีนั้นทุกคันอยู่แล้ว รถสีอะไรมาก็ขึ้นได้เลย

จากป้ายหน้าสะพานคินไตเคียวไปถึงหน้าสถานี Iwakuni เสียค่ารถ 240 เยน

ใช้เวลาราวๆ 15 นาทีก็มาถึงสถานี Iwakuni แล้วล่ะ

ลงรถบัสที่ป้ายหน้าสถานีรถไฟ

ที่นี่มีข้อมูลรถบัสตามป้ายเช่นกันนะ ถ้าเราแพลนนั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Iwakuni แล้วจะนั่งรถบัสไปสะพานคินไตเคียวก็สามารถดูข้อมูลที่ป้ายรถบัสได้ ไม่ต้องกลัวหลง

มาถึงสถานี Iwakuni แล้ว เตรียมไปลุยเที่ยวต่อ

เดี๋ยวเราจะต้องนั่งรถไฟกลับไปที่ฮิโรชิม่าเพื่อเที่ยวเมืองในช่วงบ่ายกันต่อ เอาไว้ว่ากันใน Part 2 จ้า

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page