top of page

2014.10.23 Japan Trip #7 Day1 - Akihabara,Odaiba


ทริปตะลุยโทโฮคุเพื่อชมใบไม้แดง รอบนี้กะไว้ว่าจะเก็บภูมิภาคโทโฮคุให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ต้องปรับเปลี่ยนแพลนคือต้องตัดฮะจิมังตัยกับ Hokkoda Ropeway ออกไปตามสถานการณ์เพราะเช็คพยากรณ์แล้วเห็นว่ามันเลยช่วงแดงพีคๆไปแล้ว รวมทั้งเขาเดวะซังซังที่น่าจะสมบุกสมบันลำบากผู้ร่วมทริปคือคุณแม่และคุณน้ากันเกินไป แต่แพลนหลักๆก็ยังคงไว้ได้ถึง 80% เลยนั่นก็คือเราจะไปเที่ยวที่นิกโก้,ทะเลสาบโทวะดะ,ลำธารโออิระเสะ,ยะมะเดระ,โตรกผาเกบิเค,เมืองฮิระอิซุมิ,โตรกผานารุโกะ,โกะชิกินูมะ,พิพิธภัณฑ์รถไฟที่ไซตะมะ แล้วก็เหลือเวลากลับชอปปิ้งที่โตเกียวอีกสัก 3-4 วันกำลังดี จะฟินครบทุกที่มั้ย โชคจะอำนวยแค่ไหน มาติดตามกันเลย!

ทริปนี้ก็ทำแพลนการเที่ยวไว้เหมือนเคย แต่ไม่ค่อยจะละเอียดเท่าไหร่นักเพราะไม่ค่อยมีเวลาว่างทำสักเท่าไหร่ พวกเอกสารเกี่ยวกับแพลนและสถานที่เที่ยวให้คุณแม่และคุณน้าได้อ่านเพิ่มเติมก็ต้องปริ๊นท์จากเว็บเอาเพราะรีบมาก เอาจริงๆงวดนี้ความพร้อมของแพลนเที่ยวแค่ 60-70% เอง

อีกสิ่งที่ไม่ลืมคือ pocket wifi ที่ต้องเช่าไปญี่ปุ่นด้วยทุกครั้ง รอบนี้มีบริการจัดส่งให้ฟรีๆด้วย messenger เจ๋งไปเลย

ส่งมาถึงมือเราก่อนบินคือรับมาตอนกลางวันบินตอนกลางคืนเลย 555+

เตรียมพร้อมเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่ 4 โมงเย็น ไปเช็คอินรับบอร์ดดิ้งพาส เที่ยวบินรอบนี้ยังเป็น Cathay Pacific เหมือนครั้งที่แล้ว เนื่องจากยังติดใจในบริการอยู่ ถึงจะต่อเครื่องและราคาตั๋วแพงไปสักหน่อยก็เถอะ เครื่องไฟลท์ของเราออกเวลา 18.25 น.

ผ่านตม.เข้าไปนั่งรอเกทเปิด อาหารไปกินบนเครื่องเพราะเราบิน Full Service ซิ

ถึงเวลาเกทเปิดก็ต่อแถวขึ้นเครื่อง เตรียม depart ละ ได้นั่งโซนหลังท้ายสุดของเครื่องเลย

เดี๋ยวเราต้องไป transit ที่ฮ่องกง เพื่อต่อเครื่องไปลงที่สนามบินนาริตะอีกที

ต่อเครื่องจากสนามบินฮ่องกงมาถึงสนามบินนาริตะเวลา 6.25 น. หลับๆตื่นๆมาตลอดทาง ต่อเครื่องแล้วเรานอนไม่ค่อยจะหลับทุกทีเลย

ผ่านตม. รับกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟที่ชั้นล่างทันที และเราก็ได้กลับมาใช้บริการของรถไฟ Keisei อีกครั้ง ทางซ้ายคือรถไฟของ Keisei ส่วนทางขวาคือรถไฟ JR ซึ่งก็มี NEX แบบแพ๊คเกจลดราคาเป็นตัวชูโรง เพราะงั้นความนิยมถึงได้ต่างกันอย่างที่เห็น

เราแพลนไว้แล้วว่าจะยังไม่ใช้ JR Pass ในวันแรกๆของทริป เก็บไว้ใช้เดินทางขึ้นเหนือเอา ก็เลยเลือกนั่งรถไฟ Keisei แต่รอบนี้เราจะนั่งไปลงที่อะซะคุสะ ก็ต้องนี่เลยครับ! รถไฟ Keisei สาย Narita Sky Access Line เป็นสายรถไฟธรรมดาที่วิ่งร่วมสายกับรถไฟใต้ดิน Toei Subway และรถไฟ Keikyu สาย Airport Line วิ่งเชื่อมต่อเส้นทางเชื่อมระหว่างสองสนามบินคือนาริตะและฮาเนดะด้วย นั่งทีเดียวยาวๆจากสนามบินนาริตะไปถึงสถานี Asakusa ของรถไฟใต้ดิน Toei ได้เลย

ซื้อตั๋วแล้วลากกระเป๋าสัมภาระมายืนรอรถไฟกันที่ชานชาลา รถไฟสาย Narita Sky Access Line ขบวนถัดไปจะออกเวลา 7.42 น.

รถไฟมาแล้ว! จะใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 80 นาทีในการไปถึงสถานี Asakusa ล่ะ

มาถึงสถานี Asakusa แล้ว เดี๋ยวเราจะไปรับตั๋ว All Nikko Pass สำหรับไปเที่ยวนิกโก้พรุ่งนี้ที่สถานีรถไฟ Tobu ที่อยู่ใกล้ๆกับวัดเซนโซจิในย่านอะสะคุสะก่อนจะไปที่พัก

เดินออกจากสถานีรถไฟมาก็เห็น Tokyo Skytree เลย ยืนถ่ายรูปเล่นกันซักเล็กน้อยเพราะคุณน้ายังไม่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นมาก่อน

จริงๆแล้วเราพักที่โฮสเทล Khaosan Tokyo Ninja ที่อยู่ใกล้ๆกับสถานี Asakusabashi แต่ว่าเราจองตั๋ว All Nikko Pass เอาไว้ เลยต้องเดินทางไปรับตั๋วที่ Travel Service Center ของสถานีรถไฟ Tobu ที่อะสะคุสะก่อน แล้วก็สอบถามรอบรถไฟให้ชัวร์เอาไว้ก่อนจะได้อุ่นใจ

จากนั้นก็พากันเดินกลับสถานี Asakusa เพื่อนั่งรถไฟ Toei Subway สาย Asakusa Line จากสถานี Asakusa ไปลงที่สถานี Asakusabashi เพื่อไปเช็คอินเข้าที่พัก

เดินออกจากสถานี Asakusabashi ดูแผนที่แล้วก็เดินไปที่พัก

เดินตามแผนที่ไป จะต้องข้ามสะพานนี้แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปทางหลังตึกที่เห็นริมแม่น้ำคันดะนี้

และเราก็เดินมาจนถึง Khaosan Tokyo Ninja ที่พักที่นี่โอเคเลย ค่าห้องก็คนละ 3,000 เยน/คืน ถึงห้องจะเล็กไปหน่อย มีแค่เตียงนอนอยู่ในห้อง แต่ห้องน้ำที่นี่ดีมาก ส่วนหนึ่งที่เลือกพักที่นี่เพราะเค้ารับฝากกระเป๋าไว้ในแบบที่เราพักแบบฟันหลอได้ คือแพลนเราจะต้องฝากกระเป๋าเพื่อไปค้างคืนที่นิกโก้หนึ่งคืนด้วยน่ะ

หลังจากฝากกระเป๋าแล้ว ก็ได้เวลากินมื้อเช้าควบมื้อเที่ยงแล้ว เห็นร้านอาหารจำพวกกินง่ายใกล้ๆทางลงสถานี Asakusabashi ประกอบกับฝนที่โปรยลงมาพรำๆ ซดราเม็งร้อนๆสักชามคงจะดี ร้านแบบนี้ราคาจะถูกมากๆ ราเม็งเอยข้าวเอย ราคาชามละ 500-600 เยน อิ่มและอร่อย

เมื่อท้องอิ่มแล้ว ต่อไปก็เป็นช่วงเวลาของการเที่ยวยาวๆยันค่ำแล้วจ้า เดินจากร้านราเม็งกลับมาที่สถานี Asakusabashi กันอีกครั้ง และจุดหมายแรกที่เราจะไปในทริปนี้ก็คืออะคิบะ

ด้วยความที่มีคุณแม่และคุณน้าร่วมทางด้วย ก็เลยเลี่ยงการเดินเท้าโดยไม่จำเป็น ยอมนั่งรถไฟแม้เพียงสถานีเดียวก็เอา อย่างเรานี่นั่งรถไฟ JR สาย Sobu Line Local จากสถานี Asakusabashi ไปลงที่สถานี Akihabara นั้นระยะทางเพียงแค่ 1 สถานีเดียวเอง

มาถึงสถานี Akihabara แล้วจ้า

เดินออกมาหน้าสถานี เห็นนกพิราบแล้วนึกถึงแถวสนามหลวงที่ไทยเลย 555+

ตาม route การเดินอะคิบะ ต้องมาที่นี่ก่อนจริงจัง เพราะมันใกล้ทางออกสถานีฝั่ง Electricity Town นั่นก็คือ AKB48 Cafe & Shop

เข้าไปอัพเดตสินค้าซะหน่อยละกัน

ต่อไปก็คือไปร้าน Book-off!, Azobit City, ตึก Akiba Cultures Zone, Akiba Softmap และสุดท้ายคือร้านดองกี้

ได้เวลาลุยซื้อสินค้าไอด้อลและอนิเมะแล้ว

มาอะคิบะงวดนี้ สินค้า Love Live เต็มไปหมดเลย!

เจอเยอะๆเข้ามันก็สนใจและอยากได้กะเค้ามั่ง 555+

ฟิกเกอร์มือสองราคาไม่แรงเท่าไหร่ อยากได้เหมือนกันนะแต่ว่าไม่เอาดีกว่า..

เข้าร้าน TRIO ไปอัพเดตสินค้าไอด้อลมือสองกันหน่อย มีสินค้าของวงใหม่ๆมาลงเยอะแยะเลย

เดินผ่านตู้คีบตุ๊กตา อยากได้เจ้าฟุนัชชี่ตัวนี้จังแฮะ..

เสร็จสรรพจากอะคิบะเวลาประมาณบ่าย 3 โมงเย็น ได้เวลามูฟไปสถานที่ต่อไปก็คือโอไดบะ คุณแม่อยากไปซิ

เดินไปขึ้นรถไฟ JR สาย Yamanote Line จากสถานี Akihabara ไปลงที่สถานี Shimbashi เพื่อไปต่อรถไฟสาย Yurikamome Line ข้ามไปลงที่สถานี Daiba

ช่วงบ่ายๆก่อนเลิกงานคนยังค่อนข้างน้อยอยู่ ไม่เบียดเสียดแออัดมากนัก

ออกจากสถานีรถไฟ JR เดินมาขึ้นรถไฟ Yurikamome Line ต่อทันที

เดี๋ยวเราจะขึ้นรถไฟสาย Yurikamome Line จากสถานี Shimbashi ไปลงที่สถานี Daiba ค่าโดยสาร 320 เยน

เดินออกมาจากสถานีมา ก็จะพบกับวิวของสะพานสายรุ้งรอต้อนรับเราอยู่

และก็ไม่พลาดที่จะเดินไปทักทายเทพีเสรีภาพประจำโอไดบะ

เดี๋ยวจะเข้าไปเดินชอปปิ้งกัน เริ่มต้นจากที่ห้าง Aqua City นี้ก่อนเลย

ทักทาย Fuji TV ซะหน่อย

มาเยือนโอไดบะเป็นครั้งที่ 7 แล้ว หนาวหน่อยวันนี้ ฟ้าครื้มมากๆ

แวะให้ผู้ใหญ่ได้ชอปปิ้งกันซักเล็กน้อยที่ห้างนี้ ก่อนที่จะไปต่อที่ห้าง DiverCity Tokyo Plaza

เมื่อเดินมาถึงข้างหน้าของห้าง DiverCity Tokyo Plaza ก็จะต้องได้เจอกับกันดั้มตัวใหญ่ยักษ์นี้ก่อน

เป็นสิ่งที่คุ้นเคยสำหรับคนที่เดินทางมาโอไดบะหลายต่อหลายครั้งแล้ว

เดินชอปปิ้งรอเวลาให้คุณแม่ได้ยลแสงสีของโอไดบะยามค่ำคืน แต่ด้วยความที่นอนน้อย พอตกเย็นก็เริ่มมีอาการป้อแป้ง่วงนอนให้เห็นแบบนี้ล่ะ 555+

เดินชอปปิ้งก่อนจะลงมากินข้าวเย็น ยะกิโซบะจานร้อนที่ Food Court ชั้น 1 อันนี้อร่อยดีนะ

กินข้าวเย็นเสร็จก็ได้เวลากลับที่พัก ขากลับเดินย้อนออกมาตรงกันดั้มอีกครั้ง

ดูรอบเวลาแล้ว มันกำลังจะมีการแสดงแสงสีเสียงพอดีในตอน 2 ทุ่ม ก็เลยยืนถ่ายรูปเล่นรอชม

การแสดงแสงสีเสียงของกันดั้ม Gundam Rising Again !

การแสดงใช้เวลาประมาณ 6-7 นาที ก็ดูเพลินๆสนุกดี กันดั้มขยับได้ด้วยล่ะ โคตรเจ๋ง!

จากนั้นเราก็เดินกลับไปตามทางเดิม เพื่อไปขึ้นรถไฟที่สถานี Daiba แต่ก่อนอื่นขอยืนถ่ายรูปแสงไฟของสะพานสายรุ้งซะหน่อย เห็นโตเกียวทาวเวอร์อยู่ข้างหลังด้วยแน่ะ

ก่อนกลับก็แวะมากล่าวลากับเทพีเสรีภาพอีกครั้ง

มาถึงสถานี Daiba ซื้อตั๋วเพื่อขึ้นรถไฟสาย Yurikamome Line กลับไปลงที่สถานี Shimbashi ค่าโดยสาร 320 เยน

จากนั้นก็ไปต่อรถไฟ Toei Subway สาย Asakusa Line จากสถานี Shimbashi กลับไปลงที่สถานี Asakusabashi แล้วก็เดินกลับที่พัก

ห้องพักที่จองไว้จะเป็นห้องเตียงสองชั้น 2 ห้อง ห้องน้ำเป็นแบบ shared bathroom ถือว่าดีในราคาย่อมเยา

เป็นอันจบวันแรกที่แสนจะง่วงและเพลียมากเพราะฤทธิ์ยา ป่วยก่อนหน้าที่จะถึงวันเที่ยวนี่แย่ชะมัด.. หวังว่ามันคงจะค่อยๆอาการดีขึ้นเรื่อยๆจนเป็นปกติในเร็ววันนะ ไม่อยากเที่ยวแบบป่วยๆไปตลอด

ราตรีสวัสดิ์ เจอกันพรุ่งนี้ที่นิกโก้ครับ!

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page