top of page

2014.03.27 Japan Trip #6 Day7 - Huis Ten Bosch


วันที่ 7 ที่ญี่ปุ่น วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะใช้ JR Pass แล้วเพราะจะครบ 7 วันของพาส วันนี้เราจะไปเที่ยวที่ Huis Ten Bosch สวนดอกไม้สไตล์ฮอลแลนด์ ซึ่งมีทั้งดอกไม้,ไฟประดับ Illuminations ยามค่ำคืนแล้วก็เครื่องเล่นมากมาย Huis Ten Bosch อยู่เขตจังหวัดนะงะซะกิ เดินทางด้วยรถไฟจากฟุคุโอกะไปไม่ถึง 2 ชั่วโมงดีนัก ดูจากรีวิวแล้วก็เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการมาเที่ยวแบบครอบครัวจริงๆ มีทั้งโซนสำหรับเด็ก,วัยรุ่น,วัยผู้ใหญ่และคนชราครบครันเลย

จากฟุคุโอกะวันนี้จะมุ่งหน้าไป Huis Ten Bosch สวนพฤกษาสไตล์ฮอลแลนด์และสวนสนุกชื่อดังของเกาะคิวชู ด้วยรถไฟ Limited Express Huis Ten Bosch ใช้เวลาราวๆ 2 ชม.

จองที่นั่งรถไฟเอาไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ฮิโรชิม่า รถไฟที่จะนั่งก็คือ Limited Express Huis Ten Bosch 3 ที่จะออกจากสถานี Hakata เวลา 8.34 น. จะไปถึงสถานี Huis Ten Bosch เวลา 10.19 น. ขณะเดียวกันก็จองที่นั่งรถไฟขากลับไว้เลย โดยรถไฟขากลับนั้นต้องไปต่อรถที่สถานี Haiki ที่อยู่ถัดไปซะก่อนเพื่อต่อรถไฟ Limited Express Midori กลับฟุคุโอกะ แปลกใจเหมือนกันนะที่รถไฟ Limited Express จากสถานี Huis Ten Bosch นั้นหมดตั้งแต่ยังไม่ถึงหนึ่งทุ่มเอง แบบนี้ก็ลำบากคนที่จะอยู่เที่ยว Huis Ten Bosch จนสวนปิดเหมือนโดนบังคับต้องไปต่อรถไฟ Limited Express ที่สถานี Haiki ที่อยู่ถัดไปเอาเองน่ะสิ

มาถึงสถานี Hakata แต่เนิ่นๆเหมือนเคย แวะซื้อข้าวกล่องไปกินบนรถไฟก่อนแล้วขึ้นไปนั่งรอที่ชานชาลาชิวๆ

รถไฟมาแล้ว! Limited Express Huis Ten Bosch จริงๆเราแอบคิดว่ามันจะเป็นรถไฟเฉพาะกิจที่มีลวดลายสื่อถึง Huis Ten Bosch อะไรทำนองนั้น แต่จริงๆแล้วมันก็คือรถไฟ Limited Express Midori ที่วิ่งในเส้นทางเดียวกันแต่ขบวน Midori นั้นผ่านเลยไปถึงสถานี Sasebo ส่วนขบวน Huis Ten Bosch นั้นเอามาวิ่งพิเศษสุดสายที่สถานี Huis Ten Bosch เท่านั้นเอง

ป้ายบอกสายรถไฟว่าเป็น Limited Express Huis Ten Bosch

โลโก้ของ Huis Ten Bosch แปะอยู่ข้างขบวนรถไฟ

รถไฟมาจอดเทียบชานชาลาแล้วก็เดินขึ้นรถไฟกันได้ หาที่นั่งของตัวเอง

นะงะซะกิวันนี้ ร้อนมาก! มีแดดออกพร้อมกับอุณหภูมิ 21°C แต่เหมาะกับการทำกิจกรรม outdoor แหล่ะ

ซื้อข้าวกล่องมากินบนรถไฟเช่นเคย แฮมเบิร์กเซ็ตนี้ 800 เยนเอง ทริปนี้กินข้าวกล่องมื้อเช้ามื้อเย็นเกือบทุกวัน 555+

ใช้เวลาเกือบ 2 ชม. ในการเดินทาง เรามาถึง Huis Ten Bosch เวลา 10.19 น. ซึ่งเลยเวลาเปิดทำการมานิดหน่อย (สวนเปิดบริการ 10.00 - 22.00 น.) ไม่ว่าวันธรรมดาหรือวันหยุดก็คนเยอะอยู่ดี แต่ถ้ามาสักวันกลางๆสัปดาห์ คนอาจจะไม่เยอะมากเท่าวันสุดสัปดาห์แบบนี้นะ

จากชานชาลา มองเห็นสะพานข้ามไปยังทางเข้า Huis Ten Bosch

เดินออกจากสถานี Huis Ten Bosch แล้ว เดินตรงมุ่งหน้าข้ามสะพานไปยังทางเข้าสวน

ทางเข้าของสวน Huis Ten Bosch

เดินเข้าไปข้างใน จะมีป้ายบอกทางไปที่ซื้อตั๋วและเกททางเข้า รวมทั้งมี coin locker ให้ใช้บริการอยู่ด้วย

อัตราค่าเข้าชม Huis Ten Bosch ตามที่เห็นนี้ อันแรกจะเป็น 1-Day Passport แบบเราที่จะซื้อนั้นจะสามารถเข้าได้ทุกอย่างทุกโซน ราคาแพงที่สุดคือ 5,900 เยน หรือถ้าจะมาดูแค่ดอกไม้แต่ไม่เล่นเครื่องเล่น, มาดูไฟประดับ illuminations ยามค่ำคืนอย่างเดียว, มาเข้าสวนหลัง 4 โมงเย็น ก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป

คนต่อแถวเยอะอยู่นะ เราก็รอตั้ง 10 นาทีแน่ะ

ต่อคิวซื้อบัตรเข้าอยู่ล่ะ

ได้บัตร 1-Day Passport มาแล้ว พร้อมกับแผนที่บริเวณของสวน Huis Ten Bosch ทั้งหมด เพิ่งรู่ว่ามันกว้างใหญ่ขนาดนี้!

หลังซื้อตั๋วเสร็จก็เข้าเกทไปข้างในกันเลย หลังเข้าเกทมาก็เจอน้อง Tuly ทิวลิปน้อยแสนซนเต้นรอต้อนรับอยู่ น้อง Tuly นี้เป็นมาสคอตของ Huis Ten Bosch ล่ะ

โซนแบ็คดรอปสำหรับถ่ายรูปหน้าเกท

ถ่ายรูปก่อนจะเดินเข้าเกทไปข้างในซะหน่อย

เดินจากโซน Entrance Gate จะไปเข้าสู่บริเวณแรกของ Huis Ten Bosch

และนี่คืออาคารแรกที่เราจะเดินผ่าน นั่นก็คือ Teddy Bear Kingdom

เริ่มเห็นการจัดแจงแปลงดอกไม้อย่างสวยงามตั้งแต่แรกเข้าเลย แสดงถึงความเป็นเอกในเรื่องดอกไม้จริงจัง

เจอพี่หมีเท็ดดี้ยืนอยู่หน้า Teddy Bear Kingdom ว่าแต่..เหมือนกันมั้ยนะ??

ข้างใน Teddy Bear Kingdom จะมีตุ๊กตาหมีเยอะแยะเป็นอาณาจักรเลย

รวบรวมเอาตุ๊กตาหมีเห็บไว้ข้างในนี้หลายพันตัวเลยล่ะ!

แต่ละห้องก็จัดแสดงเป็นห้องต่างๆกันไป

คิงสมชายและควีนสมศรี

กระจกมายา ดูตัวเตี้ยลงมั้ยๆ

ออกจาก Teddy Bear Kingdom แล้ว เดินข้ามสะพานสู่โซน Flower Road เพื่อชมดอกไม้กันต่อ ด้านข้างมีท่าเรือบริการรับส่งสู่ท่าเรือด้านในสวนด้วยล่ะ

ข้ามสะพานมาก็เจอทุ่งทิวลิปเลย!

ทิวลิปหลากสีและลาเวนเดอร์สีม่วงสวยงาม

จัดแปลงแต่ละสีเรียงแถวตัดกันสวยงามมากๆเลยล่ะ

และก็แน่นอนว่าการจัดสวนทุ่งทิวลิปในสไตล์แบบดัชท์นั้น ก็ต้องมี "กังหันลม" เป็นตัวชูโรงด้วย

มองเห็นทุ่งทิวลิปยาวๆไปสุดลูกหูลูกตาเลย

อากาศดีๆแบบนี้ การเดินชมทุ่งดอกไม้คือความสุขที่สุดจริงๆ

เห็นทิวลิปแล้วจะไม่มีกังหันลมก็กระไรอยู่..

รู้สึกเหมือนมาเที่ยวฮอลแลนด์อยู่เลยเนอะ 555+

เริ่มต้นที่ Huis Ten Bosch ด้วยการเดินชมดอกไม้นี่ล่ะ หลังจากนั้นก็แตกต่างไปตามโซนที่มีเครื่องเล่น มีจุดชมวิว กลางคืนก็ชมพาเหรดและแสงไฟประดับ เราเดินจากโซน Flower Road มาต่อกันที่โซน Attraction Town (สีเหลือง) โซนนี้มีเครื่องเล่นแนว adventure เยอะแยะเลย น่าสนใจทั้งนั้นด้วย ไปเล่นกันเถอะ!

เดินเข้ามาในโซน Attraction Town ที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นมากมาย

เครื่องเล่นแรกที่เล่นคือ ONE PIECE Ride Cruise

ต่อคิวเล่นอยู่ประมาณ 15 นาที

ธง Jolly Roger ในเรื่อง ONE PIECE

นี่คือยานรบจำลองตัวเป็นเรือโจรสลัดที่จะพาเราเข้าไปชมเรื่องราวของ ONE PIECE โดยย่อใน 10 นาที ซึ่งในตอนสุดท้ายก็จะมีให้เราช่วยยิงปืนเลเซอร์จากยานที่เรานั่ง เพื่อจมเรือของฝ่ายตรงข้ามกับแก๊งหมวกฟาง

พอจบเกมก็จะมีคะแนนขึ้นมาให้ดู อันนี้คะแนนของคนข้างหลังเรานะ ของเราถ่ายไม่ทัน แต่เราได้ 49ล้านกว่าคะแนน เยอะมากจนตกใจ แม่นจัด 555+

ตอนเดินออก เจ้าหน้าที่ให้การ์ด ONE PIECE ไว้สะสมด้วยล่ะ

ต่อไปเป็นเครื่องเล่นที่ 2 ที่จะเล่นคือ Grand Odyssey ซึ่งมีจุดเด่นคือ ก่อนเข้าเล่นจะต้องสแกนหน้าของเราเพื่อเอาเข้าไปเป็นตัวละครในเนื้อเรื่องที่จะช่วยกันกอบกู้วิกฤตของโลกใหม่ เจ๋งอ่ะ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย

อันนี้คือบัตร passport ของเครื่องเล่นนี้ มันจะระบุตัวตนของเราว่าที่เราสแกนหน้าไปนั่นเป็นตัวละครเบอร์เดียวกับเรา

หลังจากดูการกอบกู้โลกด้วยฝีมือตัวเองแล้ว ก็มีภาพ CG มาให้ชม ซึ่งถ้าเราชอบก็สามารถสั่งปริ๊นท์กลับบ้านได้ แต่ก็เสียเงินนะ ราคา 800 เยน

เราอยากได้รูปกลับเพราะมันเหมือนเรามาก เห็นในจอก็แบบรู้เลยว่านั่นน่ะตัวเรา 555+ หน้าที่ของเราในยานคือเป็น 1 ใน 4 ทีมขับเคลื่อนยานล่ะ พารอดตายหมดทุกคนด้วย!

ยังไม่มีเวลากินข้าวเที่ยง กินป๊อปคอร์นไปพลางๆก่อนละกันนะ

เดินไปตามทางในโซน Attraction Town เรื่อยๆ

เดินมาถึงจตุรัสน้ำพุที่อยู่กลางโซน Attraction Town

รอบๆน้ำพุถูกประดับตกแต่งด้วยดอกทิวลิปหลายร้อยต้น

นอกจากซุ้มอกทิวลิปมากมายแล้ว ก็มีร้านขายอาหารให้นั่งดื่มกินกลางจตุรัสด้วย

ราวกับเหล่าเทพธิดากำลังเล่นน้ำกันอยู่

ก่อนจะเดินออกจากโซนนี้ เห็นกาชาปองน้อง Tuly ตั้งยั่วยวนให้ไขอยู่

สุดท้ายเราก็เสียเงินจนได้.. คิดซะว่าเป็นของที่ระลึกเนอะ

เดินตรงไปตามทางเรื่อยๆ กำลังจะเข้าสู่โซนถัดไปแล้ว

เห็นหอคอยสูงในโซน Tower City อยู่ตรงโน้น

และตรงนั้นคือชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ในโซน Art Garden

เดินผ่านมาถึงโซน Thriller City แล้ว แต่ขอเดินผ่านไปหาอะไรกินแล้วจะย้อนกลับมาเล่นเครื่องเล่นที่โซนนี้อีกที หรือไม่ก็รอมาดูไฟประดับตอนกลางคืนไปเลยถ้าเวลาไม่พอ

ศิลปะสามมิติบนพื้นถนน

เดินมาถึงโซน World Bazaar ที่อยู่ติดกัน โซนนี้จะมีร้านค้าให้ชอปปิ้งมากมาย มีร้านอาหารพร้อมดนตรีสดกลางแจ้งให้ดื่มด่ำ ช่างเป็นช่วงเวลาน้ำชาที่เหมาะเหม็งจริงๆ

อาคารตรงนี้เป็นร้านค้าล้วนๆเลย

หอนาฬิกาอัมสเตอร์ดัม ราวกับมาเที่ยวฮอลแลนด์

นาฬิกาที่ประดับด้วยดอกไม้

ดนตรีสดกลางแจ้ง เพลงคลาสสิกไพเราะมากๆ

ชมดอกไม้ริมร้านน้ำชา

ดอกไม้สวยๆเต็มไปหมด

กระถางดอกไม้เยอะมากๆ แทบจะไม่ต้องแย่งกันถ่ายรูปเลย

ใครที่เห็นรูปแบบนี้ คงไม่คิดว่าเรากำลังอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแน่ๆอ่ะ

เราก็เป็นอีกคนที่ถ่ายรูปดอกไม้แถวๆนี้เล่นเพลินมากๆ

มีโรงแรมและลานไอซ์สเก็ตอยูในโซนนี้ด้วย

เดินผ่านโซน World Bazaar เพื่อไปโซนถัดไป

เดินทะลุมาถึงโซน Tower City แล้ว ที่โซนนี้จะมีหอคอยสูงให้ชมวิว นอกนั้นก็เป็นร้านอาหารล้วนๆ มีทั้งร้านอาหารแบบแฟมิลี่และร้านแบบฟาสต์ฟู้ดริมน้ำ

โซนขายฟาสต์ฟู้ดใกล้ๆกับท่าเรือ

แดดจัดมากๆ แต่อากาศเย็นอยู่นะ

เติมพลังด้วยแกงกะหรี่ป็นมื้อเที่ยงกันก่อน จานละ 1,000 เยน

พร้อมด้วยคะคิคัตสึ หรือก็คือคัตสึหอยนางรม

พออิ่มแล้วก็อย่างที่บอกไว้คือจะกลับไปเล่นเครื่องเล่นที่โซน Thriller City อันนี้ชื่อว่า 5D Miracle Tour น่าสนใจดี มันเป็นการเข้าไปผจญภัยกับภาพในแบบ 5 มิติ ดูล้ำๆแต่ก็มึนๆดีนะ

จากนั้นก็ได้เวลาเดินต่อไปโซนริมทะเลละ ริมทะเลมีเรือจอดเทียบท่าอยู่เต็มเลย

เข้าเกทมาถึงโซน Harbor Town แล้ว มีเรือโจรสลัดอยู่ตรงนั้นด้วย แต่ไม่รู้ว่าขึ้นไปชมข้างบนเรือได้มั้ย..

เดินตรงเข้าไปทางก่อน

และเราก็จะได้เห็นเรือของ ONE PIECE ด้วยตาตัวเอง!

นั่นไง! เรือ Thousand Sunny อยากไปต่อคิวขึ้นเรือนะ แต่ว่าคนเยอะมากเลย ไหนจะต้องจ่ายเงินเพิ่มถ้าเราต้องการจะขึ้นไปบนเรือ Thousand Sunny อีก บายดีกว่า

Thousand Sunny กับท้องทะเลของมัน

หัวเรือ Thousand Sunny

ใบเรือที่เป็นธง Jolly Roger เห็นลูฟี่กับแฟรงกี้อยู่บนเรือด้วยล่ะ

มาสมัครเป็นลูกเรือ Thousand Sunny ครับ!

เข้ามาเดินดูในร้านขายสินค้า ONE PIECE ซะหน่อย ชักอยากเป็นโจรสลัด 555+

แต่ได้น้อง Tuly กลับบ้านมาแทน

แก๊งหมวกฟาง

เอ้า! ถ่ายรูปหน่อย ยิ้มๆ

แก๊งหมวกฟางไม่ต้อนรับ ไปคบศัตรูก็ได้ ชิส์

ถ้าดวลกันคิดว่าใครจะชนะ?!

จบจากโซน Harbor Town แล้ว เดี๋ยวจะย้อนกลับไปทางหอคอยนั่น

อยากจะยกหอคอยนี้กลับบ้านได้จัง..

เดินทะลุผ่านโซน Tower City ไปก่อน จะไปเล่นเครื่องเล่นอันนึงที่อยู่ในโซน Art Garden ซะหน่อย โซน Art Garden นั้นจริงๆแล้วมีจุดเด่นจะอยู่ที่ไฟประดับ illuminations ตามต้นไม้และสวนดอกไม้ในยามค่ำคืนมากกว่า

ตอนนี้ยังเป็นสวนดอกไม้ธรรมดาๆ แต่ตอนกลางคืนนี่งามระยิบระยับแน่นอน ถ่ายรูปเพลินแน่ๆ

ชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ในโซน Art Garden ถ้าจะขึ้นต้องเสียเงินเพิ่ม นั่งรอบนึงใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ถ้าจะขึ้นไปถ่ายรูปเล่นหรือไปนั่งชิวก็คุ้มค่าที่จะเสียเงินขึ้นไปนะ

มาถึงรอบของเครื่องเล่นที่เราจะมาเล่นกันบ้าง นี่คือ Domtoren เป็นหอคล้ายๆท้องฟ้าจำลองมีการเล่าเทพนิยายของ Huis Ten Bosch เป็นเรื่องราว ดูสนุกดีนะ แสงสีเสียงตระการตาดีๆ

เก็บโซนเกือบครบทุกโซนละ ขอกลับไปชมวิวบนหอคอยที่โซน Tower City ซะหน่อย กลัวว่าพอช่วงค่ำคนจะเยอะเกินจนต้องต่อคิวยาว รีบขึ้นไปชมวิวตอนนี้เลยดีกว่า

เป็นจังหวะที่ดีมากเพราะเรารอคิวขึ้นลิฟท์มาชมวิวบนหอคอยนี้แค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง

ได้ขึ้นมาบนหอคอยแล้ว! มองเห็นโซน Harbor Town ที่เราไปเดินเล่นมาเมื่อช่วงบ่าย รวมทั้งโซน Forest Villa ที่มีโรงแรมเยอะๆทางขวามือนั่นทั้งหมดเลย

วิวริมทะเล มองเห็นเกาะไปได้ไกลโพ้นเลยทีเดียว

มองไปที่โซนอื่นๆกันบ้าง เป็นโซนที่เราเดินผ่านมาตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว

ถ้าเป็นตอนกลางคืน โซน Art Garden จะสวยมากเลยล่ะ เดี๋ยวรอให้ฟ้ามืดแล้วเราจะไปเดินถ่ายไฟ illuminations เล่น

มองลงไปเบื้องล่างที่เป็นโซนขายอาหารข้างท่าเรือ สูงไม่ใช่เล่นๆเลยนะหอคอยนี้..

ถ่ายรูปเล่นอยู่ครู่นึง ไปเดินเล่นกันต่อดีกว่า เวลามีน้อย ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำเนอะ

เดินมาตรงท่าเรือริมน้ำ เห็นคนนั่งเล่นกับห่านอยู่

เรามายืนต่อคิวรอขึ้นเรือ อยากลองนั่งเรือเล่นซะหน่อย

ผู้โดยสารหลายคนเดินชิดใน แต่เราอยากนั่งชมวิวรับลมด้านนอก ขออยู่ท้ายเรือก็แล้วกันนะ

ผู้โดยสารเต็มความจุของเรือแล้ว ออกเรือได้!

เรือจะพาออกจากโซน Tower City เลาะไปตามลำคลอง ผ่านโซน Adventure Park ที่เราคงไม่ได้เล่นเพราะเวลาไม่พอ ขี้เกียจแย่งเด็กเล่นอีกด้วย 555+

เครื่องเล่นในโซนนี้จะเป็นแนวผจญภัยในป่า มีไต่เชือกมีโหนสลิงด้วยนะ!

และเรือก็พามาส่งตรงท่าเรือที่เราเห็นตอนเดินข้ามสะพานเมื่อเช้า ที่อยู่ใกล้ๆทางเข้าโซน Flower Road

ถ้าเดินข้ามสะพานนั้นไปก็จะเข้าสู่โซน Flower Raod เหมือนที่เราเดินไปแล้วเมื่อช่วงเช้า

แต่เดี๋ยวว่าจะเดินมาอีกทาง ลัดเลาะไปตามโซน Adventure Park ซะหน่อย อยากเดินเก็บบรรยากาศให้ครบๆ

นั่นก็เลยต้องเดินคนละฝั่งกับทุ่งดอกทิวลิปและกังหันลม 555+

เริ่มค่ำแล้วสิ ที่ Huis Ten Bosch นี้ ในช่วงหัวค่ำจะมีการแสดงขบวนพาเหรดด้วย ช่วงนี้ก็เลยจะได้เห็นสตาฟฟ์ของสวนเริ่มเตรียมการสำหรับขบวนพาเหรดกันยกใหญ่

มีสัตว์ประหลาดประกอบขบวนด้วยวุ้ย!

เดินมาเจอโซนที่มีร้านค้ามากมาย ก็เลยแวะซื้อของฝากกันซะหน่อย ร้านนี้น่าสนใจ Castelo de Castella

เป็นร้านขายเค้กคาสเตย่า น่ากินมากๆ นี่ล่ะของฝากที่จะซื้อกลับไปฝากคนที่ออฟฟิศ

ไปแวะซื้อของฝากแป๊บเดียว ออกมาอีกทีฟ้ามืดซะแล้ว! ก็ได้เวลาที่โซน Art Garden จะเป็นพระเอกของงานแล้วจ้า~

ซุ้มประตูที่เห็นในตอนนี้ ต่างจากตอนกลางวันลิบลับเลย สวยมากๆ

ชิงช้าสวรรค์ก็มีไฟประดับด้วยนะ

มองเห็นหอคอยที่ก็มีแสงไฟสวยงามอยู่เบ้อเริ่มตรงหน้า

ทางเดินภายในโซน Art Garden มีไฟประดับตามต้นไม้และสนามหญ้ารอบๆตลอดทาง

ต้นรัก = ต้นไม้มีประดับด้วยหัวใจและลูกศร

ไฟของหอคอยเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆด้วยนี่นา!

ผืนสนามหญ้าที่เต็มไปด้วยไฟประดับประดาแดงอร่ามทั้งผืน

ตรงนั้นมีเหมือนเป็นโรงมหรสพที่มีแสดงแสงสีเสียงอยู่ด้วย

ข้างในมีจอ LCD ที่เป็นภาพประกอบแสงสีเสียง ดูเพลินๆ

เดินมาจนสุดโซน Art Garden แล้ว ลองเดินไปดูคิวขึ้นหอคอยอีกครั้ง ปรากฏว่าเป็นอย่างที่คิดเลย.. คนเยอะมากชนิดที่วนแถวสามรอบหน้าลิฟท์ขึ้นข้างบน เราเลยตัดสินใจไม่ขึ้นหอคอยอีกรอบละกัน

จากนั้นเราก็เดินเลี้ยวกลับไปข้ามสะพานผ่านไปทางโซน World Bazaar เดี๋ยวจะมีขบวนพาเหรดมาเดินที่โซนนี้ ไปรอดูพาเหรดกันดีกว่า

ขบวนพาเหรดมาแล้ว!

มีน้อง Tuly ร่วมอยู่ในขบวนด้วยล่ะ

ขบวนพาเหรดและแสงไฟยามค่ำคืนที่ Huis Ten Bosch

ดูขบวนพาเหรดจบ เราเดินผ่านไปทางโซน Thriller City ที่มีแสงไฟประดับประดาเช่นกัน

โซนนี้ก็จัดไฟได้แฟนตาซีดีนะ เหมือนเทศกาลคานิวาลเลย

พอหรี่ไฟก็จะดูลึกลับสมกับเป็นโซน Thriller City ดี ดูสลัวๆแฝงไว้ด้วยความน่ากลัวแบบในหนังสยองขวัญ

จากนั้นเราเดินเลาะผ่านทางโซน Attraction Town ดูไฟประดับต่อไปเรื่อยๆ

ย้อนกลับมาถึงหน้าโซน Art Garden อีกครั้ง

และแล้วหอคอยก็กลายเป็นสีทองอร่ามสมกับเป็นหอคอยศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ซะที

เดินกลับออกมาทาง Flower Road แม้แต่กังหันลมก็มีไฟประดับประดา

เดินผ่าน Flower Road กลับมาถึงตรง Entrance Gate เดี๋ยวจะกลับแล้วล่ะ ใกล้ได้เวลารถไฟมารับแล้ว เวลาขณะนี้ 20.40 น.

เหมือนเป็นมุกดักนักท่องเที่ยวเลย ที่ทำทางออกเป็นร้านขายของฝาก!

เดินออกจากร้านขายของฝากแล้ว เห็นมีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆทางออกอยู่ 2 ร้าน ก็เลยเดินเข้าไปซื้อข้าวกล่องและน้ำไว้ไปกินบนรถไฟขากลับ

เดินข้ามสะพานกลับไปยังสถานีรถไฟ

กลับมาถึงสถานี Huis Ten Bosch แล้ว

อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกว่าขากลับเราจะต้องนั่งรถไฟธรรมดาไปต่อรถไฟ Limited Express Midori ที่สถานี Haiki ก่อน รถไฟที่เราจะนั่งไปนี้คือรถไฟ JR สาย Seaside Liner จะมาถึงสถานี Huis Ten Bosch เวลา 20.53 น.

มายืนรอรถไฟที่ชานชาลาแล้ว

รอรถไฟท่ามกลางความหนาวเย็น ลมแรงมากกกกกก ตัวสั่นแล้วเนี่ย!

บ๊ายบาย Huis Ten Bosch ไว้เจอกันใหม่นะ!

นั่งรถไฟ JR สาย Seaside Liner แค่สถานีเดียวมาต่อรถไฟ Limited Express Midori ที่สถานี Haiki

รอแป๊บเดียวรถไฟก็มา เราจะนั่งรถไฟ Limited Express Midori 32 ออกจากสถานี Haiki เวลา 21.13 น. จะไปถึงสถานี Hakata เวลา 22.49 น.

ระหว่างทางกลับเมืองฟุคุโอกะก็กินข้าวกล่องที่ซื้อมา เย็นนี้เป็นข้าวหน้าเนื้อย่าง

กลับมาถึงสถานีฮะคะตะเวลา 22.49 น. ก็ยังถือว่าไม่ดึกเท่าเมื่อวาน 555+ แต่คนก็โหรงเหรงและ เค้าน์เตอร์ในสถานีก็ปิดหมดแล้ว(ปิด 5 ทุ่ม) ก็เดินกลับที่พักทันที

จบวันนี้ก็หมดเวลาของ JR Pass และ พรุ่งนี้จะเริ่มใช้พาสอีกใบที่เราซื้อมานั่นก็คือ JR North Kyushu Pass แบบ 5 วัน เดี๋ยวเราต้องเตรียมจัดกระเป๋าใบน้อยไปค้างคืนที่ยุฟุอินและเบปปุสัก 2 คืนด้วย แล้วค่อยกลับมาที่ฟุคุโอกะใหม่อีกครั้งล่ะ ที่พักใจดีมากที่ให้ฝากกระเป๋าใหญ่เอาไว้ด้วย คงเพราะยังไงเราก็จะกลับมาพักที่นี่ต่ออีกสองคืนที่เหลือด้วยล่ะมั้ง ดีจังๆ

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page