top of page

2014.03.29 Japan Trip #6 Day9 - Beppu


วันที่ 9 ของทริปนี้ วันนี้เราจะเดินทางจากยุฟุอินไปที่เบปปุ สองเมืองนี้อยู่จังหวัดโออิตะเหมือนกัน ใช้เวลาเดินทางไม่นาน ที่เมืองเบปปุนั้นมีบ่อน้ำพุร้อนที่เรียกกันว่า "บ่อนรก" สำคัญๆ 8 บ่อกระจายอยู่รอบๆเมือง แต่อุปสรรคของวันนี้ที่เราจะต้องเผชิญก็คือฝนที่พยากรณ์บอกว่าจะตกลงมาตั้งแต่เที่ยงยันเช้าของอีกวันนึงเลยนี่ล่ะ เวลาฝนตกนี่เที่ยวลำบากชะมัดเลย ตอนอยู่ที่ดะไซฟุก็ทีนึงละ

แทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลย หนึ่งคืนที่ได้กินอยู่อย่างกับราชา เรียงคังสุดแสนจะวิเศษบวกกับอาหารรสเลิศพร้อมสาเกรสล้ำๆ นี่ถ้าอยู่ต่อได้อีกสัก 2-3 คืนก็จะอยู่นะ!

จัดแจงเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วก็ไปกินอาหารเช้าที่ทางที่พักจัดเตรียมไว้ให้ อลังการจริงจัง ปลื้มสุดๆ เราจะไม่ลืมค่ำคืนที่ยุฟุอินเลยล่ะ

หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทางแล้ว วันนี้จะต้องไปต่อกันที่เมืองเบปปุ ดินแดนแห่งบ่อน้ำพุร้อนของคิวชู

บอกลาที่พักแล้วเดินจากไป.. นั่นภูเขายุฟุมีหมอกปกคลุมยอดด้วย

ผ่านแม่น้ำที่มาถ่ายรูปเล่นไปเมื่อวาน วันนี้ต้องบอกลากันแล้วนะ

เดินตรงมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที

และเราก็มาถึงสถานี Yufuin แล้ว

ไม่มีของฝากอะไรให้ชอปปิ้งเท่าไหร่ ก็เลยเดินไปยืนรอรถไฟที่ชานชาลาเลยดีกว่า ข้ามสะพานลอยมาเพื่อรอรถไฟ JR สาย Kyudai Line

รถไฟ JR สาย Kyudai Line เป็นรถไฟธรรมดาแบบวันแมน วิ่งให้บริการจากสถานี Yufuin ไปสุดสายที่สถานี Oita ซึ่งโออิตะก็เป็นหนึ่งในจังหวัดใหญ่ของคิวชู เดี๋ยวจะไปต่อรถไฟไปเบปปุที่โออิตะนั่นล่ะ

เดี๋ยวจะเดินทางไปโออิตะแล้วนะ

เข้ามาในรถไฟแล้ว แรกๆก็ยังโล่งแบบนี้ล่ะ แต่ผ่านไปเรื่อยๆตามทาง คนก็ขึ้นมากันเพียบเลย

แอบไปยืนดูตู้คนขับรถไฟซะหน่อย เป็นห้องเล็กๆที่คนขับต้องยืนขับตลอดทาง

จากสถานี Yufuin มาถึงสถานี Oita ใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอดิบพอดี เดินลงมาแวะเข้าห้องน้ำซะหน่อย เดี๋ยวจะต้องต่อรถไฟ JR สาย Nippo Line ไปลงที่สถานี Beppu อีกที

เดินขึ้นมารอรถไฟตามชานชาลาที่ป้ายมันบอกไว้

รถไฟ JR สาย Nippo Line ก็เป็นรถไฟโลค่อลธรรมดาปกติ สถานีปลายทางก็แตกต่างไปตามรอบ เดี๋ยวเราจะนั่งสายนี้จากสถานี Oita ไปลงที่สถานี Beppu

มาแล้วๆ รถไฟ JR สาย Nippo Line

ใช้เวลา 12 นาทีก็มาถึงสถานี Beppu แล้ว

เดินลงมาจากชานชาลาเข้าไปภายในสถานี ทางออกมีสองฝั่งคือตะวันออกกับตะวันตก ฝั่งตะวันตก(ซ้าย)จะเป็นฝั่งที่ออกนอกเมืองไปชมพวกน้ำพุร้อนและบ่อนรกต่างๆ ส่วนฝั่งตะวันออก(ขวา)จะเป็นฝั่งย่านการค้าของเมืองและก็ฝั่งติดทะเลด้วย

สำหรับที่พักของเราคือ Beppu Guest House ก็อยู่ทางออกฝั่งตะวันออก ก็เดินเลี้ยวขวาออกมา แล้วเดินตรงออกจากสถานีไป

ออกฝั่งตะวันออกนี้เพื่อเอากระเป๋าสัมภาระไปฝากที่พักเอาไว้ก่อน

หน้าสถานี Beppu มีน้ำพุร้อนผุดๆขึ้นมาด้วยตรงซุ้มเนี่ย

จากหน้าสถานี เดินไปทางขวานิดเดียวก็ถึงที่พักแล้ว(ไม่เกิน 10 นาที) แต่เราเดินเลย เลยเสียเวลาไปอีก 555+

ฝาท่อที่เมืองเบปปุ

หลังจากเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเที่ยวละ มาสำรวจกันก่อนว่าที่เบปปุมีอะไรน่าสนใจบ้าง อย่างแรกเลยก็คือ "บ่อนรกทั้ง 8" ที่จะต้องนั่งรถบัสไป แล้วก็ยังมีสวนสาธารณะเบปปุที่ซากุระกำลังบานสะพรั่งเลย รวมถึงน้ำพุร้อนและสปาต่างๆก็น่าสนใจถ้าหากเรามีเวลาเหลือเพียงพอที่จะได้ชิวละก็นะ

เดินกลับมาที่สถานี Beppu อีกครั้ง ไปขอข้อมูลจาก Tourists Information Center เกี่ยวกับการนั่งรถบัสเที่ยวชมในเมือง เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยมเลยล่ะ แนะนำให้หมดเลยว่าไปบ่อนรกต้องนั่งรถบัสสายอะไรบ้าง จะเดินทางกลับมายังไงด้วย ถ้าจะไปบ่อนรก 6 บ่อแรกก่อน ให้นั่งรถบัสสาย 2, 5 หรือ 41 ไปลงที่ป้าย Umijigoku-mae จากนั้นให้เดินมาขึ้นรถบัสสาย 16 หรือ 16A ที่ป้าย Kannawa เพื่อไปต่ออีก 2 บ่อนรกที่เหลือ วิธีกลับสถานีก็ไปได้หลายเส้นทางตามแผนที่เลย

นอกจากจะซื้อบัตร one day pass ของรถบัสราคา 900 เยนมาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ให้ตารางรอบของรถบัส พร้อมกับบัตรกำนัลที่ใช้เป็นส่วนลดต่างๆเช่น ลดราคาบัตรเข้าชมบ่อนรกทั้ง 8 บ่อจากเดิม 2000 เยน เหลือ 1800 เยน รวมทั้งบัตรส่วนลดค่าใช้บริการบ่อน้ำพุร้อนและสปาต่างๆที่อยู่รอบๆเมืองด้วย น่าสนใจมาก! ที่สำคัญถ้าคุณเป็นนักเรียนนักศึกษา ก็ได้ราคานักเรียนนักศึกษาด้วยนะ ถูกลงไปอีก

เมื่อมั่นใจได้แล้วว่าข้อมูลในหัวมากพอที่จะไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทางแล้ว ก็มุ่งหน้าออกทางฝั่งตะวันตกไปรอรถบัสที่ป้ายกันเลย ตรงป้ายรถบัสจะมีแผนที่และตารางรถบัสให้ดูอยู่แล้วด้วย แบบนี้ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่

มีคนมารอรถบัสไปเที่ยวบ่อนรกจำนวนหนึ่ง.. ก็ถือว่าไม่เยอะนะสำหรับเรา

ป้ายรถบัส ดูจากป้ายนี้ รถบัสที่ผ่านสถานี Beppu ไปถึงบ่อนรก 6 บ่อแรกคือสาย 2, 5 หรือ 41 ล่ะ

รถบัสคันที่มาถึงก่อนคือสาย 41 ว่าแล้วก็โดดขึ้นรถเลย!

ใช้เวลานั่งรถบัสประมาณ 15 นาทีก็มาถึงป้าย Umijigoku-mae แล้ว เป็นป้ายรถบัสที่อยู่ข้างหน้าหนึ่งในบ่อนรกคือบ่อ Umi Jigoku นั่นเอง

ขณะกำลังนั่งรถบัสอยู่นั้น สิ่งที่กลัวก็เกิดขึ้น.. ฝนตกแล้ว! พอเดินลงรถบัสมาฝนก็ตกปรอยๆซะแล้ว ไม่รู้จะตกหนักขึ้นมั้ยและจะหยุดเมื่อไหร่ แต่เอาเถอะ the show must go on..

กางร่มแล้วเดินข้ามถนนเพื่อไปชมบ่อนรกกันเลย!

บ่อนรกบ่อแรกที่จะเข้าชมก็คือ Umi Jigoku หรือบ่อนรกสีทะเล

เตรียมบัตรเข้าชมบ่อนรกแบบเหมาทั้ง 8 บ่อที่ซื้อมาจาก Tourists Information Center ที่สถานี Beppu ราคาจริง 2,000 เยน แต่ได้ส่วนลดเหลือ 1,800 เยน เพราะแสดงพาสปอร์ต ขอบคุณคุณเจ้าหน้าที่ที่ Tourists Information Center สำหรับข้อมูลมากๆครับ

เดินเข้ามาภายใน ภูมิทัศน์ข้างในดูร่มรื่นจัดแต่งสวนได้สวยดีนะ สระน้ำสีมรกตสวยจัง

ข้างหน้าตรงนั้นคงจะเป็นบ่อนรก ควันพวยพุ่งเชียว

เดินเข้าไปตามทาง

เจอบ่อแล้วบ่อนึง อันนี้คงบ่อธรรมดา ควันโขมงแบบนี้ อยากรู้จังว่ามันร้อนแค่ไหน 555+

เดินทะลุทางเข้าเข้าไป ก็ได้เจอกับบ่อนรกที่แท้จริงบ่อแรก

Umi Jigoku หรือ บ่อนรกสีทะเล

สีมันแบบว่าน้ำทะเลจริงๆ สวยมากเลย สวยจนอยากโดดลงไปว่าย แต่น่าจะตัวเปื่อยเป็นเนื้อตุ๋นยาจีนแน่ๆ 555+

Umi Jigoku COMPLETED!

บ่อนรกบ่อที่ 2 ที่จะเข้าชมก็คือ Oniishibozu Jigoku หรือ บ่อนรกสีโคลน หรือ บ่อหัวพระ

จากทางเข้าเดินเข้าไปก็เจอบ่อนรกเลย

Oniishibozu Jigoku หรือ บ่อนรกสีโคลน หรือ บ่อหัวพระ

ที่มันถูกเรียกชื่อว่าบ่อหัวพระก็เพราะเวลาที่โคลนมันปุดๆขึ้นมา มันกลมๆเทาๆเหมือนหัวพระหัวเณรนั่นเอง นึกถึงอิ๊กคิวซังสิ 555+

Oniishibozu Jigoku COMPLETED!

เห็นเค้าว่าในบริเวณบ่อนรกแห่งนี้มีบ่อแช่เท้าด้วยนะ เดี๋ยวลองเดินไปดู

เจอบ่อน้ำร้อนให้พักแช่ขาจริงด้วย แต่ฝนตกแบบนี้ขอบายก่อนนะ..

มาถึงบ่อนรกบ่อที่ 3 ที่จะเข้าชมก็คือ Yama Jigoku หรือ บ่อหุบเขานรก โดยทั้ง 3 บ่อแรกนั้นจะอยู่ใกล้กันรวมกันเป็นกลุ่มเลย 3 บ่อ เข้าบ่อนี้ออกบ่อโน้นได้สบายๆ

เข้ามาด้านในก็เจอควันพวยพุ่งมาจากสันเขาจริงๆด้วย สมชื่อ Yama Jigoku เลย

มีบ่อน้ำร้อนเหมือนกันนะ ไม่ได้มีแค่ควันจากสันเขา

แต่จุดเด่นมันคือควันที่มาจากใต้เนินเขานี่ล่ะ

ควันพุ่งขึ้นมาตามแนวช่องอากาศตามพื้นดินเลย

มีควันออกมาจากใต้ดินจริงๆนะ!

Yama Jigoku COMPLETED!

นอกจากจะมีบ่อน้ำร้อนให้ชมแล้ว ภายในของ Yama Jigoku ยังมีโซนที่เป็นสวนสัตว์อยู่ภายในด้วย นี่เป็นกรงนกยูงที่หลบฝนกันอยู่

ลิงตัวนี้ยื่นมือขอของกินจากคนอยู่

ฮิปโปก็มีด้วยนะ!

หรือแม้แต่นกฟลามิงโก้ก็ยังมีอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ..

ออกจากบ่อนรก 3 บ่อแรกแล้ว จะต้องเดินผ่านสวนหย่อมมีซากุระด้วยนิดนึง ก่อนจะเข้าสู่บ่อนรกบ่อที่ 4

แผนที่บริเวณบ่อนรกนี้

มีป้ายบอกทิศทางเป็นระยะๆ ไม่มีหลงทางแน่นอน

มาถึงบ่อนรกบ่อที่ 4 ที่จะเข้าชมแล้ว ก็คือ Kamado Jigoku หรือ บ่อกระทะทองแดงนรก

เข้ามาข้างในก็เจอคุณยักษ์ก่อนเลย สงสัยรอเหยื่ออย่างพวกเราอยู่ 555+

จุดเด่นของบ่อนรกแห่งนี้คืออุณหภูมิของน้ำร้อนในบ่อ มีหลายบ่อต่างๆกันไป บางบ่อนั้นมีอุณหภูมิสูงถึง 90°C เลยนะ!

บ่อนี้สวยงามไม่แพ้บ่อ Umi Jigoku เลย สีฟ้าสวยมากๆ แท้จริงแล้วนั้นมีปริมาณความร้อนที่อัดแน่นที่มีอุณหภูมิสูงถึง 90°C ในสมัยก่อนจะมีงานเทศกาลของศาลเจ้าคะมะมงเท็มมังกูจัดทุกปี คือจะใช้ควันไอร้อนของบ่อนรกแห่งนี้ในการทำข้าวสุก บ่อนี้ก็เลยได้ชื่อว่า Kamado Jigoku ด้วยเหตุฉะนี้

Kamado Jigoku COMPLETED!

น่าโดดลงไปว่ายมากๆ

สนใจลงไปว่ายน้ำในบ่อนรกนี้ด้วยกันมั้บครับ??

ตรงนี้เป็นบ่อโคลนที่ดูไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

ส่วนอันนี้เป็นบ่อที่ร้อนที่สุด มันมีจุดที่น่าสนใจคือ ถ้ามีความร้อนจากควันซึ่งอาจเกิดจากธรรมชาติหรือเราไปจุดควันไฟก็ได้ มันจะเกิดควันตามขึ้นมาพรึ่บเลย คุณไกด์ท่านนึงที่พาทัวร์มาลงเค้าทำให้ดู เราแอบยืนดูอยู่ห่างๆ

ที่บ่อนรกแห่งนี้ เค้าจัดโซนให้นั่งแช่เท้าด้วยล่ะ แล้วก็มีของกินพวกไข่ต้มอนเซ็นกับหมั่นโถวแล้วก็นมให้กินด้วยนะ

ขอลองแช่เท้าคลายเมื่อยซะหน่อย

อา.. สบายเท้าดีจัง

ไข่ต้มออนเซ็นที่กินจิ้มเกลือกับนมกาแฟ

อนเซ็นมันก็ต้องคู่กับนมขวดนี่ล่ะ!

แช่เท้ากันสักพัก ก็เดินออกมาจาก Kamado Jigoku มันมีทางออกอีกฝั่งด้วย จะได้เดินต่อไปยังบ่อนรกถัดไปได้เลย

บ่อนรกบ่อที่ 5 ที่จะเข้าชมก็คือ Oniyama Jigoku หรือ บ่อนรกหุบเขาของเหล่ายักษ์

มันเป็นเขาของยักษ์นี่นะ เลยได้เห็นยักษ์มายืนแสดงความเป็นเจ้าของอยู่หน้าทางเข้า

เดินเข้ามาก็เจอไอน้ำหนาขนาดนี้เลย.. คนใส่แว่นแบบเราจะรู้ว่ามันลำบากชีวิตแค่ไหน..

Oniyama Jigoku COMPLETED!

จุดเด่นของบ่อนรกแห่งนี้คือ "แรงดันน้ำ" คือเกือบทุกบ่อจะมีแรงดันน้ำที่พุ่งแรงมากๆ แรงขนาดที่มีเรื่องเล่าว่าน้ำพุ่งมีแรงดันราวกับหอกทิ่มจนจระเข้บางตัวที่มาลอยคออยู่โดนเข้าไปแล้วตายห่าเลยก็มี!

ดูตัวเลขแรงดันน้ำสิ ฆ่ากันเหอะ..

ตอนช่วงที่ลมสงบๆก็ดูเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมดาอยู่นะ

ในเมื่อพูดเรื่องจระเข้กันขนาดนี้ บ่อนรกแห่งนี้จึงทำฟาร์มจระเข้ไปด้วยในตัว 555+ นอกจากจระเข้แล้วก็มีโซนของกินพวกไข่ต้มอนเซ็นและนมเหมือนกัน แต่คนไม่ค่อยนิยมมากินที่บ่อนรกนี้เท่าไหร่ อาจเพราะโดน Kamado Jigoku ดักคนไปหมดแล้ว

ฟาร์มจระเข้ที่อยู่ภายในบ่อนรก Oniyama Jigoku

ออกจากบ่อนรกบ่อที่ 5 แล้ว ต้องเดินผ่านย่านร้านค้านิดหน่อย ก่อนจะไปถึงบ่อที่ 6 ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย แถมหนาเม็ดขึ้นอีกต่างหาก..

มาถึงบ่อนรกบ่อที่ 6 ที่จะเข้าชมก็คือ Shiraike Jigoku หรือ บ่อนรกสีขาว

ที่บ่อนี้จัดสวนสไตล์ญี่ปุ่นเลย มีบอนไซล้อมรอบดูญี่ปุ่นดี ส่วนจุดเด่นของบ่อนรกแห่งนี้ตามชื่อเลย มีสีขาวราวกับน้ำนมก็มิปาน

สีสวยแต่ลงแช่ไม่ได้นะ! ลงไปนี่ตัวสุกเลยล่ะขอบอก 555+

Shiraike Jigoku COMPLETED!

เดินออกมาทางออกอีกฝั่งนึง มันจะใกล้ๆกับป้ายรถบัส Kannawa เลย เดินอีกหน่อยเดียวเอง

ตามแผนที่คือเดินไปทางขวาแล้วตรงลงไปตามทางสโลป พอถึงสี่แยกก็เลี้ยวซ้ายจะเจออู่รถบัส นั่งรอรถบัสสาย 16 หรือ 16A ที่ต้นสายอยู่ที่อู่ตรงนั้น

ขึ้นรถบัสหมายเลข 16 แล้ว เพื่อเดินทางไปชมบ่อนรก 2 บ่อสุดท้ายที่อยู่แยกจาก 6 บ่อแรกไปไกลหน่อยนึง

บ่อนรกสองบ่อที่เหลือก็คือ Chinoike Jigoku และ Tatsumaki Jigoku จะอยู่บริเวณใกล้ๆกัน

ลงรถบัสที่ตรงหน้าบ่อนรกบ่อที่ 7 คือ Chinoike Jigoku หรือ บ่อนรกสีเลือด

เดินเข้ามาข้างในก็เจอบ่อนรกเลย จุดเด่นของมันคือสีที่แดงเหมือนเลือด

จริงๆแล้วเราแอบหวังไว้ว่ามันจะแดงเป็นสีเลือดมากกว่านี้นะ แต่นี่มันออกส้มๆแฮะ

Chinoike Jigoku COMPLETED!

ใกล้ๆมีบันไดให้ขึ้นไปถ่ายบ่อนรกแห่งนี้จากมุมสูงด้วยล่ะ

และแล้วก็มาถึงบ่อนรกบ่อสุดท้ายที่อยู่ข้างๆกันก็คือ Tatsumaki Jigoku หรือ บ่อน้ำพุนรก

เข้ามาข้างในแล้ว ที่นี่เหมือนเป็นโรงมหรสพเลยอ่ะ คือเข้ามาก็มีแค่ที่นั่งเหมือนพวกโรงละครกลางแจ้ง ตรงกลางข้างหน้าก็มีกองหินก่อแบบในรูป และในทุกๆ 20-30 นาทีจะมีน้ำพุพุ่งออกมาจากใต้หินนี้ราวกับสั่งได้ ความเร็วความนานขึ้นกับมันสะสมแรงดันได้ขนาดไหน

นั่นไง! น้ำพุพุ่งออกมาแล้ว!

Tatsumaki Jigoku COMPLETED!

มาจนครบ 8 บ่อ เพิ่งจะได้ถ่ายเรทค่าเข้าชมให้ดู ทางซ้ายเป็นตั๋วแบบเหมาครบทุกบ่อ มีราคาต่างๆ ถ้าจะดูครบก็ควรซื้อแบบเหมาอย่างที่บอกนะล่ะ ทุกบ่อเปิดให้เข้าชมเวลา 8.00 - 17.00 น. ทุกวัน

ทัวร์บ่อนรกจบครบทั้ง 8 บ่อท่ามกลางความเปียกปอนจากฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย เสร็จแล้วต่อไปเราจะนั่งรถไปลงตรง Beppu Tower ต่อ ก็ต้องนั่งรถบัสสาย 16 หรือ 16A จากป้ายที่ลงรถมาก่อนหน้านี้ต่อไป จำใจต้องตัดสวนสาธารณะเบปปุทิ้ง ฝนตกแบบนี้คงจะดูซากุระไม่สนุกและไม่สวยแน่ๆ..

Beppu Tower อยู่ถนนเลียบทะเลที่มุ่งหน้ากลับสถานี Beppu ได้ ถ้าจะขึ้นไปชมวิวบน Beppu Tower ให้ลงป้าย Beppu Tower mae เลย แต่ถ้าจะถ่ายรูปแค่จากข้างล่างก็ไปลงรถที่ป้าย Kitahama แบบเราเลยก็ได้

นั่งรถบัสมาลงป้าย Kitahama ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีถึง แล้วก็หันกลับไปหา Beppu Tower

Beppu Tower สั้นๆง่ายๆ "ไม่มีห่านอะไรเลย" 55555+

อย่างน้อยก็ได้มาแล้ว ถ่ายรูปคู่เอาไว้หน่อยๆ 555+

หลังจากนี้จะขอเปลี่ยนแพลนและ คือฝนตกมันทำให้แพลนการเที่ยวล่าช้าตามไปด้วย ฟ้าไม่สวยแถมมืดเร็วอีก ที่สำคัญคือมือนึงต้องถือร่มอีก มันถ่ายรูปลำบากมากๆ กลัวกล้องเปียกอีก เลยตัดสินใจตัดแพลนไปเที่ยวสวนสาธารณะเบปปุออกไป แล้วหนีฝนเข้าห้างดีกว่า ใกล้ๆกับป้ายรถบัสที่ลงมีห้างชื่อ you me มาเปิดใหม่อยู่

หาร้านกินมื้อเย็นก่อนดีกว่า เทนด้งร้านนี้น่าสนใจดี จัดสิ!

จากนั้นก็ได้เวลาชอปปิ้งแล้วจ้า เริ่มจากบิดกาชาปองก่อน 555+

หลังจากชอปปิ้งจนดึกดื่นมืดค่ำ ได้เวลากลับที่พักเพื่อไปเช็คอินแล้ว ออกจากห้างมา เดินตรงไปตามถนนที่มุ่งหน้าสู่สถานี Beppu

ถ่ายรูป Beppu Tower ยามค่ำคืนซะหน่อย

จากห้างเดินกลับมาที่ที่พักคือ Beppu Guest House ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

ตอนเช็คอินนี่งงเลย คนดูแลบอกห้องที่เราจองไว้เต็ม อ้าว.. ทำไมเต็มได้วะ? ก็ถามไปว่างั้นมีห้องอื่นมั้ย ก็ยังดีที่มีห้อง ถ้าไม่มีดิจะวีนให้.. ราคาห้องถูกลงมาอีกพันเยน ที่พักที่นี่เก่ามาก ห้องก็ดูเก่าไม่ได้สะดวกสบายอะไร ห้องอาบน้ำก็มีห้องเดียวแย่งกันอาบ เต็ม 10 เราให้ 3 พอ..

ห้องอัดกันอยู่ทุกชั้น นี่ห้องพักหรือหอในโรงเรียนรัฐบาลวะ 555+

ภายในห้องก็ดูโอเคตามสมควร แต่แคบไปหน่อย เอาที่นอนปูก็เต็มห้องพอดี สูงสุดคืนสู่สามัญจริงๆ เมื่อวานเป็นราชาเรียวกัง วันนี้นอนรังหนู เหอๆ เอาเถอะ แค่มีที่นอนก็พอแล้ว ยังไงก็กลับดึกออกเช้าไม่เหมือนเมื่อวาน 555+

สารภาพว่าวันนี้เพลียกับฝนจริงๆ บ่อนรกทั้งหลายโดนฝนหล่นฉ่ำท้องฟ้าซะกลายเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมดาไปซะงั้น.. แต่ก็ดี ฝนตกคนเลยไม่เยอะ คนน้อยสบายดีๆ ดูครบทั้ง 8 บ่อนรกจบสบายๆ

สำหรับแพลนในวันพรุ่งนี้เราจะกลับไปพักที่ฟุคุโอกะ แต่ว่าเลยไปเที่ยวที่คุมะโมโตะก่อน รอบรถไฟจองไม่ทัน ต้องไปลุ้นที่ non-reserve เอาที่หน้างาน สู้ตาย!

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page