top of page

2014.03.26 Japan Trip #6 Day6 Part2 - Fukuoka


หลังจากใน Part 1 เราได้เดินทางไปเที่ยวที่เมืองดะไซฟุที่เป็นเมืองเก่าแก่มาแล้ว ช่วงบ่ายเรากลับมาเที่ยวต่อในเมืองฟุคุโอกะ เรามีแพลนไปชมซากุระบานที่สวนโอโฮริและสวนไมสุรุ หลังจากนั้นก็จะไปชอปปิ้งต่อที่ห้าง Canal City ก่อนจะไปถ่ายรูปเล่นที่ Fukuoka Tower ในตอนกลางคืน

การเดินทางภายในเมืองของที่ฟุคุโอกะนี้ เราเลือกใช้บริการรถไฟใต้ดินล่ะ เพราะหลายๆที่ที่จะไปนั้น การนั่งรถไฟใต้ดินไปจะสะดวกที่สุด

สายรถไฟทั้งหมดในเมืองฟุคุโอกะมีตามในรูปนี้ รถไฟใต้ดินที่เราจะนั่งตลอดบ่ายยันค่ำนี้คือรถไฟ Fukuoka City Subway สาย Kuko Line

เดินมาถึงทางลงไปสถานีรถไฟใต้ดิน ตอนแรกมองหาป้ายยากซะหน่อย กว่าจะเจอ 555+

สถานีรถไฟใต้ดิน Hakata

แน่นอนว่านั่งทั้งวัน ซื้อบัตร one day pass ราคา 600 เยนจะประหยัดที่สุด เพราะรถไฟเที่ยวนึงก็เริ่มต้นที่ราคา 190 เยนแล้ว

ยืนรอรถไฟที่ชานชาลา

แป๊บเดียวรถไฟก็มาแล้ว รอบรถมีถี่มาก

ภายในรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็ดูคล้ายกับรถไฟใต้ดินในภูมิภาคอื่นๆของญี่ปุ่นนะ

จากสถานี Hakata นั่งมาสักพักก็ถึงสถานี Ohorikoen แล้ว

เดินออกตามป้ายบอกทาง เราจะมุ่งหน้าไปสวนโอโฮริและสวนไมสุรุเพื่อชมซากุระ!

ขอดูแผนที่ให้ชัวร์อีกหน่อย กลัวหลงทิศ 555+

จากสถานี Ohorikoen นั้น ทางเข้าสวนโอโฮริอยู่ข้างหน้าเลย

เดินตรงเข้าไปตามทางเดินภายในสวน ปรากฏว่าฝนเริ่มโปรยลงมาอีกครั้ง แย่แล้ว! ซากุระจ๋า..

ตรงเกาะกลางๆทะเลสาบนั่นมีสะพานเดินข้ามไปได้ด้วยนะ

มีเรือเป็ดให้เช่าใช้บริการด้วยนะ

มีสนามเด็กเล่นด้วย ส่วนศาลาข้างๆนั่นคนมาขอหลบฝนชั่วคราว

ภายในสวนโอโฮริมีร้าน Starbucks อยู่ด้วยล่ะ ช่วงนี้มีเครื่องดื่มประจำซีซั่นก็คือ Creamy Vanilla with Lemony Swirl ให้ลิ้มลองกันด้วย

เค้าบอกว่าร้าน Starbucks สาขานี้สร้างขึ้นด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติทั้งหลังเลยด้วยนะ

นั่งดื่มท่ามกลางฝนที่โปรยปราย ก็ถือเป็นการหลบฝนที่ดีนะ..

หลังจากนั่งพักดื่ม Starbucks หมดแก้วแล้ว ก็ได้เวลาไปดูซากุระกันต่อละ ถึงแม้ฝนจะยังคงตกโปรยปรายลงมาก็ตาม

ทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ เป้าหมายเสริมของเราคือชมซากุระที่เกาะคิวชูนี่ล่ะ วันนี้ล่ะนะที่จะได้เจอซากุระซะที

เราเดินจากสวนโอโฮริไปทางสวนไมสุรุซะก่อน เพื่อจะได้เดินเป็นวันเวย์กลับมาขึ้นรถไฟใต้ดินได้ กางร่มเดินไปตามทางก็มาถึงบริเวณซากกำแพงปราสาทฟุคุโอกะแล้ว

ได้เห็นซากุระบานของคิวชูแล้ว! ถึงแม้ฝนจะยังคงตกลงมาไม่ขาดสายก็ตาม

ที่สวนปราสาทไมสุรุนี้จะมีเทศกาลชมซากุระเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ มาเร็วไปวันนึงแถมฝนตกอีกต่างหาก

เดินผ่านอุโมงค์ซากุระทามกลางฝน ต้องเดินระวังๆหน่อยเพราะที่พื้นเป็นดินเลนเลอะๆ

เป็นอุโมงค์ซากุระที่สวยมากเลยนะ แต่..เมื่อไหร่ฝนจะหยุดซะทีล่ะ!?

กางร่มถ่ายรูปกันต่อไป 555+

ซากุระที่เปียกปอน

ริมซากกำแพงปราสาทนี่มีต้นซากุระเป็นร้อยๆต้นเลย

จริงๆจะมีทางเดินขึ้นไปยังบริเวณซากปราสาทข้างบน แต่ฝนมันตกเราเลยไม่ขึ้นไปน่ะ อยู่ถ่ายรูปแค่บริเวณด้านล่าง

เสียดายที่กำลังบานสวยแท้ๆ ไม่น่ามีฝนตกเลยเนอะ..

กางร่มถ่ายรูปกันต่อไป 555+

เราเดินเล่นถ่ายรูปอยู่ตรงสวนไมสุรุอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ และแล้วในที่สุดฝนก็หยุดตก!

ในที่สุดก็ได้สัมผัสกับซากุระในแบบที่ควรจะเป็นซะที

จากนั้นเราเดินผ่านซากปราสาทฟุคุโอกะวนกลับไปทางสวนโอโฮริอีกครั้ง

ที่สวนโอโฮริก็มีซากุระสวยๆให้เดินชมเช่นกัน เทศกาลชมซากุระจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ด้วย

ซากุระต้องคู่กับแดดและฟ้าที่แจ่มใสแบบนี้สิ!

เดินเล่นถ่ายรูปซากุระจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาชอปปิ้งกันต่อละ! เดินกลับไปขึ้นรถไฟใต้ดิน

เข้ามาในสถานี Ohorikoen ไม่ต้องซื้อตั๋วเพราะมีบัตร one day pass อยู่แล้ว

เดี๋ยวเราจะนั่งรถไฟใต้ดิน Fukuoka City Subway สาย Kuko Line นี้ จากสถานี Ohorikoen กลับไปลงที่สถานี Hakata อีกครั้ง แล้วเดี๋ยวจะไปนั่งรถบัสเพื่อไปห้าง Canal City

ไม่ต้องรอกันนาน รถไฟมาแล้วๆ

นั่งกลับไปลงที่สถานี Hakata จากทางออกสถานีรถไฟใต้ดิน จะมีป้ายบอกทางไป Bus Terminal อยู่ เดินไปตามนั้นเลย

เราก็เลือกนั่งรถบัสไปมากกว่าที่จะเดิน มีรถบัส Loop Bus หลายสายเลยที่ผ่าน Canal City ด้วยความที่มันเป็นห้างขนาดใหญ่ที่อยู่ติดถนนหลายสาย อย่างเรานั่งรถบัสจากป้าย Terminal No.4 ล่ะ มันไปถึง Canal City ได้เช่นกัน แต่ถ้าสงสัยก็สอบถามเจ้าหน้าที่ที่ Bus Terminal เอาได้เลย

เดี๋ยวจะไปนั่งรถบัสเพื่อไปชอปปิ้งที่ Canal City ซึ่งจริงๆแล้วระยะทางมันสามารถเดินไปได้ด้วยนะ ประมาณกิโลกว่าๆ

นั่งรถบัสใช้เวลาแค่ 5 นาทีเอง มาถึง Canal City แล้ว!

เป็นภาพที่เคยเห็นแต่ในอินเตอร์เน็ตแล้วก็ฝันอยากจะมาเยือนสักครั้ง ในที่สุดวันนี้ก็ได้มาที่ Canal City แล้ว

ข้างล่างนั่นคือบริเวณหน้าลานน้ำพุ ที่มันจะมีพวกศิลปินและไอด้อลมาจัดอีเว้นท์แสดงโชว์กันบ่อยๆ

เดินลงมาอยู่ข้างหน้าลานน้ำพุแล้ว ในช่วงค่ำๆจะมีการแสดงประกอบเพลงของน้ำพุที่นี่ด้วยล่ะ

แต่ตอนนี้ขอเข้าห้างไปกินข้าวและชอปปิ้งก่อนละนะ

เดินขึ้นไปที่ชั้น 5 ฝั่งอาคาร south ไปหาอะไรกินก่อน เพราะทั้งวันแทบไม่ได้กินอาหารเป็นมื้อจริงจังเลย เห็นป้ายบอกว่ามีร้านราเม็งชื่อดังมากมายจากทั่วภูมิภาคมาตั้งร้านรวมอยู่ใกล้ๆกันเป็นราเม็งสตรีท ไปลองดีกว่า

แต่ถึงจะรวบรวมราเม็งมาจากหลายภูมิภาค เราก็อยากจะเลือกราเม็งของฮะคะตะนี่ล่ะ ร้านนี้เป็นฮะคะตะราเม็ง recommend เลยด้วย

ราเม็งที่สั่งมา ดูซุปทงโคทสึนั่นสิ.. ข้นและมัน อร่อยมากจริงๆ คือประทับใจมาก มันอร่อยที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้เคยกินทงโคทสึราเม็งมาเลยทีเดียว

เส้นเหนียวนุ่มเข้ากับชาชูที่นุ่มและเปื่อยแต่รสชาติครบถ้วน ไหนจะไข่มะตูมที่เหมือนจะต้มพะโล้มาเพราะมีรสพะโล้หน่อยๆ ชามนี้คืออาหารที่พระเจ้าในเขตฮะคะตะประทานให้เราจริงๆ

สุดท้ายก็ซดจนหมดเกลี้ยงชาม!

อิ่มแล้ว ก็ไปเดินชอปปิ้งกันเลย!

ที่ Canal City มีร้าน AzoBitCity ด้วยแฮะ! มีแววจะเสียเงินเหมือนที่อะคิบะแล้วสิ..

และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ มีสินค้าอนิเมะนานาชนิด

แล้วก็ยังมีสินค้าของวงไอด้อลเพียบ อย่างอันนี้เป็นของวงเจ้าถิ่นอย่างวง LinQ

สินค้าของวง Afilia Saga East และ Dorothy Little Happy ก็มีเหมือนสาขาที่โตเกียวเลย! ไม่ต้องไปโตเกียวก็มีความสุขได้ 555+

จากอาคาร south ย้อนกลับมาตรงลานน้ำพุอีกครั้ง จะเลี้ยวเข้าโซน business ทางขวามือ (เราเข้ามาทางอาคาร north กับ west มีร้านพวกแฟชั่นดังๆเพียบ) ตรงที่มันเคยเป็นชอปของ HKT48 แต่เดินไปดูพร้อมทั้งเช็คในเว็บแล้ว คอนเฟิร์มว่ามันปิดบริการถาวรไปไม่มีอยู่แล้ว..

ที่ Canal City มีร้านขายซีดี-ดีวีดี ชื่อว่า Shinseido ล่ะ ร้าน Tower Records ไม่ได้อยู่แถวนี้ มันไปอยู่ที่ห้าง Amu ตรงสถานี Hakata แล้วก็มีอีกสาขาที่ย่านเท็นจิน (ย่านเท็นจินก็เป็นย่านกลางเมืองที่เจริญหูเจริญตามากคล้ายๆกับชิบุย่าที่โตเกียวเลย ต้องไปเดินให้ได้นะ)

เข้ามาในร้านก็อย่างที่เห็น แผ่นซีดีเพลงของโลโคดอลเกาะคิวชูจะเยอะมากเป็นพิเศษ

ถามว่าเราได้อะไรจากการมาชอปปิ้งที่ Canal City บ้าง? หมดไปเยอะนะ ไหนจะซื้อเสื้อผ้าฝากคุณพ่อคุณแม่ด้วย แต่สำคัญที่สุดที่ได้ตั้งใจไว้และเล่าให้ฟังไปเมื่อวันก่อนก็คือเราจะซ์้อ "รองเท้าใหม่" เล็งไว้ตั้งแต่ที่ฮิโรชิม่าแล้ว ที่ Canal City ก็มี ABC Mart แถมร้านใหญ่ซะด้วย รองเท้า adidas คู่นี้ยั่วกิเลสเราเหลือเกิน จัดมาในราคาเกือบๆ 7,500 เยน

ขอแกะกล่องมาใส่เลยละกัน! เท่มั้ยๆ

เมื่อชอปปิ้งแผ่นเพลงไอด้อลเรียบร้อยแล้ว เดินกลับออกมาด้านนอกตอนสองทุ่มพอดี ก็พบว่าน้ำพุมันกำลังแสดงรีวิวประกอบเพลงอยู่! การแสดงน้ำพุเต้นระบำไปมาเหมือนที่เคยดูที่ Tokyo Dome City เลย

ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกว่าเราเคยมา Canal City แล้วนะ

หลังจากชอปปิ้งซะจนห้างจะปิดแล้ว เราว่าจะลองเดินไปดูย่านยะไท่ที่เป็นโซนขายอาหารข้างทางซะหน่อย เดินจาก Canal City ออกไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว

เดินออกจาก Canal City ไปตามแผนที่ (Google Map ช่วยท่านได้)

เดินข้ามสะพานไปแถวๆริมน้ำ

หันกลับไปถ่ายรูปหน้าห้าง Canal City ซะหน่อย

เดินไปตามทางเดินริมแม่น้ำนี้เรื่อยๆ

ตรงข้างหน้านั่นก็คือเพิงขายอาหารริมทางที่เป็นสัญลักษณ์ของยะไท่

ที่มีจำกัดมาก คนนั่งเบียดกันกิน บางร้านมีให้ยืนก็ยืนเบียดกันกิน แถมร้านก็ไม่ได้เยอะมากอย่างที่คิด สำหรับเราที่ไม่ค่อยชอบการรอคอยและความเบียดเสียด ก็ "ขอผ่าน" ฮะ

จากตรงยะไท่เราจะเดินผ่านเลยตรงไปขึ้นรถไฟใต้ดิน Fukuoka City Subway ที่สถานี Nakasukawabata ซึ่งจะต้องเดินผ่านย่านนะคะสึไป ส่วนจุดหมายที่จะไปปิดท้ายในคืนนี้ก็คือ Fukuoka Tower ตามแพลนล่ะ

ย่านนะคะสึนี่อารมณ์เดียวกับแถวนัมบะที่โอซาก้าหรือแถวๆคาบุกิโจที่ชินจุกุเลย บาร์นั่งดริ๊งค์และอบายมุขเยอะแยะไปหมด

แต่ที่ย่านนะคะสึนี้มีร้าน Don-Quijote ด้วยนะ แต่เราจะไปแวะที่สาขาใกล้ๆ Fukuoka Tower อยู่แล้วซิ

เดินมาถึงทางเข้าสถานี Nakasukawabata แล้ว

ใช้บัตร one day pass เสียบแล้วเดินผ่านเข้าสถานีเหมือนเดิม

จากสถานี Nakasukawabata เรานั่งรถไฟสาย Kuko Line ไปลงที่สถานี Nishijin

หลังจากนั่งรถไฟมา 5 สถานี เราก็มาลงรถที่สถานี Nishijin

มาถึงสถานีแล้วใช่ว่าภารกิจจะจบลงง่ายๆ เพราะจากทางออกสถานี Nishijin ไปยัง Fukuoka Tower มันต้องเดินไปอีกพอสมควรกว่าจะไปถึงจุดถ่ายรูปได้

เช็คแผนที่และดูทางออกก็พบว่าต้องเดินออกทางออกที่ 1

เดินขึ้นบันไดออกจากสถานีรถไฟมา เจอร้าน Don-Quijote อยู่ข้างหน้าเลย เอาไว้หลังเดินกลับมาจาก Fukuoka Tower เราจะแวะชอปปิ้งก่อนกลับที่พัก

จากทางออกสถานี Nishijin เราจะต้องเดินตรงเข้าไปตามทางมืดไฟสลัวๆตามที่เห็นในแผนที่ประมาณเกือบๆ 2 กิโลเมตร ตอนกลางคืน 3-4 ทุ่มแบบนี้รถบัสหมดไปนานแล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินนั่นล่ะ

เดินผ่าน Fukuoka Museum มาก็ถึงทางเดินเข้าไปหา Fukuoka Tower เห็นมันตั้งตะหง่านอยู่ตรงหน้าไกลๆแล้ว แถวๆนี้มันมืดและเงียบยังกะถนนร้างจริงๆ ต้องระวังตัวพอสมควรเลย

Fukuoka Tower ในยามค่ำคืน ไฟสีม่วงส่องสว่างสดใส เปิดโหมดกลางคืนถ่ายรูปให้หอดูมีชีวิตชีวา

Fukuoka Tower above me! เนื่องจากทาวเวอร์มันปิด 4 ทุ่ม ก็เลยไม่ได้ขึ้นไปชมวิวด้านบน ได้แค่เพียงถ่ายรูปเล่นอยู่ตรงบริเวณถนนด้านหน้านี้แทน

ลายตึกที่แสงส่องตอนนี้เป็นลายซากุระล่ะ! สวยมากๆ

เอาไว้จะมาเยือนใหม่นะ! คราวหน้าจะขึ้นไปชมวิวด้านบนให้ได้เลย

จบภารกิจประจำวันนี้ครบถ้วนแล้ว เดินกลับไปที่ร้าน Don-Quijote หน้าทางเข้าสถานี Nishijin จะได้ชอปปิ้งซะหน่อย เปิด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว ขอแค่กลับทันรถไฟใต้ดินยังเปิดบริการก็พอ

จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดิน Fukuoka City Subway สาย Kuko Line เหมือนเดิม จากสถานี Nishijin กลับไปลงสถานี Hakata

เดินจากสถานี Hakata กลับที่พัก

กลับถึงที่พักเที่ยงคืนพอดี ใช้เวลาได้คุ้มค่ามากๆ 555+

คิดว่าวันนี้คงลำบากกับการท่องเที่ยวซะแล้วเพราะว่าฝนตกลงมาไม่ขาดสายในช่วงเช้า แต่พอนั่งรถไฟชินคังเซ็นข้ามจากฮิโรชิม่าไปยังฮะคะตะ ปรากฎว่าฝนหยุดตกพอดีเลย! เลยเดินลากกระเป๋าเดินทางไปยังที่พักได้สะดวกโยธิน เช็คอินหย่อนกระเป๋าเอาไว้แล้วมุ่งหน้าไปเที่ยวครบตามแพลนได้สำเร็จ แม้แพลนเที่ยวในวันนี้จะอัดแน่นมากๆก็ตาม

สำหรับพรุ่งนี้ เรามีแพลนที่จะไปเที่ยวที่ Huis Ten Bosch ที่เป็นสวนสนุกกึ่งสวนดอกไม้ ต้องตื่นแต่เช้าเนื่องจากใช้เวลาเดินทางกว่า 2 ชั่วโมง รีบอาบน้ำนอนดีกว่า ราตรีสวัสดิ์!

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page