top of page

2014.10.28 Japan Trip #7 Day6 - Yamadera

จริงๆแพลนวันนี้นี่มีการแก้ไขกันก่อนเดินทางมาญี่ปุ่นได้ประมาณสัปดาห์นึง ก่อนหน้านี้เราแพลนไว้ว่าจะไปเที่ยวที่ภูเขาฮอกโกดะโดยขึ้น Hokkoda Ropeway ไปเดินเล่นชมวิวข้างบน แต่เช็คข่าวแล้วที่นั่นในตอนนี้นั้นต้นไม้เหลือแต่กิ่ง ไม่เหลือใบไม้แดงหรือแม้แต่น้ำตาลกรอบๆ แถมหิมะใกล้จะตกแล้วอีก เราเลยตัดแพลนนี้ทิ้งซะ แล้วเดินทางออกจากอาโอโมริไปเซ็นไดต่อตั้งแต่เช้าเลยแทน จากเดิมที่จะไปตอนค่ำๆ พร้อมกับเลื่อนแพลนเที่ยวที่ยะมะเดระมาเป็นวันนี้แทนที่จากเดิมจะมาเที่ยวในวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับโตเกียว การมาเที่ยวชมธรรมชาตินั้นต้องบอกเลยว่าการเตรียมแพลนนั้นควรจะยืดหยุ่นได้เสมอ ไม่งั้นถ้าฝืนไปเที่ยวจริงๆคงจะกร่อยๆน่าดูเลยเนอะ

วันนี้ออกจากอาโอโมริแต่เช้าแล้วมาเช็คอินโรงแรมที่เซ็นได(ซึ่งจะใช้เป็นฐานที่มั่น 4 วัน) แล้วก็ออกไปลุยยะมะเดระตอนบ่ายล่ะ

เดินทางออกจากอาโอโมริแต่เช้า ฝนยังคงตกยาวๆมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ อากาศเลยหนาวเย็นมากๆ น่าจะประมาณ 6-7 องศาได้.. แบบนี้นี่แทบอยากจะรีบหนีออกจากอาโอโมริลงใต้ไปเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยล่ะ!

เช็คเอ๊าท์แล้วลากกระเป๋าเดินทางมาที่สถานี Aomori โชคดีที่ฝนมันหยุดไปแป๊บนึงพอดี เลยเดินไปสถานีรถไฟสบายขึ้นหน่อย

ยื่นบัตร JR Pass ให้เจ้าหน้าที่สถานีดูแล้วก็เดินผ่านเข้าได้เลย รอบรถไฟของเราจะมาเวลา 8.21 น. เป็นรถไฟที่ไปถึงสุดสายแค่สถานี Shin-Aomori ตอนแรกก็สงสัยนะว่าทำไมถึงวิ่งแค่สถานีเดียว หรือว่ามันต้องวิ่งมาจากที่ไกลๆอย่างเช่นจากฮะจิโนะเฮะหรือฮะโกดะเตะรึเปล่า

เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วรีบเดินไปขึ้นรถไฟกันดีกว่า รถไฟจะมาจอดที่ชานชาลาที่ 3

ว่าแล้วว่ามันต้องไม่ใช่รถไฟ JR สาย Ou Line ขบวนธรรมดาแน่ๆ เพราะรถไฟที่เราจะได้นั่งนี้คือขบวน Super Hakucho ที่วิ่งกลับมาจากฮะโกดะเตะ อยู่ๆก็ได้มีบุญนั่งอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกก็ได้นั่งกลับจากฮะโกดะเตะเมื่อปีที่แล้วนะล่ะ

สถานีเดียวขำๆ นั่งตรงไหนก็ได้นั่งไปเถอะ

มาพูดถึงรถไฟขบวน Super Hakucho กันหน่อย ถึงจะเคยรีวิวไปแล้วตั้งแต่ปีที่แล้วที่ได้เคยขึ้นรถไฟนี้ครั้งแรกแล้ว เจ้า Super Hakucho รวมถึง Hakucho ธรรมดานั้นจะวิ่งทะลุผ่านช่องแคบสึกะรุข้ามจากเกาะฮอนชูไปยังเกาะฮอกไกโดแล้วไปสุดสายที่สถานี Hakodate ล่ะ ตารางการเดินรถก็เป็นตามนี้เลย

ท่านกำลังเข้าสู่สถานี Shin-Aomori

มีเวลา 10 นาทีในการเดินไปต่อรถไฟชินคังเซ็น เราจองรถไฟรอบ 8.37 น. เอาไว้ เดินไปทันแบบสบายๆ แวะเข้าห้องน้ำยังทันเลยล่ะ

ขบวนที่ได้นั่งนี้คือรถไฟ Shinkansen Hayabusa 12 ออกจากสถานี Shin-Aomori เวลา 8.37 น. จะไปถึงสถานี Sendai เวลา 10.29 น.

ใช้เวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมงก็มาถึงสถานี Sendai แล้ว

มาถึงเซ็นได ฝนก็ยังคงตกอย่างต่อเนื่อง เพราะวันนี้มีฝนตกทั่วทั้งภูมิภาคนี่นะ แต่เช็คพยากรณ์แล้วฝนจะหยุดตกตอนเย็น ตอนนี้ก็ลุยฝนเที่ยวกันไปก่อน กางร่มดูแผนที่โรงแรมที่เราจะพักในเซ็นไดเป็นเวลา 4 คืน คือโรงแรม Toyoko Inn Sendai Higashi-guchi No.2 (เหมือนว่าที่เซ็นไดจะมี Toyoko Inn ตั้ง 3 สาขาแน่ะ อันที่พักนี่ค่าห้องถูกสุดในบรรดาทั้งสามที่) จากสถานีรถไฟเดินไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก

มาถึงแล้ว โรงแรม Toyoko Inn Sendai Higashi-guchi No.2 โดนพนักงานยุให้สมัคร Member Card จะได้ห้องก่อนเวลาเช็คอินประมาณ 1-2 ชั่วโมง แต่ก่อนเท่านั้นล่ะ เพราะเราจะออกไปเที่ยวแล้วกลับมาอีกทีตอนค่ำเลย ก็เลยได้เพียงแค่ฝากกระเป๋าสัมภาระเอาไว้ก่อน

หลังจากนั้นก็เดินกลับมาที่สถานี Sendai อีกครั้ง ณ ตอนนี้คือฝนหยุดไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะตกอีกมั้ยแต่ดูฟ้าก็ยังครึ้มอยู่ดีก็น่าจะมีแววตกลงมาอีก เราและคณะเลยรีบหาข้าวกินแล้วรีบไปเที่ยวกันดีกว่า

มาเซ็นไดที่ดังในเรื่องลิ้นวัวย่างและซูชิทั้งที ก็ต้องจัดซะหน่อยละ! เริ่มจากลิ้นวัวย่างกันก่อน หาร้านกินแถวๆสถานีนะล่ะ

แม้จะเสียเวลาเดินทางและกินข้าวนานไปสักหน่อย แต่ก็ยังพออยู่ในการคอนโทรลเรื่องเวลาของเรานะ ว่าแล้วก็เดินเข้าสถานีไปขึ้นรถไฟ JR สาย Senzan Line Rapid สายที่จะไปยะมะเดระ รถไฟออกเวลา 13.01 น.

เช็คให้ดีนะว่ารถไฟมาจอดที่ชานชาลาไหนและเดินทางไปฝั่งไหน รถไฟขบวนนี้จะมาจอดที่ชานชาลาที่ 8

รถไฟสาย Senzan Line นี้ วิ่งไปกลับระหว่างสถานี Sendai กับสถานี Yamagata

เรามาถึงสถานี Yamadera เวลา 13.59 น. ระหว่างทางที่รถไฟผ่าน มีทั้งภูเขาใบไม้เปลี่ยนสีทั้งลำธาร สวยดีนะแต่ฝนมันก็ตกลงมาอีกแล้วเช่นกัน

สถานี Yamadera ที่ซึ่งวัดเขายะมะเดระตั้งอยู่

เห็นวัดอยู่บนยอดเขาข้างหน้าต่อหน้าต่อตาเลย มาถึงยะมะเดระแล้วฝนยังคงตกลงมาพรำๆอยู่ไม่ขาดสาย

ซูมให้เห็นวัดที่อยู่บนเขา

เดินออกมาจากสถานี Yamadera แวะเข้าห้องน้ำซะก่อนจะไปลุยบันไดพันขั้น

เดินตรงมุ่งหน้าออกไปทางวัดบนเขาที่เห็นตรงหน้านั่น

มีอิ๊คคิวซังมาชี้ทางบอกด้วยล่ะ! เป็นป้ายบอกทางเดินไปยังวัดริชชะคุจิหรือวัดเขายะมะเดระที่รู้จักกัน

เดินมาถึงแยกอีกทีจะมีสะพานแดงนี้อยู่ทางซ้ายมือ เดินข้ามสะพานไปเสร็จจะเจอถนนซึ่งเราจะพบว่ามีทางขึ้นวัดเขายะมะเดระทั้งหมด 3 ทางจากทางซ้าย,กลางและขวา เราจะเดินไปขึ้นทางขวาซึ่งเป็นทางขึ้นหลัก

เดินมาถึงทางขึ้นที่เป็นบันไดสูงเอาสักหน่อย

เดินขึ้นมาจะเจอวัดคงปงจูโดก่อนเป็นแห่งแรก มากวักควันธูปเข้าตัวเพื่อความเป็นสิริมงคล

บนนั้นน่าจะเป็นพระสังกัจจายน์

จากวัดคงปงจูโดมาเลี้ยวซ้ายแล้วเดินมาตามทางก็จะเจอพระจิโซกลุ่มนี้

เดินผ่านมาถึงศาลเจ้าฮิเอ ไหว้ย่อกันเล็กน้อย

มาถึงบริเวณทางเข้าสู่เส้นทางเดินขึ้นไปข้างบนแล้ว ถ่ายรูปแผงผังของวัดยะมะเดระนี้เอาไว้ให้ดูกัน

นี่คือซุ้มทางเข้า วัดเขายะมะเดระนี้ต้องเสียค่าเข้าชม 300 เยน

บันไดอาจจะดูไม่สูงนัก แต่ก็มีเป็นพันขั้นนะ ถ้าพร้อมแล้ว.. เริ่มได้!!

ระหว่างทางก็มีศาลเจ้าขนาดเล็กเก่าๆรายล้อม

อากาศอับๆชื้นๆหายใจลำบากหน่อยเวลาเหนื่อย แต่ก็ยังเดินต่อไป

เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดพักสักประเดี๋ยว แล้วก็เดินกันต่อ

ขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ เริ่มจะเห็นอาคารสิ่งก่อสร้างข้างบนแล้ว

และเราก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูนิโอมง

เดินผ่านประตูนิโอมงเข้าไป แล้วขึ้นบันไดต่อไปเรื่อยๆ

เดินขึ้นไปแล้วมองข้ามผ่านอาคารยะมะอุจิชิอิงไป

มองเห็นวิวที่เป็นมุมมหานิยมที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปเวลามาเยือนที่ยะมะเดระแห่งนี้

ช่องหุบเขาตรงหน้าที่มีอาคารเจดีย์สีแดงอยู่ข้างๆ กินใจมากๆ

ทางขวาของเจดีย์สีแดงเป็นอาคารไคซังโด ซึ่งมีทางเดินไปต่ออีกทางขวามือ

ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปกับวิวยอดนิยมตรงจุดนี้

ช่องหุบเขาที่เผยให้เห็นถึงหมู่บ้านตรงช่องเขา เดี๋ยวเราจะเดินไปถ่ายรูปตรงหอชมวิวที่อยู่ตรงทางเดินทางขวามือของอาคารไคซังโด

เดินมาถึงหอชมวิวที่ชื่อว่าอาคารโกไดโดแล้ว เห็นวิวของเมืองเบื้องล่างแล้วน้ำตาจะไหล สวยมากจริงๆ

หุบเขาที่่ฉาบไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี เราเดินทางมายะมะเดระก็เพื่อสิ่งนี้!

ความสุขเล็กๆของนักเดินทาง

จากนั้นเราก็เดินกลับลงมาจากจุดชมวิวไปทางเก่า เดี๋ยวจะเดินขึ้นบันไดไปตามทางหลักต่อ ใกล้จะสุดทางแล้ว

เดินตามเราไปกันต่อเลย!

เจอต้นไม้แดงๆเป็นระยะตามทาง แต่ต้นนี้หยิบจับได้สุดละ

อาศัยร่มเงาถ่ายรูป จะบอกว่าตอนจะถ่ายรูปนี้เกือบเป็นศพละ อีกครึ่งก้าวเราจะหงายท้องตกเหวด้านหลังไปแล้ว ต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้ โชคดีมากที่คุณแม่ตะโกนเตือนเอาไว้ก่อน

ดีใจนะที่ฝนหยุดตก พอฝนหยุดแดดออกแล้วแสงมันสวยขึ้นทันตาเลย

ดูสีท้องฟ้าและใบไม้ข้างหลังนั่นสิ สวยมากๆเลย!

เดินขึ้นบันไดมาอีกหน่อยก็ถึงโอคุโนอิง ชื่อโอคุโนอิงนี้เป็นชื่อเดียวกับที่โคยะซังเลยอ่ะ

มาถึงจุดสูงสุดของวัดเขายะมะเดระแล้ว!

เดินไปถ่ายวิวทางซ้ายซะหน่อย

พระพุทธรูปที่ญี่ปุ่นนี้ชอบใส่ผ้ากันเปื้อนจัง

เอาล่ะ.. ได้เวลาถ่ายคลิปแล้ว ไปชมกันเลย!

บรรยากาศที่วัดเขายะมะเดระ สวยงามกว่าที่คิดมาก ไม่มาด้วยตัวเองจะไม่รู้หรอกครับ

จากนั้นเราก็เดินถ่ายรูปรอบๆบริเวณนี้ต่อ

เราชอบวิวแบบนี้จริงๆนะ วิวช่องหุบเขาเนี่ย คือมันงามมากอ่ะ เห็นเมืองทั้งเมือง ชอบๆ

ยิ่งมีใบไม้เปลี่ยนสีแซมด้วยนี่ ช่างเป็นทัศนียภาพที่วิเศษจริงๆ

รูปสุดท้ายละ ก่อนที่จะเดินกลับลงไปข้างล่าง

กลับข้างล่างแล้วจ้า ไม่คิดว่าจะใช้เวลาสั้นขนาดนี้นะ ชั่วโมงเดียวเอาอยู่ 555+

มีความรู้สึกว่าการเดินลงเขามันสบายกว่าขึ้นเขาร้อยเท่าได้ 555+

ต้องค่อยๆเดินด้วยเพราะความชันประกอบกับฝนตกจนทำให้พื้นค่อนข้างลื่น

ใช้เวลาเดินลงจากเขาประมาณ 10 นาทีเท่านั้นเอง

ลงมาถึงประตูทางเข้าออกวัด เงยหน้ามองฟ้าอีกที มืดมาแต่ไกลอีกแล้ว อีกเดี๋ยวได้ตกแน่ๆ..

รีบเดินกลับสถานีรถไฟดีกว่า เราเดินลงบันไดที่เป็นทางขึ้นลงตรงกลางล่ะ

เดินลงมาถึงถนนข้างหน้าเรียบร้อย นี่เป็นทางขึ้นลงที่อยู่ตรงกลาง 1 ใน 3 ทางขึ้นลงวัดเขายะมะเดระ

เดินข้ามสะพานสีแดง กลับทางเก่าที่เดินมาจากสถานีรถไฟ

จะว่าไป วิวลำธารทั้งทางซ้ายและขวาก็สวยอยู่นะ

อีกฝั่งนึงดูสุมทุมพุ่มไม้เยอะกว่า

และเราก็กลับมาถึงสถานี Yamadera อีกครั้ง

ถ่ายรูปกับสถานี Yamadera เป็นที่ระลึกซะหน่อย

เช็ครอบรถไฟแล้ว จะมีรถไฟกลับเซ็นไดเวลา 16.16 น. มีเวลาอีกพอสมควรก่อนที่รถไฟกลับเซนไดจะมาถึง

ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก็กลับมาถึงสถานี Sendai อีกครั้ง

มาดูแผนที่เมืองเซ็นไดบริเวณใกล้ๆกับสถานีรถไฟกันซะหน่อย ส่วนใหญ่ก็เป็นแหล่งการค้าที่มีห้างและถนนคนเดินมากมาย

ก่อนจะถึงเวลาหาข้าวเย็นกิน งั้นเราและคณะเดินทางไปเดินเล่นชอปปิ้งกันก่อนนะ เริ่มจากที่ร้าน Loft ทางฝั่งขวามือ

จากนั้นก็ไปละลายทรัพย์เล่นที่ร้าน Book-Off! ดูเหมือนคุณแม่กับคุณน้าจะชอบเสื้อผ้ามือสองที่นี่มากๆเลยล่ะ

จากนั้นก็ไปหาร้านอาหารกินข้าวเย็นแถวๆย่านการค้าอิจิบังโจกัน

ไม่ค่อยมีร้านไหนถูกใจเลย สุดท้ายก็กินอะไรง่ายๆเบสิกๆแบบร้าน Sukiya นี่ล่ะ

อิ่มแล้วจากนั้นก็เดินเข้าห้าง PARCO ที่อยู่ข้างสถานีรถไฟกันต่อ ชั้นบนมีร้าน Tower Records อยู่

ห้างปิดตอนสามทุ่ม มองนาฬิกาแล้วเรามีเวลาเดินดูซีดีอีกครึ่งชั่วโมง เดินให้ห้างปิดไปเลย!

มีโปรโมตอัลบั้มใหม่ของ Slipknot ด้วยแฮะ 555+

จบการชอปปิ้งในคืนแรกที่เซนไดเพียงเท่านี้ ได้เวลากลับโรงแรมที่พักละ เดินย้อนไปทางฝั่งตะวันออกของสถานี

กลับมาถึงโรงแรม Toyoko Inn Sendai Higashi-guchi No.2 ละจ้า เช็คอินแล้วลากกระเป๋าเดินทางขึ้นห้องกันเลย

ถึงห้องแล้วจ้า พวกเราจะค้างคืนที่นี่ 4 คืนด้วยกัน ดังนั้นพอเข้าห้องมาก็เลยโยนทุกอย่างเรี่ยราดราวกับเปิดท้ายขายของ 555+

ว่าแล้วก็อาบน้ำก่อนเลย สบายตัวก่อนแล้วค่อยมาเก็บของ

เตียงนอนกว้างใหญ่สบายดีจริงๆ นอนกลิ้งเล่นมือถือเพลินๆ

หลังจากจัดของเตรียมนู่นนี่สำหรับพรุ่งนี้เสร็จ ก็พร้อมนอนละ พรุ่งนี้เรามีแพลนไปล่องเรือชมโตรกผาเกบิเคและไปเที่ยวที่ฮิระอิสึมิ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ!

ก่อนนอน.. ขออวดหน่อย กับสิ่งที่ไปละลายทรัพย์มา

ซีดีที่ซื้อมาจากร้าน Tower Records

ซีดีและหุ่นฟิกเกอร์กาชาปองที่ซ์้อมาจากร้าน Book-Off!

ส่วนไอ้เจ้าฟุนัชชี่นี่.. มันวิ่งตามเรากลับมาจากร้าน Loft เองนะ เราไม่เกี่ยว 555+

About Puttiano Rossi

"เป้าหมายของเราคือการไปเยี่ยมเยือนให้ครบทั้ง 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้"

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon
Never Miss a Post!
bottom of page