top of page

2014.03.31 Japan Trip #6 Day11 Part2 - Nagasaki


ต่อจาก Part 1 ที่เราไปเที่ยวชมซากุระบานมาสองที่ในจังหวัดนะงะซะกิ คราวนี้ก็มาต่อกันด้วยการท่องเที่ยวในเมืองนะงะซะกิกันบ้าง อย่างที่เล่าไปแล้ว ช่วงบ่ายนี้เราจะไปเที่ยวที่ Atomic Bomb Museum และ Peace Park ของจังหวัดนะงะซะกิบ้าง หลังจากที่ไปเยี่ยมชมของจังหวัดฮิโรชิมะมาแล้วเมื่อช่วงต้นทริปนี้ และปิดท้ายวันนี้ด้วยการไปชมวิวกลางคืนของเมืองนะงะซะกิที่บนยอดเขาอินะสะ ที่ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นวิวกลางคืนที่สวยติด Top 3 ของประเทศเลยด้วย

และการเดินทางของเราหลังจากนี้จะเป็นการใช้บริการรถรางประจำเมืองนะงะซะกิ ซึ่งป้ายสถานีของรถรางนั้นก็อยู่ระหว่างกลางสะพานลอยหน้าสถานี Nagasaki นั่นล่ะ

รถรางที่นางาซากิก็มีหลักๆอยู่ 4 สาย สายที่ผ่านหน้าสถานี Nagasaki ก็จะมีสายที่ 1 กับ 3 ซึ่งเราคงใช้บริการอยู่แค่นี้ เพราะว่าสายที่ 4 กับ 5 นั้นวิ่งอยู่ช่วงด้านล่างของเมืองซึ่งเราไม่ได้วางแพลนไป จริงๆในตอนแรกก็ว่าจะไปแต่เวลามันไม่พอเพราะว่าเลือกไปสวนโอมุระในช่วงเช้าก่อนนั่นเอง

รถรางสายที่ 1 มาแล้ว เดี๋ยวเราจะนั่งจากป้ายสถานี Nagasakieki-mae ไปลงที่ป้ายสถานี Hamaguchimachi

มาถึงป้ายสถานี Hamaguchimachi แล้ว ค่าโดยสาร 120 เยน ราคาเดียวตลอดสาย

ตรงนี้เราจะไป Atomic Bomb Museum ก่อน แล้วจะเดินไป Peace Park ต่อ ก็เลือกเอาได้ว่าจะไปไหนก่อนหลัง แต่เรากลัวว่าพิพิธภัณฑ์มันจะปิดซะก่อน ก็เลยไปก่อนแล้วค่อยไปสวนสันติภาพ

จากสถานีรถราง Hamaguchimachi ก็จะมีป้ายบอกว่า Atomic Bomb Museum เดินไปทางไหนบอกอยู่

เดินตามลูกศรที่ชี้ไปให้เดินข้ามถนนออกจากสถานีรถรางตรงขึ้นไปทางนั้นเลย

เดินมาอีกหน่อยก็เจอป้ายบอกทาง เดินตามป้ายไปเลย

เริ่มมองเห็นอาคารของพิพิธภัณฑ์อยู่ไกลๆตรงหน้านั่นแล้ว

ที่นี่เอง Atomic Bomb Museum

เข้าไปชมข้างในกันเลยดีกว่า

เมื่อเข้ามาข้างในพิพิธภัณฑ์จะเจอโถงใหญ่ๆก่อน เหมือนจะมีทางเข้าหลายทาง แต่ละทางจะมุ่งหน้ามาบรรจบที่โถงใหญ่ตรงกลางที่เป็น Entrance Gate

ก่อนอื่นต้องหยอดเงินซื้อบัตรเข้าชมก่อน ค่าเข้าชมคนละ 200 เยน

เสร็จแล้วก็หยิบแพมเพ็ทมาอ่านเล่นด้วย วางอยู่ตรงหน้าเค้าน์เตอร์ของเจ้าหน้าที่

ภายในก็จะมีการเล่าเรื่องราวก่อนหลังการโดนอเมริกาทิ้งเจ้าอ้วน Fat Man ลงมาตอน 11.28 น. ในวันที่ 9 ส.ค. 1945 พร้อมทั้งจัดแสดงรูปภาพซากอาคารซากศพและซากสิ่งของต่างๆให้เห็นถึงความร้ายกาจของนิวเคลียร์ เป็นอะไรที่ดูแล้วหดหู่เศร้าใจมากๆเลย

แบบจำลองของระเบิดนิวเคลียร์เจ้าอ้วน Fat Man

รายละเอียดของธาตุอันตรายที่จะทำฟิชชั่นและฟิวชั่นกันจนเกิดเป็นความร้อนมหาศาล หายนะต่อเมืองสงบๆอย่างนะงะซะกิแท้ๆ..

เดินชม Atomic Bomb Museum แล้วก็พาใจหดหู่ ต้องออกมาบิ๊วท์อารมณ์สุนทรีกันใหม่กับซากุระใกล้ๆ

ซากุระที่เมืองนี้กำลังเบ่งบานกันพีคเต็มที่เลย

เดี๋ยวเราจะเดินลงไปทางนั้น เป็นทางเดินไปสู่ Hypo Center หรือ แก่นกลางของระเบิดนิวเคลียร์

สวนสันติภาพที่นะงะซะกินั้นกินบริเวณกว้างใหญ่มากๆ

แต่ก่อนอื่นถ่ายรูปซากุระเล่นก่อน 555+

เดินข้ามถนนและลงบันไดไปตามทาง

มีรูปปั้นอยู่มากกมายกระจายเป็นจุดๆตามสวนสันติภาพ แต่เราไม่ได้หาข้อมูลมาว่าแต่ละรูปปั้นมีความสำคัญยังไง

เดินตรงข้ามสะพานข้างหน้านี้ไป ก็จะพบกับ Hypo Center จุดศูนย์กลางการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์ที่นะงะซะกิ

มีแผนที่ให้ดูตามทางเป็นระยะๆ

ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ก็มีซากุระ ซากุระมีอยู่ทุกที่ในญี่ปุ่น!

รูปปั้นหญิงสาวที่อุ้มศพเด็กน้อยที่เสียชีวิตจากกัมมันตรังสี

เราเดินมาถึง Hypo Center แล้ว ตรงนี้เมื่อประมาณ 70 ปีก่อน เป็นศูนย์กลางของการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์ที่ถูกทิ้งลงสู่เมืองนะงะซะกิ

ทำไมโลกมันถึงได้โหดร้ายขนาดนี้กันนะ..

ไปแสดงความเคารพต่ออนุสรณ์สถาน ยืนสงบนิ่งสักหน่อย

ซากเสาโบสถ์คาธอลิกอุระคะมิที่หลงเหลือมาจากแรงระเบิดครั้งนั้น

จากนี้เดี๋ยวต่อไปจะมุ่งหน้าสู่ Peace Park หรือสวนสันติภาพกันแล้ว

มีคลองอยู่ด้านข้าง ช่วยเพิ่มความร่มรื่นชุ่มชื้นได้มากเลย

เดินเลาะไปตามคลองเรื่อยๆ จะมีทางเดินเข้าสู่สวนสันติภาพ

รูปปั้นประติมากรรมเยอะจริงๆจังหวัดนี้

ชีวิตการเดินทางมันต้องมีรูปแบบนี้ในทริปด้วยนะ 555+

นี่คือ Fountain of Peace หรือ "น้ำพุสันติภาพ" (มองทะลุไปไกลๆนั่นคืออนุสาวรีย์แห่งสันติภาพ)

เดินเลยผ่านน้ำพุสันติภาพนี้ไป

เดินตรงไปสู่อนุสาวรีย์แห่งสันติภาพ

นี่คือ Peace Statue หรือ "อนุสาวรีย์แห่งสันติภาพ"

อนุสาวรีย์แห่งสันติภาพนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของพระเจ้าและความเมตตาของพระพุทธเจ้า มือขวาที่ชี้ไปยังท้องฟ้าหมายถึง "มหันตภัยร้ายของระเบิดนิวเคลียร์" มือซ้ายแผ่ไปในแนวราบขนานกับพื้นดินหมายถึง "สันติภาพ" ส่วนการหลับตาลงหมายถึง "การอธิษฐานเพื่อความสุขของผู้รอดชีวิตจากระเบิดนิวเคลียร์"

ตอนแรกไม่กล้าทำเพราะกลัวว่ามันจะเป็นการไม่ให้ความเคารพอะไรงี้ แต่เห็นสาวจีนสองคนที่หน้าตาน่ารักมากๆมาขอให้เราถ่ายรูปให้แล้วทำท่าเลียนแบบ แล้วก็เจอคนญี่ปุ่นก็ทำด้วยอีก เพราะงั้นเราก็เอาด้วยดิ!

ทิ้งท้ายด้วยเบื้องหลังของอนุสาวรีย์แห่งสันติภาพ 555+

ถ่ายรูปเล่นในจุดสำคัญของเมืองไปเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกจากสวนสันติภาพแล้วก็ข้ามถนนไปตามหาสถานีรถรางกันได้เวลาไปต่อกับที่หมายสุดท้ายของวันนี้ ซึ่งก็คือ Ropeway ขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาอินะสะ

เดินหาสถานีรถรางที่อยู่ใกล้ๆกับถนนใหญ่

มาถึงสถานีรถรางแล้ว ตรงนี้คือป้ายสถานี Ohashi สามารถนั่งรถรางสายที่ 1 กับ 3 ได้

จากสถานี Ohashi นั่งกลับไปลงที่สถานี Takaramachi แล้วก็ต้องเดินอีกประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อไปสถานี Ropeway แต่ก่อนอื่นขอพักหาเสบียงรองท้องก่อน มีร้าน Lawson อยู่หัวมุมถนนตรงสถานีรถรางพอดี

เดินข้ามสะพาน มองวิวบ้านเรือนบนภูเขาลดหลั่นกันไปก็ยิ่งประทับใจเมืองนี้

แม่น้ำกลางเมืองก็สงบเงียบดีจัง

ยิ่งมองก็ยิ่งชอบผังเมืองของที่นี่ มันเก๋ๆอ่ะ

พอข้ามสะพานมาก็จะเจอป้ายบอกทางไปยัง Ropeway ก็มุ่งหน้าไปทางขวาตามนั้นเลย

เดินตรงตามถนนทางขวาไปเรื่อยๆ

จนเจอป้ายบอกทาง Nagasaki Ropeway ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไป

มุ่งหน้าเข้าสู่สถานี Ropeway กันเลย!

ต้องเดินขึ้นไปตามทางอีกหน่อย ก็จะถึงหน้าทางเข้าที่มีเสาโทริอิสีแดง

ถึง Nagasaki Ropeway ไปตีตั๋วขึ้นกระเช้าราคา round trip 1,200 เยน

รายละเอียดของ Nagasaki Ropeway นั้นสามารถหาดูได้ในเว็บไซต์ได้เลย

กระเช้าจะออกทุกๆ 15 นาที และใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็ถึงสถานีด้านบนแล้ว

ชมวิวเมืองนะงะซะกิระหว่างที่กระเช้ากำลังเคลื่อนขึ้นสู่บนยอดเขาอินะสะ

และเราก็ได้พบว่าพี่เอ๊ะวงละอองฟองนั้นกำลังโฟโต้บอมบ์เราระหว่างเซลฟี่อยู่ 555+

ขึ้นมาถึงสถานีด้านบนแล้ว

เดินออกจากสถานี Ropeway ไปตามทางเดินเรื่อยๆ แล้วเราก็มาถึงอาคารชมวิวข้างบนยอดเขาอินะสะซึ่งมี 4 ชั้นด้วยกัน โดยมีจุดชมวิวดาดฟ้าอยู่ชั้นบนสุด ส่วนแต่ละชั้นในอาคารก็สามารถนั่งชมวิวได้แบบนี้เช่นกัน

ขึ้นมาบนจุดชมวิวแล้ว เห็นวิวเมืองนะงะซะกิทั้งเมืองเลย!

ได้ชมดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปพลางๆก่อนด้วย

บนจุดชมวิวนี้ สามารถมองเห็นสถานที่หลายๆแห่งรอบๆนะงะซะกิ

อย่างเช่น "เกาะฮะชิมะ" เกาะร้างอันโด่งดัง ที่คนไทยยังมีหนังไปถ่ายทำที่นั่นด้วย

เราก็พยายามซูมหาอยู่สักพักกว่าจะเจอเกาะฮะชิมะ แลดูสยองดีพิลึก..

กลับมาจับจองจุดที่จะถ่ายรูปวิวเมืองยามค่ำคืนกันต่อ เพราะคนเริ่มมามุงกันเยอะแล้ว

ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อยว่าเคยมาเยือนแล้วนะ

ยืนรอดวงอาทิตย์ตกท่ามกลางความหนาวเหน็บจากลมที่พัดแรง..

ฟ้าเริ่มมืดลงในเวลาอันรวดเร็ว เริ่มเห็นแสงไฟจากเมืองชัดขึ้นเรื่อยๆ

และแล้วก็มืดสนิทจนได้! วิวเมืองนะงะซะกิยามค่ำคืนบนเขาอินะสะ

สมกับเป็น Top 3 ของวิวเมืองกลางคืนของประเทศจริงๆ ประทับใจมาก รู้สึกดีมากที่ได้ขึ้นมาดู งวดหน้าเราจะไปที่ฮะโกดะเตะและโกเบที่เป็นอีกสองที่ที่เหลือบ้างล่ะนะ!

ถ้าได้มาเที่ยวที่นะงะซะกิอีกครั้ง เราก็จะขึ้นมาชมวิวที่นี่อีกแน่นอน

หลังจากเก็บภาพความประทับใจกับวิวเมืองยามค่ำคื่นเสร็จแล้ว ก็ได้เวลากลับลงไปข้างล่าง เดินกลับมาที่สถานี Ropeway

ต่อแถวรอขึ้นกระเช้ากลับลงไปข้างล่าง

หลังจากกลับลงมาด้านล่าง เดินออกมาก็เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนพาเหรดกันเดินขึ้นรถบัสที่มาจอดตรงหน้าทางเข้าพอดี พอเราอ่านชื่อสถานีก็เห็นมันเขียนว่า Nagasakieki-mae ด้วย เท่ากับไปลงหน้าสถานี Nagasaki ได้ ก็เลยโดดขึ้นรถไปด้วยคน 555+ ค่าโดยสาร 150 เยน ดีกว่าต้องเดินย้อนมาขึ้นรถรางตอนค่ำมืดล่ะนะ

รถบัสมาจอดที่ป้ายฝั่งตรงข้ามสถานี Nagasaki จากนั้นเราก็เดินขึ้นสะพานลอยเพื่อข้ามกลับไปยังฝั่งสถานีรถไฟ เตรียมเดินเข้าห้างกันต่อ

เสร็จแล้วก็เดินเข้าห้าง Amu ได้เวลาชอปปิ้งรอรอบรถไฟกลับฟุคุโอกะ อันดับแรกเลยคือเดินไปที่ร้าน Tower Records ก่อน เผื่อมีแผ่นซีดีของวงโลโคดอลของจังหวัดนะงะซะกิให้ซื้อ

น้องๆวง Team Syachihoko วงโปรดของเราก็เคยมาเยือนที่นี่นะ!

จากนั้นก็ไปซื้อของกินและเสบียงเป็นมื้อเย็นวันนี้ที่ซุปเปอร์ ซุปเปอร์วันนี้วุ่นวายมากๆ คงเพราะว่าพรุ่งนี้จะขึ้นภาษีแล้วนั่นล่ะ คนญี่ปุ่นเลยมากักตุนสินค้ากันซะมาก ซื้อของเสร็จเราก็เดินกลับมารอรถไฟที่สถานี Nagasaki

มีโมเดลที่เหมือนเรือสำเภาอยู่ภายในสถานีรถไฟด้วย

มีโมเดลสะพานเมงะเนะบะชิด้วย เสียดายวันนี้ไม่ได้ไปเยือน..

ได้เวลารถไฟกลับออกแล้ว ขากลับเรากลับด้วยรถไฟ Limited Express Kamome 50 ออกจากสถานี Nagasaki เวลา 21.30 น. จะกลับไปถึงสถานี Hakata เวลา 23.20 น. ถือว่าดึกเหมือนกันนะเนี่ย..

เสบียงที่ซื้อมากินคืนนี้เป็นข้าวหน้าเนื้อล่ะ

พร้อมด้วยเอบิฟรายอีกกล่องเป็นของกินเล่น

กลับมาถึงทุกสิ่งทุกอย่างปิดแทบเกลี้ยง 555+ ก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มอีก เดินมุ่งหน้ากลับที่พักกันทันที คืนนี้ต้องแพ๊คกระเป๋าเดินทางเตรียมกลับไทยด้วยสิ

ขนมของฝากสำหรับทริปนี้ก็เพียบเช่นเคย น่าจะครบและเพียงพอสำหรับคนรู้จักของเรานะ รอไปเก็บตกเอาพรุ่งนี้อีกนิดนึงก็แล้วกัน

ก็เป็นอันว่า Mission Completed! แล้วสำหรับเรา พรุ่งนี้เก็บตกในเมืองตรงย่านเท็นจินอีกนิดหน่อยก็โอเคละ ไว้มีโอกาสจะมาคิวชูใหม่อีกรอบให้ได้เลย!

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page